Close this window

กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี
1500 SOLUNA = 4100
1600 COROLLA = 4500
1800 ALTIS = 5300
2000 CORONA = 6300
2400 CAMRY = 9100
3000 RAIDER/CRUISER = 14500
อีกไม่นาน พวกกระบะ 4 ประตู เจอภาษี เป็นหมื่นแล้วครับ
เมื่อเช้านี้ขับรถมาทำงาน ฟังข่าวแว่วๆว่า การจัดเก็บภาษีจะเสนอเข้า ครม.
เร็วๆ นี้แล้ว copy มาจาก fordclub อีกที

การปรับเก็บภาษีรถยนต์รายปี...ใหม่อัตราเพิ่ม 2 เท่า
ผมได้ข่าวจากกรมการขนส่งทากบก (MOTC news) มาบอกเพื่อนๆ อีกแล้วครับ
มาคราวนี้รัฐเอาจริงจะปรับปรุงอัตราค่าภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปีทุกชนิด
รวมรถบรรทุกด้วย โดยหยิบยกเอาสาระมาเขียนให้อ่านกันที่เป็น Highlight
สำคัญๆ มาได้ดังนี้

ในขณะนี้กระทรวงการคลังร่วมกับกรมการขนส่งทางบก
กำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี ซึ่งเป็นการปรับภายใต้
พ.ร.บ.รถยนต์และ พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522
โดยจะปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปัจจุบัน

คราวนี้ล่ะรถใครรถมันคิดกันเอาเอง
ใครเครื่องแรงแซงโลด...ต้องมาเจ็บปวดกับการรับภาระนี้ แต่เอ๊!!!!!
ถ้ามีตังค์ซื้อรถได้...ก็น่าจะจ่ายค่าภาษีได้ด้วยมั๊ง
ภาษีป้ายรถยนต์ใหม่ที่จะประกาศใช้เร็วๆ
นี้จะเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบรถยนต์ ที่คิดเป็นลูกบาศก์เซ็นติเมตรหรือ
ซีซี. สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง.......แต่มี Highlight
สุดๆยิ่งกว่านั้นคือ จะมีหลักเกณฑ์เก็บใหม่
คือจะเก็บภาษีตามมูลค่ารถยนต์สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง
ที่มีราคาขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้รถยนต์ราคาสูงๆ จะถูกเก็บภาษี
2 ต่อ คือเก็บภาษีทั้งตามขนาด ซีซี.ของเครื่องยนต์ และตามมูลค่ารถ
ประเด็นที่สองอาจปรับภาษีป้ายรถยนต์เกิน 7
ที่นั่งซึ่งปัจจุบันเก็บตามน้ำหนักอีกด้วยมาดูการสร้างโครงร่างภาษีใหม่
มีดังนี้

OLD ของเดิม(ปัจจุบัน) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งเก็บภาษีโดย
* 1 ถึง 600 ซีซี.แรก เก็บ 50 สตางค์ต่อซีซี.
* 601 ถึง 1,800 ซี.ซี.เก็บ 1.50 บาทต่อซีซี.
* 1,801 ซีซี.ขึ้นไป เก็บ 4 บาทต่อซีซี.
NEW ใหม่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 เก็บภาษีโดย
1. การปรับภาษีป้ายกรณีรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถเก๋ง)
อาจปรับเพิ่มภาษีตามขนาดความจุกระบอกสูบคิดเป็นซีซี. ดังนี้
* รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 600 ซีซี. เสียภาษี 2 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 601-1,300 ซีซี. เสียภาษี 3 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 1,301-1,800 ซีซี. เสียภาษี 4 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 1,801-2,000 ซีซี. เสียภาษี 5 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 2,001-2,400 ซีซี. เสียภาษี 7 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 2,401-3,000 ซีซี. เสียภาษี 9 บาทต่อซีซี.
* ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,000 ซีซี. เสียภาษี 12 บาทต่อซีซี.
2. การเพิ่มฐานเก็บตามมูลค่ารถยนต์ ดังนี้ รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง
ตามมูลค่ารถ ดังนี้
* ราคาระหว่าง 3 ถึง 6 ล้านบาท เสียภาษี 1- 2 หมื่นบาทต่อคัน
* ราคาสูงกว่า 6 ล้านบาทจนถึง 10 ล้านบาท เสียภาษี 2-4 หมื่นบาทต่อคัน
* ราคาสูงเกินกว่า 10 ล้านบาท เสียภาษี 3- 6 หมื่นบาทต่อคัน
การเพิ่มภาษีและเพิ่มฐานจัดเก็บนี้ รัฐเห็นว่าควรส่งเสริมความเป็นธรรม
การเสนอปรับภาษีป้ายทะเบียนครั้งนี้จึงไม่เพียงเน้นปรับจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสีย
เพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์ความเป็นจริง เพราะไม่ได้ปรับมานานกว่า 20 ปี
ขณะที่ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นหลายเท่าช่วงที่ผ่านมา
และมีแนวคิดใหม่ให้ใช้หลักเกณฑ์มูลค่ารถ คิดภาษีด้วย........

คนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มูลค่าสูง ราคาแพงๆ
ควรต้องเสียภาษีรถยนต์สูงตาม
อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายรัฐที่สนับสนุนประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่นิยม
สินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะสินค้านำเข้า
ขณะเดียวกันการเก็บภาษีตามน้ำหนักรถ
ซึ่งเป็นฐานภาษีที่ใช้อยู่แล้วปัจจุบัน
เก็บภาษีตามหลักการประโยชน์ที่ได้รับ
เนื่องจากรัฐต้องใช้งบประมาณปีหนึ่งๆ จำนวนมาก เพื่อก่อสร้าง
และซ่อมแซมถนนหนทางให้ยวดยานต่างๆ ยิ่งรถยนต์ที่น้ำหนักรถมาก
ยิ่งสร้างความสึกหรอและความเสียหาย
โดย: เอ๋กาโม่   วันที่: 16 May 2005 - 16:03


 ความคิดเห็นที่: 1 / 2 : 075772
โดย: pik77
จริงๆ แล้ว ผมเคยพูดเรื่องนี้ ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วครับ เพียงแต่ตอนนั้น ไม่มีใครฟัง + เชื่อ
ถึงตอนนี้ เป็นข่าว แล้วค่อยมาดู อิอิ
พอจะเสียตังค์ถึงจะสนใจกัน ให้ตายสิ
วันที่: 16 May 05 - 19:56

 ความคิดเห็นที่: 2 / 2 : 075842
โดย: bhp
ฮือๆ... ทำไมมันแพงขึ้นมากจัง...
วันที่: 16 May 05 - 21:54