![](./user/member_images/nick1/darikaporn.jpg)
ได้มาจากFW mail ครับไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า
http://www.mthai.com/webboard/7/129264.html
กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี
>1500 SOLUNA = 4100
>1600 COROLLA = 4500
>1800 ALTIS = 5300
>2000 CORONA = 6300
>2400 CAMRY = 9100
>3000 RAIDER/CRUISER = 14500
>อีกไม่นาน พวกกระบะ 4 ประตู เจอภาษี เป็นหมื่นแล้วครับ
>ปรับเก็บภาษีรถยนต์รายปี...ใหม่อัตราเพิ่ม 2 เท่า
>ผมได้ข่าวจากกรมการขนส่งทากบก (MOTC news) มาบอกเพื่อนๆ อีกแล้วครับ
มาคราวนี้
>รัฐเอาจริง จะปรับปรุงอัตราค่าภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปีทุกชนิด
>รวมรถบรรทุก
>ด้วย โดยหยิบยกเอาสาระ มาเขียนให้อ่านกันที่เป็น Highlight สำคัญๆ
มาได้ดังนี้
>ในขณะนี้กระทรวงการคลังร่วมกับกรมการขนส่งทางบก
กำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้าย
>ทะเบียนรถยนต์ประจำปี ซึ่งเป็นการปรับภายใต้ พ.ร.บ.รถยนต์และ
พ.ร.บ.ขนส่งทางบก
>พ.ศ. 2522 โดยจะปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปัจจุบัน
คราวนี้ล่ะรถ
>ใครรถมันคิดกันเอาเอง
ใครเครื่องแรงแซงโลด...ต้องมาเจ็บปวดกับการรับภาระนี้
>แต่
>เอ๊!!!!! ถ้ามีตังค์ซื้อรถได้...ก็น่าจะจ่ายค่าภาษีได้ด้วยมั๊ง
>ภาษีป้ายรถยนต์ใหม่ที่จะประกาศใช้เร็วๆนี้จะเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบรถยนต์
>ที่คิดเป็นลูกบาศก์เซ็นติเมตรหรือ ซีซี. สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่
>นั่ง.......แต่มี Highlight สุดๆยิ่งกว่า นั้นคือ จะมีหลักเกณฑ์เก็บใหม่
คือจะ
>เก็บภาษีตามมูลค่ารถยนต์สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง
>ที่มีราคา ขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้รถยนต์ราคาสูงๆ จะถูกเก็บภาษี
2
>ต่อ
>คือเก็บภาษีทั้งตามขนาดจากซีซี.ของเครื่องยนต์ และตามมูลค่ารถ
>ประเด็นที่สองอาจ
>ปรับภาษีป้ายรถยนต์เกิน 7 ที่นั่งซึ่งปัจจุบันเก็บตามน้ำหนักอีกด้วย
มาดูการ
>สร้างโครงร่างภาษีใหม่ มีดังนี้
>ของเดิม (ปัจจุบัน) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งเก็บภาษีโดย
>* 1 ถึง 600 ซีซี.แรก เก็บ 50 สตางค์ต่อซีซี.
>* 601 ถึง 1,800 ซี.ซี.เก็บ 1.50 บาท ต่อซีซี.
>* 1,801 ซีซี.ขึ้นไป เก็บ 4 บาทต่อซีซี.
>ใหม่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 เก็บภาษีโดย
>1. การปรับภาษีป้ายกรณีรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถเก๋ง)
อาจปรับเพิ่มภาษี
>ตามขนาดความจุ กระบอกสูบคิดเป็นซีซี. ดังนี้
>* รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 600 ซีซี. เสียภาษี 2 บาทต่อซีซี.
>* ขนาด 601-1,300 ซีซี. เสียภาษี 3 บาทต่อซีซี.
>* ขนาด 1,301-1,800 ซีซี. เสีย ภาษี 4 บาทต่อซีซี.
>* ขนาด 1,801-2,000 ซีซี. เสียภาษี 5 บาทต่อซีซี.
>* ขนาด 2,001-2,400 ซีซี. เสีย ภาษี 7 บาทต่อซีซี.
>* ขนาด 2,401-3,000 ซีซี. เสียภาษี 9 บาทต่อซีซี.
>* ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,000 ซี ซี. เสียภาษี 12 บาทต่อซีซี.
>2. การเพิ่มฐานเก็บตามมูลค่ารถยนต์ ดังนี้ รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง
>ตามมูลค่ารถ
>ดังนี้
>* ราคาระหว่าง 3 ถึง 6 ล้านบาท เสียภาษี 1- 2 หมื่นบาทต่อคัน
>* ราคาสูงกว่า 6 ล้านบาทจนถึง 10 ล้านบาท เสียภาษี 2-4 หมื่นบาทต่อคัน
>* ราคาสูงเกินกว่า 10 ล้านบาท เสียภาษี 3- 6 หมื่นบาทต่อคัน
>การเพิ่มภาษีและเพิ่มฐานจัดเก็บนี้ รัฐเห็นว่าควรส่งเสริมความเป็นธรรม
การเสนอ
>ปรับภาษีป้าย
>ทะเบียนครั้งนี้จึงไม่เพียงเน้นปรับจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสีย เพื่อให้
>สอดคล้อง
>สถานการณ์ความเป็นจริง เพราะไม่ได้ปรับมานานกว่า 20 ปี
ขณะที่ราคารถยนต์เพิ่ม
>ขึ้นหลายเท่าช่วงที่ผ่านมา และมีแนวคิดใหม่ให้ใช้หลักเกณฑ์มูลค่ารถ
คิดภาษี
>ด้วย........
>คนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มูลค่าสูง ราคาแพงๆ
ควรต้องเสียภาษีรถยนต์สูงตาม อีก
>ทั้งสอดคล้องกับ นโยบายรัฐที่สนับสนุนประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่นิยม
>สินค้า
>ฟุ่มเฟือย
>โดยเฉพาะสินค้านำเข้า ขณะอง เดียวกันการเก็บภาษีตามน้ำหนักรถ
ซึ่งเป็นฐานภาษี
>ที่ใช้อยู่แล้วปัจจุบัน เก็บภาษีตามหลักการประโยชน์ที่ได้รับ
เนื่องจากรัฐต้อง
>ใช้งบประมาณปีหนึ่งๆ จำนวนมาก เพื่อก่อสร้าง
และซ่อมแซมถนนหนทางให้ยวดยานต่างๆ
>ยิ่งรถยนต์ที่น้ำหนักรถมาก ยิ่ง สร้างความสึกหรอและความเสียหาย