Close this window

แอบๆอ่าน คู่แข่งผมเมื่อสิบกว่าปีก่อน
แนวคิดการดำเนินธุรกิจของประธานบริษัท SAMSUNG
ตอนที่1
จงมาร่วมในความเปลี่ยนแปลงกันเถอะ
 ท่านสมาชิกครอบครัวซัมซุงทุกท่าน
นับจากวันที่ 7 มิ.ย. ปีที่แล้ว เมื่อบริษัทในเครือซัมซุงได้ประกาศนโยบาย “การบริหารงานโดยเน้นคุณภาพ” อีกครั้งหนึ่ง ณ เมืองแฟรงค์เฟิร์ท เป็นต้นมา ช่วงเวลา 2 เดือนหลังจากนั้นได้มีการพูดคุยอย่างเปิดเผยกับพนักงานทุกระดับประมาณว่า 1,800 คน เป็นผลกระตุ้นให้ตัวของข้าพเจ้าเองเปลี่ยนแปลงไป
การร่วมในการเปลี่ยนแปลง หมายความว่า เราจะต้องกล้าทำตัวให้หลุดพ้นจากสภาพเดิมๆ ที่ภายในเครือซัมซุงยึดถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เช่น ความสำนึกยึดติดอยู่กับ “ปริมาณ” โครงสร้าง ระบบและธรรมเนียมปฏิบัติ เป็นต้น แล้วเราทุกๆ คนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเราเองโดยการมุ่งเน้น “คุณภาพ”
ดังเช่นว่านี้ สมาชิกครอบครัวซัมซุงทุกๆ คน ก็ร่วมแรงร่วมใจสร้างบริษัทให้เป็น “บริษัทพิเศษเหนือบริษัทชั้นหนึ่ง” ในศตวรรษที่ 21 แล้วเราทุกคนก็จะมี “ชีวิตการทำงานอันเปี่ยมด้วยคุณภาพ” นี่แหละคือสิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกร้องมายังท่านทั้งหลาย
 พนักงานทั้งหลายทุกระดับ
ในระยะหลังๆ นี้ เมื่อข้าพเจ้าได้มองเห็นความจริงของพวกเรา จึงเกิดความรู้สึกว่าความไม่ถูกต้องอันเนื่องจาก ประเพณีที่ผิดๆ ได้ฝังรกรากหยั่งลึกแผ่กระจายอย่างกว้างขวางอยู่ในจิตสำนึกของพวกเราจนข้าพเจ้าไม่สามารถระงับความตื่นตระหนกตกใจต่อสภาพดังกล่าวได้
นอกจากนี้ ทั้งๆ ที่เป็นที่กล่าวขานกันว่า ซัมซุงกรุ๊ป เป็นที่รวมของทรัพยากรมนุษย์ที่มีสมองเป็นเลิศ แต่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ได้หล่อหลอมไว้อย่างลึกซั้งในกระแส เช่น หลักความคิดหลากหลายกับความคิดแนวเดียวกัน, ลัทธิถือประโยชน์แห่งตนกับจิตสำนึกแห่งอำนาจหน้าที่ ตรรกแห่งความขาวดำกับความไม่เชื่อ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดแต่ก็ไม่มีใครจะแสดงความรับผิดชอบ เมื่อข้าพเจ้ามองเห็นความจริงอยู่เบื้องหน้า คือ ความไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน(ความชินชา) ต่อจารีตที่ขาดจิตสำนึกแห่งปัญหา เช่นนี้ ทำให้ข้าพเจ้านอนไม่หลับมิใช่เพียงครั้งหรือสองครั้ง
 ในเรื่องนี้ทั้งตัวข้าพเจ้าเองและรวมท่านทั้งหลายด้วยจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าความจริงเหล่านี้ ไม่สามารถจะแก้ไขได้โดยการผ่านความรับผิดชอบไปให้ใครเพื่อให้เขาช่วยแก้ไขให้พวกเราทุกคนต่างหากที่จะต้องพิจารณาทบทวนอดีตอย่างถ่อมตน ทำความเข้าใจร่วมกัน และตัดสินใจเตรียมการให้พร้อมเพื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่จะเกิด โดยจะต้องค้นให้พบจุดเริ่มต้นของการแก้ไข(เหมือนการพบปลายสุดของเส้นด้าย) ซึ่งตัวข้าพเจ้าเองมีความเชื่อเช่นนี้อย่างมั่นคง




บทที่ 1
เพราะเหตุใดข้าพเจ้าจึงได้กล่าวคำประกาศ ณ เมือง FRANKFURT
1. เหตุใดข้าพเจ้าจึงได้เป็นผู้ที่ออกหน้าโดยตรงในครั้งนั้น
2. ความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในช่วงท้ายแห่งศตวรรษ
3. โอกาสความเป็นไปได้ของ SAMSUNG GROUP ในอันที่จะก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดของบริษัทชั้นนำ
4. สภาพความเป็นจริงในปัจจุบันของพวกเราทั้งหลาย
5. ความจำเป็นในการยกเลิกและปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
6. ต้องเปลี่ยนโดยเกิดใหม่ ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยถือกำเนิดขึ้นใหม่
1. เหตุใดข้าพเจ้าจึงได้เป็นผู้ที่ออกหน้าโดยตรงในครั้งนั้น
นับตั้งแต่ข้าพเจ้าเข้ารับตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัท ซัมซุง เป็นระยะเวลา 5 ปีจวบจนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงท้ายของศตวรรษนี้ เมื่อได้พิจารณาถึงสถานภาพของ “ซัมซุง” ภายใต้สภาวะการณ์ในปัจจุบันแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักถึงความหนักหน่วงรุนแรงและความเร่งด่วนของวิกฤตการณ์ซึ่งบีบคั้นให้ซัมซุงต้องเร่งพัฒนาขึ้นมาเป็นบริษัทชั้นหนึ่งให้จงได้ ข้าพเจ้าได้เพียรพยายามที่จะกระตุ้นเน้นให้บรรดาเพื่อนพนักงานของซัมซุงทั้งปวงได้มีจิตสำนึกตระหนักถึงสภาวะวิกฤตดังกล่าวพร้อมๆ กับความพยายามผลักดัน เน้นย้ำจิตสำนึกในเรื่องของ “คุณภาพ” ให้บังเกิดขึ้นในมวลหมู่พนักงาน
แต่ทว่าในปัจจุบัน ขณะที่สภาพแวดล้อมยิ่งมีการปรับเปลี่ยนกันอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้นขนานใหญ่กลับปรากฎว่า ภาพในซัมซุงกรุ๊ปของเรายังคงมุ่งเน้นดำเนินการการจัดการในเชิง “ปริมาณ” แต่เพียงอย่างเดียวเช่นเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นตราบใดที่พวกเรายังไม่รู้สึกตระหนักถึง “ภาวะวิกฤต” ที่กำลังเผชิญกับพวกเราอยู่ การพร่ำกล่าวถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเชิง “คุณภาพ” ก็จะเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้นเอง
ในภาระความรับผิดชอบในฐานะประธานของกลุ่มซัมซุง ข้าพเจ้ายังคงจดจำเป็นพิเศษได้ถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงปลายปี 1992 เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าตกอยู่ในสภาพที่ตื่นตระหนกอย่างรุนแรงต่อสภาวะวิกฤตที่ประสบประหนึ่งเย็นยะเยือกเข้าไปถึงสันหลัง แม้ในช่วงค่ำคืนก็ยากที่จะข่มตานอนให้หลับได้ ในสภาวะการณ์ดังกล่าวขณะนั้น มิจำต้องคิดคำนึงไกลไปจนถึงขั้นที่ว่าซัมซุง จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มบริษัทชั้นหนึ่งได้หรือไม่อย่างไร เพราะในขณะนั้น สภาพความเป็นจริงที่ประสบอยู่เป็นสภาพของความหมิ่นเหม่ที่เปรียบเสมือนประหนึ่งกำลังยืนอยู่บนปากของเหว เสี่ยงต่อสภาวะที่จะต้องตกต่ำทรุดลงกลายเป็นบริษัทชั้นสามทีเดียว



ในช่วงขณะปัจจุบันนี้ แม้นว่าเราอาจจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสประหนึ่งต้องเชือดเฉือนเนื้อ(กระดูก) ของตนเองก็ตาม ก็จำเป็นต้องกระทำในอันที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นให้จงได้ เพราะหากว่าล่าช้าไปกว่านี้แล้ว ก็ถือว่าเป็นการอวสานและสิ้นสุดโอกาสของพวกเราในอันที่จะดำรงอยู่ได้อีกต่อไป กระบวนการการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวง จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในช่วงเวลา 4 ถึง 5 ปีนี้ให้จงได้ ด้วยเจตนารมย์มุ่งมั่นดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า ก่อนสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าจะต้องเป็นผู้เปลี่ยนแปลงตนเองเสียก่อนในอันดับแรก อันเป็นสาเหตุที่ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้ออกมากล่าวประกาศเจตนารมย์ดังกล่าวโดยตรงต่อพวกเราในครั้งนั้น
ณ เวลานี้ความเปลี่ยนแปลงของซัมซุงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เปรียบเสมือนเครื่องบินโดยสารไอพ่นขนาดใหญ่ได้ทะยานจากพื้นดินสู่อากาศแล้ว หลังจากได้ทยานพ้นขึ้นมาจากรันเวย์แล้ว เครื่องก็จะต้องเร่งความเร็วเพื่อไต่ระดับขึ้นไปสู่ระดับเพดานบินที่ 10,000 เมตร โดยรวดเร็วหาไม่แล้ว เครื่องบินก็จะสูญเสียความเร็วและต้องร่วงตกลงสู่พื้นดินในที่สุด ณ บัดนี้ ซัมซุงได้พุ่งทะยานสู่จุดหมายเพื่อความเป็นผู้นำของเหล่าบริษัทชั้นหนึ่งทั้งหลายให้จงได้ และขณะนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ ณ ทางแยกระหว่างความเป็นและความตาย และความอยู่รอดขององค์กรทั้งหมดโดยรวม
ในช่วงขณะปัจจุบันนี้ แม้นว่าเราอาจจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสประหนึ่งต้องเชือดเฉือนเนื้อ(กระดูก) ของตนเองก็ตาม ก็จำเป็นต้องกระทำในอันที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงให้จงได้ เพราะหากว่าล่าช้าไปกว่านี้แล้ว ก็ถือว่าเป็นการอวสานและสิ้นสุดโอกาสของพวกเราในอันที่จะดำรงอยู่ได้อีกต่อไป กระบวนการการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวง จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในช่วงเวลา 4 ถึง 5 ปีนี้ให้จงได้ ด้วยเจตนารมย์มุ่งมั่นดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า ก่อนสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าจะต้องเป็นผู้เปลี่ยนแปลงตนเองเสียก่อนในอันดับแรก อันเป็นสาเหตุที่ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้ออกมากล่าวประกาศเจตนารมย์ดังกล่าวโดยตรงต่อพวกเราในครั้งนั้น
ณ เวลานี้ความเปลี่ยนแปลงของซัมซุงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เปรียบเสมือนเครื่องบินโดยสารไอพ่นขนาดใหญ่ได้ทะยานจากพื้นดินสู่อากาศแล้ว หลังจากได้ทะยานพ้นขึ้นมาจากรันเวย์แล้ว เครื่องก็จะต้องเร่งความเร็วเพื่อไต่ระดับขึ้นไปสู่ระดับเพดานบินที่ 10,000 เมตร โดยรวดเร็วหาไม่แล้วเครื่องบินก็จะสูญเสียความเร็ว และต้องร่วงตกลงสู่พื้นดินในที่สุด ณ บัดนี้ ซัมซุงได้พุ่งทะยานสู่จุดหมายเพื่อความเป็นผู้นำของเหล่าบริษัทชั้นหนึ่งทั้งหลายให้จงได้ และขณะนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ ณ ทางแยกระหว่างความเป็นและความตาย และความอยู่รอดขององค์กรทั้งหมดโดยรวม

2. สภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในช่วงท้ายแห่งศตวรรษที่ 20 นี้
“สภาวะการณ์แห่งสมรภูมิทางเศรษฐกิจ และสงครามเทคโนโลยีที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์อยู่ต่อหน้าและสายตาของพวกเราทั้งหลาย”
สภาวะการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงในช่วงท้ายแห่งศตวรรษนี้ที่กำลังอุบัติขึ้นอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งทั่วโลกในขณะนี้ จริงๆ แล้วอะไรเป็นสาเหตุหรือปัจจัยหลักของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแน่
แม้อาจกล่าวได้ว่ายุคของสงครามเย็นได้ยุติลงแล้วก็ตาม แต่ทว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้สงครามทางเศรษฐกิจอันร้อนแรงกลับยิ่งทวีความหนักหน่วงรุนแรงขึ้นอย่างใหญ่หลวง ซึ่งถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่งแล้ว การต่อสู้แข่งขันในสมรภูมิสงครามเศรษฐกิจนั้น ที่จริงแล้วก็คือการแข่งขันกันในเชิงระดับมาตรฐานทางเทคโนโลยีของแต่ละประเทศ
สภาพและรูปลักษณ์ที่แท้จริงของความดุเดือดรุนแรง และความหนักหนาสาหัสของการทำสงครามด้านเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ อาจเป็นสิ่งที่พวกเราชาวซัมซุงไม่ค่อยได้รับรู้รับฟังกันมากเท่าใดนัก โดยหากจะกล่าวถึงสงครามเทคโนโลยีกันแล้ว ประเด็นที่สามารถหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างได้อย่างดียิ่งคือ เรื่องการพิพาทต่อสู้กันในเรื่องของสิทธิบัตร ดังเช่น เฉพาะในช่วงปี ค.ศ. 1991 เพียง 1 ปีเท่านั้น ในสหรัฐอเมริกาได้มีการฟ้องร้องต่อศาลให้ดำเนินคดีต่อบริษัทของญี่ปุ่นในข้อกล่าวหาว่า ได้มีการล่วงละเมิดสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาเป็นจำนวนถึง 1,680 รายด้วยกัน ซึ่งสามารถเป็นตัวอย่างสะท้อนภาพดังกล่าวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วยังปรากฏอีกว่าในจำนวนบริษัทชั้นนำ 10 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำในการจดสิทธิบัตรนั้น ในจำนวนนั้นเป็นบริษัทของญี่ปุ่นถึง 6 บริษัท จนกระทั่งมีการเปรียบเปรยโดยสื่อมวลชนของสหรัฐฯว่า ประหนึ่งดังเป็นการเปิดยุทธการโจมตีอ่าว PEARL HARBOUR ระลอกที่สองทีเดียว
• การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในช่วงท้ายแห่งศตวรรษนี้
ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงปลายแห่งศตวรรษที่ 20 นั้นอีกเพียง 6 ปีเท่านั้นก็จะถึง ค.ศ. 2000 (ในขณะที่เขียนบทความนี้ – เป็นปี ค.ศ.1994) ก็ปรากฏการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เกิดขึ้นดังเช่นคำกล่าวนั้น แม้ว่าตัวข้าพเจ้าเองจะมิได้เป็นนักประวัติศาสตร์ก็ตาม แต่จากการย้อนพิจารณาถึงประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมา ก็พบว่าในช่วงท้ายของศตวรรษนั้น เคยมีปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่เฉกเช่นเดียวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม และในปัจจุบันนี้พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติทีเดียว
นับจากการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งบังเกิดขึ้นพร้อมๆกันกับการเริ่มต้นของยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม เรื่อยมาจนถึงการค้นพบสิ่งประดิษฐ์สารกึ่งตัวนำ (SEMI-CONDUCTOR) และคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้เป็นฐานของการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดในช่วงยุคสมัยหลังๆ นี้ ยังผลให้มีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ในระยะหลังให้มีขนาดรูปร่างที่เพรียวเล็กลง และมีน้ำหนักเบาลงอย่างมาก ในขณะที่ในเชิงโครงสร้างของระบบอุตสาหกรรม ก็ได้มีการพัฒนาเข้าสู่ยุคของการปฏิวัติระบบสื่อสารข้อมูลอันทันสมัยยิ่งในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้นในช่วงเวลา 5 พันปีในอดีตนั้น นับว่ายังห่างไกลมากเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เฉกเช่นเดียวกันการเปลี่ยนแปลงของช่วง 100 ปีที่ผ่านมานั้น ก็คงไม่อาจเทียบเคียงได้กับการเปลี่ยนแปลงของช่วง 5 ปี 10 ปีนับจากนี้ไปได้เช่นกัน นับต่อเนื่องไปจากนี้พัฒนาการแห่งอารยธรรมของมวลมนุษยชาติจะมีสืบสานต่อเนื่องต่อไปอย่างไรเช่นไร โดยอาศัยการใช้ประโยชน์เชื่อมโยงต่อไปจากสารประเภทกึ่งตัวนำ ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และเคเบิลใยแก้วนำแสงในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดจะสามารถคาดการณ์ทำนายได้เลย
• พรมแดนระหว่างประเทศ – ลัทธิปัจเจกชาตินิยม – ลัทธิภูมิภาคนิยม
ในโลกปัจจุบันนี้ พรมแดนสากลระหว่างประเทศได้มีการแปรเปลี่ยนไปใหม่หมดโดยสิ้นเชิง หากเพียงเราลองพิจารณาดูกรณีของประเทศรัสเซียกับกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกแล้ว เราก็จะสามารถประจักษ์ถึงสภาวะการณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี การปกครองระบบคอมพิวเตอร์ถึงแก่การล่มสลาย ชื่อของ “สหภาพโซเวียต” ได้ถูกลบหายออกไปจากแผนที่โลก การรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกันของ “เยอรมัน” นั้นก็ได้ปรากฏขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยไม่มีผู้ใดเคยคาดคิดมาก่อน
การที่ประเทศจีนซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลและมีศักยภาพมหาศาล ได้ประกาศเจตนารมย์และนโยบายในการเปิดเสรีอย่างเต็มที่เต็มรูปแบบ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดสงครามข้อพิพาทอย่างรุนแรงในหลายซีกโลก เช่น โซมาเลียในอัฟริกา หรือเซอร์เบียในยุโรป ล้วนแต่สะท้อนถึงภาพของการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดหย่อนของโลกในยุคปัจจุบันนี้
ในด้านเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกัน ที่การเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในแทบทุกมุมโลก ยุโรปได้มีการตกลงดำเนินการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจเข้าเป็นหนึ่งเดียว ด้านอเมริกาเหนือก็ได้มีการจัดตั้งกลุ่ม NAFTA รวมตัวกันทางเศรษฐกิจ โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นแกนกลาง ทางเอเซียอาคเนย์ก็ได้มีการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจจัดตั้งเป็นกลุ่ม ASEAN มาเป็นเวลานานแล้ว ในทุกหนทุกแห่งทั่วโลกในปัจจุบัน มีการเร่งผลักดันดำเนินการในลักษณะของลัทธิปัจเจกชาตินิยม หรือมิฉะนั้นก็ลัทธิภูมิภาคนิยม เพื่อทำการพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ของตนเองอย่างเต็มที่
• สภาวะการณ์ของประเทศเกาหลี – การก่อกำเนิดของรัฐบาลพลเรือนและการเปิดเสรีด้านการตลาด
ถ้าเราหันกลับมามองดูสภาวะการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศเกาหลีแล้ว เราจะพบว่าในที่สุด ภายหลังการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาเป็นเวลายาวนาน ก็สามารถสัมฤทธิผลเป็นจริงขึ้นมาได้ ในการดำเนินการขจัดทำลายล้างจารีตปฏิบัติ และวัฒนธรรมการปกครองระบอบเผด็จการและระบอบทหารขุนศึกลง โดยเมื่อปีที่แล้วนี้เอง จึงสามารถจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนขึ้นปกครองบริหารประเทศได้ในที่สุด เจตนารมย์และความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อการผลักดันสร้างสรรค์ให้เกิดการปฏิรูปอย่างทันสมัยโดยรวดเร็ว ได้เป็นที่ปรากฏชัดต่อสายตาของพวกเรา อันก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงชนิดที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทั้งในด้านของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของเกาหลี พวกเรานั้นจำเป็นจะต้องมีความสามารถในการอ่านทิศทางแห่งการเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าวนี้ให้ออก ทั้งนี้โดยที่เราจำเป็นจะต้องตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลสืบ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดถอนรากถอนโคนที่เกิดขึ้นต่อทั้งระบบเศรษฐกิจหรือธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยยึดถือมาในอดีต เรื่อยไปจนถึงระบบโครงสร้างทางสังคมโดยส่วนรวม
นอกจากนี้แล้ว ในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศโซเวียตรัสเซียที่ในอดีตเคยเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านกำลังอาวุธให้กับเกาหลีเหนือในช่วงของสงครามเกาหลี ก็ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันเรื่อยไป จนถึงขั้นการดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นควบคู่ไปกับการสามารถเจรจาสรุปข้อตกลงทางด้านการค้าของ URUGUAY ROUND (การเจรจารอบอุรุกวัย) (ซึ่งเป็นพื้นฐานนำมาสู่การจัดตั้งองค์กรการค้าโลก: WTO ในระยะเวลาต่อมา) ก็มีการกำหนดให้ประเทศเกาหลีต้องดำเนินการเปิดเสรีทางการค้าให้เสร็จสมบูรณ์ภายในปีค.ศ. 1995 ด้วย เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งสะท้อนแสดงให้เห็นว่าในช่วงทศวรรษปี 1980 นั้น คู่แข่งสำคัญทั้งหลายของพวกเรานั้น คือบริษัทคู่แข่งทางธุรกิจที่อยู่ภายในประเทศเกาหลีเป็นส่วนใหญ่ แต่ทว่านับจากนี้ต่อไปบริษัทคู่แข่งทางธุรกิจทั้งหลายทั้งปวงที่ถือกำเนิดดำรงอยู่ในโลกในปัจจุบัน ล้วนต่างเป็นคู่แข่งที่เราต้องต่อสู้แข่งขันด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งหากย้อนกล่าวกันแล้วก็คือ บริษัทที่มีขีดความสามารถเพียงพอที่จะต่อสู้แข่งขันในเวทีโลกได้เท่านั้น จึงจะสามารถเป็นองค์กรธุรกิจที่ดำรงอยู่ในสมรภูมิตลาดภายในประเทศเกาหลีนับจากนี้ต่อไปได้
การเปลี่ยนแปลงลักษณะสภาวะแวดล้อมดังกล่าวนี้ ยังเอื้อประโยชน์ในการเสริมสร้างบทเรียนอันมีค่าให้กับพวกเราอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ ในอดีตนั้นการที่บริษัทสามารถคาดการณ์และวางแผนล่วงหน้าอย่างถูกต้องได้เพียง 1 หรือ 2 ปี ก็จะนำพาบริษัทให้ดำรงอยู่รอดได้แล้ว แต่นับจากนี้ต่อไปการที่บริษัทจะดำรงอยู่รอดได้นั้น จำเป็นที่จะต้องคาดการณ์และวางแผนได้อย่างถูกต้องแม่นยำล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี หรือ 10 ปีขึ้นไป
บทสรุปในท้ายที่สุดก็คือ ถ้าหากเราไม่สามารถก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าเป็นบริษัทชั้นหนึ่งได้แล้ว ก็มิได้หมายความว่า เราจะยังคงดำรงตนอยู่ในสถานภาพเป็นบริษัทชั้น 2 หรือชั้น 3 ได้อีกต่อไป เพราะในความเป็นจริงที่ไม่เกินเลยนั้น ก็อาจกล่าวได้ว่า จะต้องประสบกับสภาวะทรุดโทรมและเสื่อมสลายไปในที่สุด
หากไม่ได้เป็นหนึ่งแล้ว ก็ไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้
หากมองย้อนกลับไปในอดีตแล้ว เราก็จะพบว่าบริษัทชั้นนำระดับยักษ์ใหญ่ของโลกซึ่งเคยประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์เมื่อครั้งอดีตนั้น มาถึงวันนี้ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงผันแปรอยู่เป็นเนืองนิจ บริษัทดังกล่าวเหล่านั้นจำนวนมากได้ประสบความเสื่อมสลายและดับสูญไปจากโลกใบนี้อย่างเป็นการถาวรไปแล้ว
ถ้าเราลองศึกษาดูประวัติความเป็นมาของบริษัทต่างๆเหล่านั้น เราจะพบว่า หลายบริษัทซึ่งเดิมเคยเป็นบริษัทชั้นนำกลับต้องตกต่ำลงกลายเป็นบริษัทชั้นสอง ในขณะที่บางบริษัทซึ่งเดิมถือเป็นบริษัทชั้นสามได้กวดไล่แซงบริษัทชั้นสองจนกลายเป็นบริษัทชั้นหนึ่งได้ในเวลาต่อมา แต่เมื่อเปรียบเทียบจำนวนกันแล้ว ก็จะพบว่าบริษัทที่เคยเป็นบริษัทชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง แต่ต้องตกต่ำลงกลายเป็นบริษัทชั้นสองและชั้นสามนั้นมีจำนวนมากกว่าเป็นอันมาก
เมื่อเราลองพิจารณาดูข้อมูลจากรายชื่อบริษัทชั้นนำจำนวน 500 แห่งซึ่งนิตยสาร FORTUNE ดำเนินการจัดอันดับอยู่เป็นประจำทุกปีแล้ว เราจะพบว่าอายุขัยโดยเฉลี่ยของบริษัทเหล่านี้จะอยู่ในเกณฑ์ราว 30 ปีโดยประมาณ กล่าวคือ ในทุกๆช่วง 10 ปีจะมีบริษัทราว 1 ใน 3 จากจำนวนบริษัท 500 แห่งดังกล่าว ที่จะถูกทดแทนและสูญหายไป ในความเป็นจริงนั้น ในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมานี้ หากไม่นับรวมเอาบางบริษัทที่มีคุณลักษณะอันโดดเด่นเป็นพิเศษไม่กี่แห่งแล้ว ก็จะพบได้ว่าในรายชื่อของบริษัทชั้นนำทั้งสิ้นจำนวน 500 แห่งเหล่านี้ แทบจะไม่มีบริษัทใดเลยที่ยังคงยืนหยัดรักษาตำแหน่งและสถานภาพของตนไว้ได้
วิกฤตการณ์ในปัจจุบันที่ซัมซุงกำลังต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้น อันที่จริงแล้วเป็นวิกฤตการณ์เช่นใดกันแน่ ในวิกฤตการณ์ดังกล่าว มีปัจจัยต่างๆด้านสภาวะแวดล้อมที่คุกคามบีบคั้นต่อการดำรงอยู่ของพวกเราอยู่มากมายหลายประการก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลากหลายปัจจัยที่มีนัยยะด้านบวกในเชิงของโอกาสที่จะเกื้อหนุน และส่งเสริมให้ซัมซุงได้ทะยานขึ้นมาเป็นผู้นำขององค์กรธุรกิจชั้นนำได้เช่นกัน ถ้าหากพวกเราชาวซัมซุงทุกคนร่วมกันผนึกกำลังเข้าต่อสู้ฟันฝ่าปัญหาอย่างเต็มกำลังความสามารถแล้ว ในท้ายที่สุดวิกฤตการณ์เหล่านี้ก็จะกลับเสมือนเป็นฐานอันมั่นคงในอันที่จะหนุนส่งให้พวกเราได้ก้าวไกลและทะยานพัฒนายิ่งๆขึ้นต่อไป



3. โอกาสความเป็นไปได้ของ SAMSUNG ในอันที่จะก้าวสู่ความเป็นเลิศแห่งบริษัทชั้นหนึ่ง
จงมาเป็นที่หนึ่งกันเถิด!
การจะดำรงอยู่รอดได้ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ ไม่มีหนทางอื่นใดนอกจากการที่จะต้องนำตนเองไปสู่ความเป็นหนึ่งให้จงได้ ในความเป็นจริงนั้นซัมซุงสามารถจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่งได้กระนั้นหรือ “เป็นได้แน่นอน” คือคำประกาศอันหนักแน่นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าโอกาสที่ซัมซุงจะสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่งนั้นมีอยู่มากเพียงพอ แม้ว่าในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ประเทศเกาหลีอาจยังไม่สามารถก้าวสู่ความเป็นหนึ่งได้ก็ตามที แต่ด้วยเจตนารมย์อันมุ่งเน้นต่อความสำคัญในเรื่อง “คุณภาพ” ของซัมซุง จะยังผลก่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างสรรค์ ผนวกกับการพัฒนาสู่ความเป็นสากลให้สัมฤทธิผลโดยเร็ว สิ่งต่างๆ เหล่านี้ หากได้รับการดำเนินการตอบสนองอย่างเหมาะสมทันท่วงทีแล้ว ก็สามารถทำให้ซัมซุงก้าวจากความเป็นหนึ่งแต่เดิมขึ้นสู่ความเป็นเลิศ หรือสู่ชั้นหนึ่งพิเศษได้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ของข้าพเจ้า
สิ่งใดหรือที่เป็นสาเหตุแห่งความเชื่อมั่นศรัทธาเช่นนี้ของข้าพเจ้า
คำตอบที่กระชับและได้ใจความที่สุดก็คือ “ทรัพยากรบุคคลของ SAMSUNG” นั่นเอง SAMSUNG เป็นแหล่งรวมของทรัพยากรบุคคล
ในสายตาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นว่า พนักงานภายในซัมซุงกรุ๊ป ซึ่งมีคุณลักษณะเฉพาะตัวเพียบพร้อมในด้านของความเป็นมนุษย์ ความรู้ความสามารถ ความรักผูกพันต่อบริษัท (COMPANY LOYALTY) ตลอดจนระดับสติปัญญา (IQ) นั้นมีจำนวนมากถึง 70-80% ของจำนวนพนักงานรวมทั้งหมดทีเดียว ซึ่งจำนวนผู้คนถึง 70-80% นั้นมากเพียงพอในอันที่จะนำองค์กรใดไปในทิศทางใดๆ ก็ได้ ในองค์กรเช่นใดก็ตาม หากมีกำลังของบุคคลากรชั้นนำราว 5-10% ดำเนินการเป็นแกนนำให้กับองค์กรแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าย่อมอยู่ในวิสัยที่สามารถจะนำองค์กรนั้นทะยานขึ้นสู่ความเป็นหนึ่งพิเศษได้สำเร็จอย่างแน่นอน
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะเหตุใดเล่าซัมซุงกรุ๊ปซึ่งมีองค์ประกอบของทรัพยากรบุคคลอันมีคุณภาพอยู่ระดับชั้นหนึ่งเป็นจำนวนถึง 70-80% จึงไม่อาจบรรลุสู่ความเป็นชั้นหนึ่งได้ เป็นได้แต่เพียงระดับองค์กรชั้นสองเท่านั้น สิ่งนี้เป็นปริศนาซึ่งสร้างข้อกังขาให้กับตัวข้าพเจ้ามาโดยตลอด โดยข้าพเจ้าได้เพียรพยายามขบคิดค้นหาสาเหตุของสภาพการณ์ที่ว่านี้อย่างหนักตลอดมา

4. สภาพความเป็นจริงในปัจจุบันของพวกเราทั้งหลาย
“ปริมาณ” ต้องให้ได้สูงสุดก่อน “คุณภาพ” ค่อยว่ากันทีหลัง
นับจากปี ค.ศ. 1938 ซึ่งมีการก่อตั้งบริษัทค้าขายของซัมซุงขึ้นเรื่อยมาจนถึงช่วงทศวรรษปี 1970 ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของซัมซุง จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งผลิตขึ้นโดยเครื่องจักรอย่างง่ายๆ ดังเช่น ผลิตภัณฑ์น้ำตาลและสิ่งทอ อันเป็นสินค้าปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต โดยสินค้าดังกล่าวแม้นว่าอาจมีข้อบกพร่องด้านคุณภาพ (DEFECT) เช่น สีผิดเพี้ยนไป หรือมีความชื้นปะปนอยู่บ้างก็ตามที แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไม่อาจสังเกตเห็นหรือแยกแยะได้โดยง่าย ประกอบกับในช่วงเวลานั้น ต้องประสบกับสภาวะสินค้าขาดแคลนไม่เพียงพอ หรือกล่าวโดยง่ายก็คือ เป็ตลาดที่อยู่ในมือของผู้ขายนั่นเอง
ในอดีตนั้น เป็นยุคที่ยังมิได้ให้ความสำคัญต่อเรื่อง “DEFECT” (ข้อบกพร่อง) เท่าใดนัก ประกอบกับเป็นสภาวะที่สินค้าขาดแคลนไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ก่อให้เกิดผลกระทบด้านกระบวนการผลิต ตัวอย่างเช่น การใช้งานของมอเตอร์ซึ่งกำหนดอัตรารอบหมุนมาตรฐาน (RPM) ไว้ที่ 800 รอบต่อนาที แต่ทว่าในการผลิตจริงกลับฝืนใช้งานขึ้นไปจนถึง 850 รอบหรือ 900 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว ส่งผลทำให้สามารถเร่งเพิ่มปริมาณผลผลิตขึ้นมาได้ โดยมิได้คำนึงถึงเรื่อง “คุณภาพ” แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ปริมาณสินค้าไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทำให้การขายสินค้าเป็นไปอย่างง่ายดายชนิดเทน้ำเทท่าถึงขนาดว่าสามารถเรียกเก็บค่าสินค้าล่วงหน้าได้ก่อนเลยทีเดียว
จากสภาวะการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้พนักงานส่วนใหญ่ของ SAMSUNG GROUP เกิดการยึดติดกับแนวคิดการเน้น “วัตถุ” เป็นหลัก ซึ่งนับวันก็ยิ่งฝังรากลึกลงไปมากขึ้นๆ ทุกที ซึ่งในสภาพความเป็นจริงแล้ว ในช่วงยุคสมัยของการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจของเกาหลี ควบคู่ไปกับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ SAMSUNG ที่ผ่านมาในอดีตนั้น ก็คงไม่มีหนทางอื่นใดที่จะถือปฏิบัติได้นอกเหนือไปจากวิธีการดังกล่าว แต่ทว่าในยุคปัจจุบัน อันเป็นยุคสมัยของอุตสาหกรรมอันทันสมัยก้าวหน้าล้ำยุค และเน้นหนักในด้านนวัตกรรมชั้นเลิศ ประกอบกับการที่ตลาดกลายเป็นของลูกค้าหรือผู้ซื้อซึ่งเปรียบเสมือนหนึ่งดังพระเจ้า ยังผลให้แนวความคิดและความสำคัญของประเด็นเรื่อง “ปริมาณ” และ “คุณภาพ” เป็นสิ่งซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขปรับเปลี่ยนใหม่โดยสิ้นเชิง

• ลัทธิปัจเจกนิยมกับความตายด้านชินชา
ขอให้เราลองกลับมาดูปัญหาภายในองค์กรของพวกเรากันเอง ก็จะพบว่าพวกเรานั้นต่างก็ไม่เชื่อถือซึ่งกันและกัน และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ไม่เชื่อถือแม้กระทั่งผู้เป็นประธานบริษัท ถ้าหากว่าแม้แต่คนซัมซุงยังไม่เชื่อถือในคำพูดของตัวข้าพเจ้าผู้เป็นประธานแล้ว จะมีผู้ใดเล่าที่จะเชื่อถือคำพูดของข้าพเจ้าอยู่อีก ยิ่งไปกว่านี้ ลัทธิปัจเจกนิยมซึ่งเห็นแต่ประโยชน์ของตนเองและกลุ่มของตนก็กำลังแพร่ระบาดไปทั่ว โดยลัทธิปัจเจกนิยมเช่นว่านี้ อาจไม่ใช่สภาพโดยตรงที่มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพรรคพวกจนไม่สนใจในความเดือดร้อนเสียหายที่ก่อให้เกิดขึ้นกับผู้อื่น แต่จากสภาวะการณ์ที่แต่ละคนต่างก็มองเห็นและแสวงหาแต่ประโยชน์ให้ตนเองเท่านั้น ย่อมส่งผลทำให้แทนที่ต่างฝ่ายจะได้ร่วมมือร่วมแรงกัน กลับกลายเป็นว่าต่างฝ่ายก็ยื้อยุดฉุดขาซึ่งกันและกัน และท้ายที่สุดก็คือต่างก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่กันและกันโดยทั่วไปทั้งหมด
อีกประการหนึ่ง การปัดความรับผิดชอบให้กับผู้อื่นนั้นก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้บังคับบัญชายัดเยียดความรับผิดชอบไปให้กับผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ถือว่าเป็นปัญหาที่หนักหน่วงรุนแรงมาก ไม่มีสิ่งใดที่จะน่าอัปยศอดสูและไร้จริยธรรมยิ่งไปกว่าการกระทำดังกล่าว โดยผู้ที่แข็งแรงกว่าโยนความรับผิดชอบไปให้ผู้ที่อ่อนแอกว่า เพราะถ้าหากตนเองยังไร้จิตสำนึกไม่ตระหนักถึงความผิดของตนว่าเป็นความผิดแล้วล่ะก็ นั่นก็ถือเป็นความตายด้ายไร้สิ้นซึ่งความเป็นมนุษย์และจริยธรรมโดยแท้จริง

6. ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขเฉกเช่นการก่อกำเนิดขึ้นใหม่
จะปล่อยให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!
ขณะนี้เป็นช่วงท้ายศตวรรษแล้ว โลกและสภาพแวดล้อมกำลังเร่งแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา หากไม่สามารถนำตนเองขึ้นไปสู่ความเป็นชั้นหนึ่งได้แล้ว ก็หมดสิ้นซึ่งโอกาสที่จะดำรงอยู่ได้ต่อไป แล้ว SAMSUNG มีโอกาสจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่งได้หรือไม่ แน่นอน ในเมื่อมีทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณภาพอยู่ถึง 70-80% ของจำนวนพนักงานรวมทั้งหมดขององค์กร แต่ปัญหาอันเนื่องมาจากลัทธิปัจเจกนิยมอันมุ่งแต่ประโยชน์ของตนเองและของพรรคพวกเท่านั้น จึงเป็นอุปสรรคขัดขวางสกัดกั้นไม่ให้มีโอกาสสามารถแสดงพลังดังกล่าวให้ปรากฏออกมาได้ โดยต่างฝ่ายต่างก็คอยแต่ยื้อยุดฉุดแข้งฉุดขาของกันและกัน มัวแต่หลงงมงายอยู่กับการจัดอันดับองค์กรชั้นนำภายในประเทศเกาหลี เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะปล่อยให้สภาพดังกล่าวดำรงอยู่ต่อไปอีกได้หรือ
เมื่อต้นปี ค.ศ. 1993 ข้าพเจ้าได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทที่นครลอสแองเจลิสและกรุงโตเกียวหลายครั้งด้วยกัน หากถามว่าวัตถุประสงค์ของการจัดประชุม ณ นครสอสแองเจลิสคือสิ่งใด ก็เพื่อให้พวกเราซึ่งได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ ว่า SAMSUNG นั้นดำเนินงานประสบผลเป็นอย่างดี ได้มาประจักษ์ด้วยตาของตนเองว่า สินค้าซึ่งพวกเราเป็นผู้ผลิตและส่งออกมายังตลาดสหรัฐอเมริกานั้น ได้รับการดูแลปฏิบัติเช่นใด สินค้าถูกนำมาจัดวางโชว์อย่างไร มีฝุ่นจับมากน้อยขนาดไหน ตั้งราคาจำหน่ายเอาไว้ในระดับถูกแพงเพียงใด เหล่านี้คือวัตถุประสงค์ของการจัดประชุม ณ นครลอสแองเจลิสขึ้นมา
ในส่วนของการจัดประชุมขึ้น ณ กรุงโตเกียวนั้น ได้มุ่งเน้นถึงความร่วมมือระหว่างกันของภาคธุรกิจและประชาชนพลเมืองรวมทั้งของภาครัฐบาล ทั้งนี้โดยต้องการให้เกิดความสำนึกตระหนักว่า ลำพังเฉพาะเพียงภาคธุรกิจแต่เพียงฝ่ายเดียวแล้ว ถึงจะทุ่มเทใช้ความพยายามอุตสาหะอย่างมากมายเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมมีขีดจำกัดของตน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จำเป็นที่จะต้องผนึกกำลังของทั้งสามฝ่ายนี้รวมกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว จึงจะสามารถมีศักยภาพเพียงพอที่จะประสบผลสำเร็จในการดำเนินการได้
แต่เนื่องจากพวกเราไม่อยู่ในวิสัยที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงเกาหลีทั้งหมดให้เป็นไปตามความคิดความต้องการของเราได้ ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจใหม่ว่า เช่นนั้นแล้ว อย่างน้อยเราก็ต้องปรับเปลี่ยน SAMSUNG ใหม่ให้เป็นผลสำเร็จให้ได้ ซึ่งก็อาจจะเอื้อผลในการสนับสนุนต่อกระบวนการเปลี่ยนแปลงโดยรวมต่อไป ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงตัวเราก่อนอื่นใด จากแนวความคิดดังกล่าวในเบื้องแรกเป็นพื้นฐาน จึงเป็นที่มาของการจัดการประชุม ณ นครแฟรงเฟิร์ทขึ้นในเวลาต่อมา
ในการแข่งขันกรีฑาในการวิ่ง 100 เมตร ชิงชนะเลิศในกีฬาโอลิมปิคปีนี้ ผู้ชนะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 และ 2 นั้น จะทำเวลาห่างกันเพียงแค่ 0.01 วินาทีเท่านั้นเอง แต่ทว่าในระหว่างความเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 นั้น มีความแตกต่างกันอยู่อย่างมากมายทีเดียว ในอนาคตภายหน้า ช่วงห่างหรือช่องว่างระหว่าง SAMSUNG กับองค์กรธุรกิจชั้นนำของโลก อาจจะหดหายน้อยลง แต่ ณ วันนี้ เราจำต้องยอมรับความจริงที่ว่าเรายังเป็นรองอยู่โดยชัดเจนนี้เสียก่อนและยอมรับว่า SAMSUNG ในปัจจุบันของพวกเรายังคงเป็นระดับชั้นสองอยู่ ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงได้จัดการประชุม ณ นครแฟรงเฟิร์ทขึ้นมา
• คำประกาศแห่งนครแฟรงเฟิร์ท (FRANKFURT DECLARATION)
วันแห่งการเปลี่ยนแปลงก่อกำเนิดขึ้นใหม่ของ SAMSUNG สามารถสลัดตนหลุดพ้นจากจารีตปฏิบัติที่ผิดพลาดเลวร้ายแต่อดีตตลอดจนการยึดติดกับแนวความคิดเดิมๆ เพื่อการพุ่งทะยานครั้งใหม่ของ SAMSUNG โดยขอให้พวกเราได้ร่วมกันผนึกแรงกายแรงใจเพื่อนำมาซึ่งความสำเร็จ อันจะก่อให้เกิดคุณประโยชน์ใหญ่หลวงทั้งต่อตัวของพวกเราเอง ทั้งต่อมวลหมู่ลูกค้า ตลอดจนเป็นคุณูปการอย่างยิ่งต่อทั้งแผ่นดินแม่ของชาว SAMSUNG ทั้งหลาย ครอบครัวของพวกเรา ตลอดจนถึงเหล่าลูกหลานของเราสืบต่อไป ข้างต้นนี้ คือวัตถุประสงค์ในการจัดการประชุม ณ นครแฟรงเฟิร์ทขึ้นมา เพื่อให้การทะยานสู่ความเป็นธุรกิจชั้นเลิศของ SAMSUNG สัมฤทธิผลได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยยานพาหนะเครื่องบินๆไอพ่นโดยสารขนาดใหญ่ที่บรรทุกพวกเราทั้งปวง ให้สามารถเชิดหัวไต่ระดับเพดานบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างไกลได้โดยราบรื่นนี้ ขอให้พวกเราทุกคนจงร่วมกันตั้งคำมั่นปฏิญาณในอันที่จะเริ่มการเปลี่ยนแปลงจากตัวของเราเองให้จงได้
วันเปิดประชุม ณ นครแฟรงเฟิร์ท ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1993 นั้น ถือเป็นวันที่พวกเราได้ตระหนักยอมรับถึงสภาพความเป็นจริงของตนเอง พร้อมทั้งต้องปณิธานปฏิญาณตนในอันที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงจากตนเอง ซึ่งจะเป็นวันที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพวกเราชาว SAMSUNG ชั่วนิรันดร์
ขอให้วันนี้จงเป็นวันที่ย้ำเตือนให้พวกเรา ได้ตระหนักระลึกว่า เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ในการถือก่อกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งของมวลหมู่ชาว SAMSUNG ทั้งปวง
โดย: กุ้ง01   วันที่: 6 Oct 2005 - 13:50


 ความคิดเห็นที่: 1 / 9 : 131965
โดย: กุ้ง01
ยาวหน่อยแต่น่าจะได้ประโยชน์บ้าง
วันที่: 06 Oct 05 - 13:52

 ความคิดเห็นที่: 2 / 9 : 131966
โดย: O-Omega
ซัมซุงทำได้จริง ๆ

จิง ๆ ผมกะแอบเปงสาวกซํมซุงเหมือนกัน อิอิ
วันที่: 06 Oct 05 - 13:55

 ความคิดเห็นที่: 3 / 9 : 131977
โดย: ทวีรัฐ
อ้อ นังโอ แอบเป็น สปาย นี่เอง ไม่ขายให้แระ
วันที่: 06 Oct 05 - 14:09

 ความคิดเห็นที่: 4 / 9 : 131995
โดย: แตะเองรู
ทั้งคู่ๆ
วันที่: 06 Oct 05 - 15:00

 ความคิดเห็นที่: 5 / 9 : 132081
โดย: กระจาย
ยาว..........จัง

วันที่: 06 Oct 05 - 17:42

 ความคิดเห็นที่: 6 / 9 : 132142
โดย: หนูนา
อ่านยังมะจบเลยอ่ะ เพิ่งได้สี่บรรทัดไม่ไหวแล้ว เด๋วพุ่งนี้มาอ่านต่อ
วันที่: 06 Oct 05 - 20:01

 ความคิดเห็นที่: 7 / 9 : 132209
โดย: ple premason
เหอๆๆๆ ที่บ้านเรียก ช้ำทรวง ว่าแต่ ช้ำทรวง z4 + dvd soken a75 ต่อทาง vga นี่ภาพเนียนเป็นตูดเด็กเลย หุ หุ
วันที่: 07 Oct 05 - 00:01

 ความคิดเห็นที่: 8 / 9 : 132331
โดย: นังโรลออน
ยาวจังง่ะ
วันที่: 07 Oct 05 - 13:14

 ความคิดเห็นที่: 9 / 9 : 132832
โดย: กุ้ง01
ก้อปเค้ามา ไม่มีปังยาพิมพ์เองครับ ยาวอย่างว่าจริงๆแหละ
วันที่: 08 Oct 05 - 14:15