ร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก
เพิ่มโทษเมาแล้วขับปรับ5พันขัง1ปี
โพสต์ทูเดย์ เมาแล้วขับแย่แน่ เจอเพิ่มโทษโหด ปรับ 5 พัน จำคุก 1 ปี ชนคนตายยึดใบอนุญาต ยธ.สั่งวิจัยแก้ กม.ฝ่าฝืนจราจร จากปรับเงินเปลี่ยนเป็นให้บริการสังคมแทน เพื่อหวังลดสถิติ
นายดนุพร ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมอนุมัติในหลักการ ร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่กำหนดให้เพิ่มโทษ ผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา เสพยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ บทลงโทษเดิมระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 43(2) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่บทลงโทษใหม่ในมาตรา 160 ตรี ตามร่างกฎหมายฉบับใหม่กำหนดไว้ว่า ผู้ใดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้ ทำงานบริการสังคม บริการสาธารณประโยชน์ ไม่เกิน 7 วัน วันละ 1-6 ชั่วโมง ให้พักใบขับขี่ ไม่น้อยกว่า 2 เดือน
ในกรณีที่ 2 ถ้ายังมีการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจ ที่จะแรงกว่ากรณีแรก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน และในกรณีฝ่าฝืนแล้วเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท พักการใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
หากผู้ขับขี่ฝ่าฝืนจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาล เพิกถอนใบขับขี่ โดยไม่ต้องมีต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุด
นายดนุพร กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่มีการเสพยาเสพติดในกฎหมายใหม่ระบุว่า ถ้าผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท ให้ศาลสั่งพักใบอนุญาตไม่น้อยกว่า 1 ปี และถ้าฝ่าฝืนจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท และให้ศาลเพิกถอน ใบขับขี่ และถ้าทั้งเมาและเสพยาเสพติด ก็จะนำโทษทั้ง 2 มารวมกัน โดยไม่มีการเลือกว่าจะเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ ยังเสนอให้มีการนำรถที่ผู้กระทำผิดใช้ในกรณีเช่าซื้อสามารถยึดรถเพื่อขายทอดตลาดได้ จะได้ไม่เป็นภาระสถานีตำรวจในการเก็บรถไว้
ด้านนายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ว่าที่รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็กล่าวว่า เนื่องจากมีการผิดกฎหมายจราจรจำนวนมากขึ้น เพราะการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล ประกอบกับอัตราโทษที่ใช้มีเพียงแค่ปรับ จึงจะเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงโทษจากปรับเงินไปทำงานบริการสังคมแทน เหมือนคดีเมาแล้วขับ โดยได้ประสานกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ทำวิจัย แนวโน้มความเป็นไปได้เพื่อจะเสนอแก้ไข พ.ร.บ. จราจรต่อไป