Close this window

เวลาแซงเปลี่ยนจากเกียร์ออโต้เป็นแมนนวล ดีหรือไม่
คือว่ามีเรื่องสงสัยเทคนิคในการขับ เวลาแซงในโหมดของเกียร์ออโตมันอืดเล็กน้อย พอลองเปลี่ยนเป็น M แล้วชิพไปเกียร์ 3 มันแรงดีมาก เลยทำทุกครั้งที่ต้องการเรียกกำลังของเครื่อง ไม่ทราบว่าเทคนิคการแซงแบบนี้ใช้ได้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีปุ่มโอเวอร์
โดย: bluedevil   วันที่: 4 Feb 2005 - 10:25


 ความคิดเห็นที่: 1 / 15 : 035433
โดย: jk
ที่ผมเอา MT ไม่ใช้เพราะไม่มีเงินนะครับ แต่ความมันส์ อยู่ที่ manual ครับ ใน auto ไม่มี
ใครที่ลองแล้วจะรู้ ......
วันที่: 04 Feb 05 - 10:29

 ความคิดเห็นที่: 2 / 15 : 035435
โดย: เลิศ
ผมก็ทำแบบ คุณ bluedevil เหมื่อนกันครับ ทันใจดี แซงแล้วก็ผลักกลับ auto เหมือนเดิม ถ้าไม่เค้นกันมากไม่น่ามีปัญหานะครับ...ผู้รู้คิดว่าไงครับตอบด้วย
วันที่: 04 Feb 05 - 10:38

 ความคิดเห็นที่: 3 / 15 : 035442
โดย: ผีเด็ก
มานมี kick down ม่ะใช่เลองับ เกียรออโต้แหนะ หยีบให้สุดคันเร่ง แร้วเครื่องจาพุ่งเรย
วันที่: 04 Feb 05 - 10:57

 ความคิดเห็นที่: 4 / 15 : 035443
โดย: bluedevil
เรียนคุณผีเด็ก สรุปว่าวิธีแซงคือเหยียบให้สุดคันเร่งแล้วมันจะมาเองเหรอคับ kick down คืออะไรคับช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยคับ แบบว่าไม่รู้จิงๆ แล้วถ้าเหยีบสุดคันเร่งเวลาแซงมันกินน้ำมันมากกว่าวิธีแซงธรรมดาด้วยใช่ใหมคับ
วันที่: 04 Feb 05 - 11:00

 ความคิดเห็นที่: 5 / 15 : 035451
โดย: ผีเด็ก
ใช่ครับ ถ้าคนเคยขับเกียรออโต้จารู้ดีน่ะครับ การกระทืบคันเร่งลงให้มิด เครื่องมันจะเพิ่มรอบสูงขึ้น ก็คล้ายคล้ายกะเกียร MT น่ะคับ เปนการลดเกียร ทำให้เครือ่งมีกำลังมากขึ้น
วันที่: 04 Feb 05 - 11:31

 ความคิดเห็นที่: 6 / 15 : 035461
โดย: ผีเด็ก
รอผู้รู้มาอธิบายเพิ่มน่ะครับ ผมก็อธิบายม่ะค่อยถูกอ่ะครับ
วันที่: 04 Feb 05 - 11:48

 ความคิดเห็นที่: 7 / 15 : 035487
โดย: Mr#Mz3
ปกติเวลาต้องการจากเรียกรอบและแรงบิดสำหรับแซง ระบบ AT นั้นจะมีระบบ kick down ครับคือกดคันเร่งลงไปแบบฉับพลัน (บางยี่ห้อก็ไม่ต้องกดให้มิดก็ได้ ) ระบบสมองกลของเกียร์ก็จะทำการเปลี่ยนเกียรลงมา 1 step เช่นวิ่งอยู่ที่เกียร์ 4 ก็จะเปลี่ยนลงมาเกียร์ 3 เพื่อให้ได้แรงบิดสูงขึ้น (ปรับอัตราทดของเกียร์ให้เหมาะสมนั้นเอง) เท่านั้น เราก็จะได้แรงม้ากับแรงบิดเพิ่มขึ้นในฉับพลัน จะเหมือนๆกับเกียร์ MT นั้นแหละครับ แต่การ kick down จะมีประโยชน์ดีกว่าโดยไม่ต้องใช้มือไปเปลี่ยนเกียร์ทำให้เราสามารถใช้ 2 มือควบคุมพวงมาลัยได้ดีและสมาธิอยู่ที่รถคันหน้าที่พุ่งมาหาเรา

ผมเองเคยใช้แบบ MT มาก่อน พอมาใช้ AT รู้สึกชอบเลยครับเพราะเกียรแบบ AT สมัยนี้ดีกว่าแต่ก่อนมาก ตอบสนองไวกว่าเดิมครับ โดยรวมๆแล้วผมคิดว่าถ้าเทียบจริงๆการ kick down กับการใช้เกียร MT แล้วเชนด้วยมือนั้น การ kick down ใช้เวลาน้อยกว่าครับแม้บางคันจะมีอาการรอแปบนึงกว่าที่เกียรจะเชนลง แต่เราสามารถ kick down ก่อนที่จะเริ่มแซงได้ครับ เวลาอาจต่างกันไม่ถึง 1 วินาทีด้วยซ้ำ

โดยรวมขับแบบ AT สบายกว่าครับทั้งในเมืองและนอกเมือง เกียร MT ถ้าในเมืองเจอรถติดหนักๆ หรือเวลากลับบ้านช่วงสงการนต์ท่านจะรู้สึกเบื่อเลยครับ เมื่อยขาอีกต่างหาก อย่างช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมขับกลับจาก นครสวรรค์ถึง กทม. ใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง ลองคิดดูแล้วกันว่าจะเป็นอย่างไร วิ่งๆแล้วจอด

ส่วนระบบ active matic นั้นมีไว้ก็เพื่อลดช่องว่างระหว่างระบบเกียรแบบ AT กับ MT ครับ มีไว้สำหรับท่านที่ต้องการลากรอบ หรือต้องการการขับแบบ MT โดยใช้เกียร AT ความสนุกจะอยู่ตรงนี้ละครับ

ข้อดีของ active matic อีกอย่างก็คือเวลาท่านต้องไป ตจว. ขึ้นเขา ลงเขา เจ้าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับขี่มาก สามารถใช้ engin break ได้โดยไม่ต้องเหยียบเบรค เนื่องจากบางครั้งถ้ารถวิ่งมาด้วยความเร็ว การเข้าโค้งด้วย engin break จะให้เสถียรภาพในการขับขี่ดีกว่าเหยียบเบรคแล้วเข้าโค้ง เพราะถ้าเราเหยียบเบรกเวลาเข้าโค้งรถจะวิ่งด้วยแรงเฉื่อยครับ

อย่างไรแล้วทุกครั้งที่ท่านขับขี่ ก็ควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาทครับ ขับรถเร็วเกินไปก็ไม่ดีครับ เห็นใจเพื่อนร่วมทางด้วย เพราะอุบัติเหตุที่เกิดกับท่านอาจไม่สงผลกับท่านเพียงท่านเดียวครับ ยังมีอีกหลายๆท่านที่ใช้ทางร่วมกับท่านอยู่ครับ
วันที่: 04 Feb 05 - 12:49

 ความคิดเห็นที่: 8 / 15 : 035488
โดย: shaythawee
รู้สึกว่า kick down จะdelay ประมาณ1-2วินาทีนะครับ
เผื่อจังหวะด้วย
วันที่: 04 Feb 05 - 12:51

 ความคิดเห็นที่: 9 / 15 : 035492
โดย: Mr#Mz3
เวลาแซงจะเปลี่ยนจาก D มา M ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความถนัดและความคุ้นเคยกับรถของท่านเป็นหลักครับ ผมเองตอบแทนไม่ได้หรอกครับ ท่านต้องเป็นคนตอบแอง ส่วนผมนั้นถนัดทั้ง 2 แบบ เมื่อใช้รถคันไหนผมก็พยายามให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราครับ เวลาขับไม่ต้องมองที่หน้าปัด พยายามฟังเสียเครื่องเป็นหลัก ทำโดยเป็นนิสัยครับ แล้วท่านจะเคยชินไปเอง ผมเคยใช้แบบ MT นานอยู่หลายปี จนหลังๆรู้สึกว่าเราเปลี่ยนเกียรตอนไหนยังไม่ทราบเลยครับ
วันที่: 04 Feb 05 - 12:58

 ความคิดเห็นที่: 10 / 15 : 035519
โดย: bluedevil
โอ้ขอบคุณมากคับ ได้ความรู้มากเลยคับทั้งคุรผีเด็ก และคุณ ?Mr?Mz3
วันที่: 04 Feb 05 - 14:05

 ความคิดเห็นที่: 11 / 15 : 035527
โดย: eiei
ได้ความรู้จริงๆครับ
วันที่: 04 Feb 05 - 14:49

 ความคิดเห็นที่: 12 / 15 : 035530
โดย: SHOKUN
ผมก็ลอง test บนทางด่วนตอนไปทำงาน เหมือนกัน และในช่วงเวลารถติด โดยสังเกต และความรู้สึกจากตัวผมเอง หยั่งงี้ครับ ถ้า โหมด A การขับในย่านรถติดถ้าไปเรื่อยๆ ได้ และถ้าจะ ซิกแซก ให้ผลักขวามาที่ M (ไม่ต้องผลักใส่ - / + ) ถ้ารถขยับยาวค่อยใส่ + รอบจะดีกว่า A รถ M3 คลิ๊กดาวที่เท้าไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ ค่อยๆขึ้น ไม่เหมือนยี่ห้ออื่น ตามเท้ากว่า ส่วนใหญ่หากจราจร ถ้ารีบผมก็ผลักที่ M ถ้านั่งคุยกันไม่รีบ ก็ A ประหยัดน้ำมันกว่าแน่นอน
วันที่: 04 Feb 05 - 14:58

 ความคิดเห็นที่: 13 / 15 : 035676
โดย: *~ชั่วมั้งต้องภู~*
แนะนำให้อ่านในส่วนของ Article ครับจะมีเรื่อง "เกียร์อัติโนมัติ" ของมาสด้าอยู่

แต่ในนั้นจะเป็นระบบเก่าที่เรียกกันว่า Hold Mode ซึ่งเป็นการทำงานในแบบเก่า ๆ

แต่ใน M3 นั้นมาสด้าได้ปรับปรุงรูปแบบให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น และเป็นมิตรกันผู้ขับขี่มากขึ้น

ผลที่ได้ก็คือตามที่เห็นครับเป็นการชิพ + / - แทนกันขับคันเกียร์ใน Hold mode

แต่ลักษณะพื้นฐานของการขับขี่ และการใช้งานเกียร์อัตโนมิตยังคงเหมือนกัน

ถ้ายังงงนะครับ การผลักเกียร์เข้าสู่โหมด M ของเจ้า 3 ก็คือการกด Hold ของรุ่นเก่า ๆ นั้นแหละครับ

ที่เหลือก็แล้วแต่ผู้ขับขี่ว่าจะโยกยังไงให้มันส์เข้าจังหวะการ(ขับ)ขี่ ของผู้ร่วม(ถนน)

และแนะนำอย่างยิ่งให้อ่านไว้เป็นความรู้สึกหรับผู้ที่ไม่เคยใช้เกียร์ออโต้มาก่อนเลยนะครับ

จะได้เข้าใจการทำงานของเกียร์ได้ถูกต้อง ไม่ต้องกลับมันพังถ้าเราใช้ถูกวิธี หลาย ๆ อย่างของเจา 3

คงดีกว่ารุ่นโบราณอย่าง Hold mode เป็นแน่แต่พื้นฐานการทำงานมาจากแหล่งเดียวกัน

คงช่วยให้การขับขี่สนุกขึ้น และรู้สึก Zoom Zoom ได้อย่างแน่นอนครับ
วันที่: 05 Feb 05 - 03:05

 ความคิดเห็นที่: 14 / 15 : 035683
โดย: VTS
ใช้งานในเมือง ไม่เคยชิพดาวน์เพื่อแซงเลย เพราะเดี๋ยวก็ต้องไปเจอกันไฟแดงหน้าอยู่ดี
แต่เวลาออกต่างจังหวัด โหมดแมนวลของเกียร์ activematic จำเป็นต้องใช้มากครับในเวลาแซงที่ต้องการความมั่นใจ กับเวลาขึ้นลงเขา
อีกอย่างที่น่าสำคัญคือ นั่งคนเดียวหรือสองคน คิกดาวน์อาจจะพอแล้ว แต่ถ้านั่งหลายคน รถอืด ควรใช้ชิพดาวน์ครับ
วันที่: 05 Feb 05 - 08:36

 ความคิดเห็นที่: 15 / 15 : 035728
โดย: เนย
การคิกดาวน์ของ mazda จะทำการพฤติกรรมการขับขี่โดยรวมด้วยครับ เกียร์มันมีระบบการเรียนรู้

ถ้าคุณขับคลานๆ ในจังหวะรถติด หรือเป็นคนที่ขับรถไม่ใจร้อน ไม่รีบเร่ง ค่อยๆ ไต่รอบไปเรื่อยๆ ไม่เกิน 3 พันรอบก็ปล่อยให้เกียร์มันเปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์สูงซะแล้ว อย่างนี้เวลาคิกดาวน์ลงไปนี่ ตอบสนองช้าแน่นอนครับ เพราะพฤติกรรมการขับขี่ของคุณมันนุ่มนวลมาตลอด

แต่ถ้าคุณนึกคึกขึ้นมา วันนี้คิกดาวน์แหลก (มันมีสองสเต็ปนะครับ คิกดาวน์เนี่ย) พุ่งแซงมุดไปมุดมา ลากรอบ มีการเบรกที่ค่อนข้างแรง มีการหมุนพวงมาลัยในองศาที่เยอะและฉับไว ครั้งต่อไปคุณวิ่งอยู่ความเร็วคงที่ กดคันเร่งเพิ่มนิดเดียวเกียร์ก็ขยันเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำให้ทันทีแล้วครับ

เพราะฉะนั้นถ้าขับแบบปกตินุ่มนวลมาตลอด แล้วอยากแร่ดขึ้นมา ใช้ผลักมาที่ ActiveMatic น่าจะตอบสนองได้ดีกว่า แต่สำหรับคนที่ขับอย่างค่อนข้างเร็วและแรงอยู่แล้ว การคิกดาวน์จะทำได้รวดเร็วกว่าครับ

ที่บอกว่าการคิกดาวน์มีสองสเต็ป มันเป็นแบบนี้ครับ เวลาคุณวิ่งอยู่ความเร็วคงที่ทั่วไป ถ้าคุณลองกดคันเร่งลงไปเรื่อยๆ จะรู้สึกว่าคันเร่งเริ่มต้านเท้าขึ้นเรื่อย(คันเร่งของมาสด้าสามเป็นไฟฟ้าก็น่าจะยังพอรู้สึกได้นะ) เพราะ load ของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีนี้พอกดไปถึงจุดนึงจะรู้สึกว่ามีแรงต้านกลับมามาก พอผ่านจุดนั้นไปอีกสักเล็กน้อยเกียร์จะทำการเชนจ์ลงมา 1 เกียร์ เพื่อเรียกกำลังในการเพิ่มความเร็ว ซึ่งวิธีนี้ พอขับไปจนชินจะรู้จังหวะเองว่ากดคันเร่งลงไปอีกขนาดไหนเกียร์จะเชนจ์ลงให้จากน้ำหนักของคันเร่งที่เรารู้สึกได้

อีกวิธีนึงคือการต้องการกำลังอย่างรวดเร็วและรุนแรง คุณอัดกระแทกคันเร่งลงไปจนมิด จนเจอสวิทช์คิกดาวน์ตัวจริงนั่นล่ะ (ในขั้นตอนที่แล้วเกิดจากการประมวลผลของน้ำหนักการกดคันเร่ง ความเร็วรอบเครื่อง และความเร็วรถ ณ ขณะนั้น) มันจะคิกดาวน์ลงต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนใหญ่มักจะลงไป 2 เกียร์ครับ

ลองฝึกหัดใช้ให้ชินดูครับ แล้วจะขับสบาย ไม่รู้สึกว่าอืดขึ้นอีกมากเลยครับ อีกอย่างรถมาสด้าเนี่ย มันมีช่วง power band นะครับ คงไม่เหมือน honda ที่ลากรอบฟาดไปสูงๆ แล้วอัตราเร่งจะดีขึ้น อย่างตัว 1.6 ถ้าเกิน 5 พันรอบก็ไม่ต้องลากให้เสียเวลาแล้วครับ สึกหรอ สิ้นเปลือง แล้วก็ตื้อแล้ว ต้องรู้จักจังหวะและการใช้รอบเครื่องด้วยครับ
วันที่: 05 Feb 05 - 10:37