Close this window

คัดลอกมา ไม่รู้จิงป่าว ฟังหูไว้หูแล้วกันครับ
C130 เป็นเรื่องเด็กๆมากๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกเรื่องที่ลอกมา

ผมในฐานะของนักบิน กองบิน 6 คนหนึ่ง ขอบอกว่าแค่เอาเครื่อง c-130 ไปเชียงใหม่หนะมันเด็กๆมากๆ

คุณรู้หรือไม่ว่าตอนที่ท่านนายกผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินนี้ ท่านเดินทางไปเที่ยว เอ้ย ราชการที่ ยุโรปเมื่อเดือนที่แล้วนั้น

ท่านใช้เครื่องบิน airbus หมายเลขเครื่อง 44-444 เดินทาง

ท่านทราบหรือไม่ว่าภารกิจของเครื่องบินเครื่องนี้ ใช้สำหรับพระราชวงศ์ เท่านั้น

แต่ท่านายกท่านก็ใช้ได้ เพราะประเทศนี้ไม่มีใครใหญ่เกินท่านแล้ว

ท่านได้พาลูกชายสุดที่รักของท่านไปด้วย พร้อมกับสัตว์เลี้ยงของลูกชายท่าน

ซึ่งลูกชายของท่านนั้น เอาสัตว์เลี้ยงไปเลี้ยงในห้องบรรทม

สุดที่จะพรรณาแล้วหละครับ

ถ้าท่านอยากเห็นภาพ ของเครื่องบินลำนี้ เชิญชมได้ที่ http://www.602.rtaf.mi.th/Aircraft.asp ตลอด24ชั่วโมงนะครับ

หมายเหตุ 1. ปัจจุบัน ภาพ airbus 44-444 ไม่เห็นใน web แล้ว

โดย: วิป   วันที่: 22 Nov 2005 - 15:04


 ความคิดเห็นที่: 1 / 7 : 150600
โดย: วิป
กฤษฏีกาโกงชาติโกงแผ่นดิน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมขอยกส่วนหนึ่งในกฤษฏีกาดังกล่าว (ที่ไม่ผ่านประชาพิจารณ์) มาวิเคราะห์ให้ท่านๆฟังสักเรื่องหนึ่งคือเรื่องของการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้กฟผ. หลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้ว เรื่องนี้เป็นการเขียนหลักการที่ไม่มีใครในโลกนี้เขาทำกัน ถ้าท่านจำได้ การแปรรูป กฟผ.ในครั้งนี้ กระทรวงการคลังถือหุ้น 75% และอีก 25% กระจายให้แก่ประชาชน ในตัวเลขนี้ดูเหมือนจิ๊บจ๊อย ไม่น่าจะสร้างผลกระทบอะไรมากเพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นถึง 75%
แต่ในกฤษฏีกานั้นบอกว่า หลังจากแปรรูปไปแล้วนั้น หนี้สินของ กฟผ. กระทรวงการคลังยังต้องเป็นผู้จ่ายทั้งหมด???? มันแปลว่าอะไรครับ
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุน จำนวนเงินที่ได้จากการขายหุ้น ก็เพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ การเก็บสำรองเป็นเงินหมุนเวียน และการจ่ายคืนหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้ แต่จากการกำหนดเงื่อนไขของกฤษฏีกาในเรื่องนี้ แน่นอนว่าจะไม่มีการเอาเงินที่ระดมได้มาจ่ายหนี้ ภาระหนี้ที่มีอยู่ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้จ่ายทั้งหมด พูดง่ายๆว่า ได้รายได้มาเท่าไหร่ส่วนที่ได้ก็จะไม่นำไปจ่ายหนี้ เมื่อปันผลแล้วค่อยเอาเงินปันผลที่ให้แก่กระทรวงการคลังมาจ่ายหนี้แทน งานนี้ที่เห็นๆคือ กลุ่ม 25% จะได้เมื่ออานิสงฆ์ได้เงินปันผลเต็มๆ (กลุ่ม 25% มีใครบ้างเอ่ย? ของประชาชนเท่าไหร่?) ผู้บริหารฟาดโบนัสกันเต็มๆ เต็มๆ เพราะไม่ต้องมาสนใจในเรื่องของการเก็บสำรองกำไรเพื่อจ่ายคืนหนี้ ผมขอให้ท่านคิดหน่อยว่าไอ้ลำพังเงินปันผล จะมีปัญญาไปจ่ายคืนหนี้ได้หรือ แล้วถ้าเกิดปีใดมีนโยบายไม่ปันผลขึ้นมา จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้
ก็แน่นอนซิครับ กระทรวงการคลังจะต้องขายหุ้นของตัวเองออกมา อ้างว่าเพื่อนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นมาชำระหนี้ ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่าจะมีคนมารอรับซื้อหุ้นของกระทรวงการคลังถึงในบ้านทีเดียว และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือพวก nominee ทั้งหลายในสิงคโปร์ และฮ่องกงที่เป็นตัวแทนของตระกูลชินวัตร ดามาพงษ์นั่นเอง
การขายหุ้นของกระทรวงการคลังเพื่อนำมาชำระหนี้นั้น ผมของเน้นเลยนะครับว่า เป็นการกระทำตามเงื่อนไขของกฤษฏีกานี้ ที่เปิดช่องไว้ สุดท้าย จำนวนหุ้นของกระทรวงการคลังก็จะลดลงเรื่อยๆ ผิดกับ nominee ที่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลอกแบบมาจาก ปตท.เดี๊ยะ ถึงเวลานั้น ราคาค่าไฟจะเป็นเท่าไหร่
????? อย่าลืมว่าการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นนั้นบริษัทจะต้องทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นให้มากที่สุด (maximize profit) ซึ่งเกิดจาก การลดต้นทุน (ลดพนักงาน เงินเดือน โบนัส incentive ต่างๆ) การเพิ่มรายได้ (เพิ่มรายได้จากธุรกิจเดิม/ธุรกิจใหม่ รวมถึงการขึ้นราคา)
ผมขอฟันธงเลยว่า ราคาค่าไฟจะถีบตัวขึ้นอย่างมากหลังจากเข้าตลาดครึ่งปีแรกสัดส่วนหุ้นปตท.ของกระทรวงการคลัง จากเมื่อเข้าตลาดคือ 75% ตอนนี้เหลือ 52% ผมก็ขอถามท่านว่า 23% มันหายไปไหน ไปอยู่กับใคร ของกฟผ. ก็จะเหมือนกันเปี๊ยบ และที่น่าฉงน สนเท่ห์ คือ สัดส่วนหุ้นกูลชินวัตรและดามาพงษ์รวมกันใน AIS เหลือเพียง 16-17% เท่านั้นและมีทีท่าว่าจะลดลงเรื่อยๆ พวกท่านสงสัยไหมว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ผมขอฟันธง ผมขอบอกเลยว่าต่อไป กฟผ. จะมีบริษัทลูกชื่อ กฟผ.เทเลคอม ที่ให้บริการโทรคมนาคมเต็มรูปแบบสามารถทำธุรกิจแบบเดียวกับ TOT, CAT, AIS และ internet broadband ได้ดีกว่าหลายเท่าเพราะ กฟผ.มีโครงกข่ายใยแก้วนำแสงอยู่ทั่วประเทศแล้ว สามารถส่ง่ผ่านข้อมูลภาพและเสียงได้มหาศาล ขนาดของธุรกิจตัวนี้ใหญ่กว่าทั้งสี่ตัวรวมกันเสียอีก แล้วชินวัตรกับ ดามาพงษ์จะมาสนใจอะไรกับ AIS วิธีการต่อไปก็คือ เข้าไปถือหุ้นใน AIS , DTAC และ True ซะ จะได้กินรวบทั้งหมดแล้วท่านสงสัยไหมว่าทำไมตระกูลเบญจรงค์กุลจึงถอนตัวจาก DTAC แล้ว ทำไม True ถึงต้องออกจากตลาดหลักทรัพย์ การที่ตระกูลเบญจรงค์กุลต้องออกจากธุรกิจนี้โดยเร็ว เพราะถ้าช้ากว่านี้จำนวนเงินจากการขายหุ้นตัวเองจะลดลงจากเดิมมหาศาล เพราะราคาหุ้นลดลง
เนื่องจากเป็นบริษัทที่ไร้พันธมิตรทางภาครัฐ ขณะที่ True ต้องออกจากตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากเกรงกลัวการ take over เหมือนกรณี grammy ฮุปมติชน ถ้า CP ไม่ถือหุ้นใน True ให้มากทีสุด เมื่อมีการเจรจาซื้อหุ้น True ราคาที่จะขายได้จะต่ำมาก ๆ การขายหุ้น AIS ทิ้งของตระกูลชินวัตร และดามาพงษ์ คือ การนำเงินออกมาพักเพื่อไปลงทุนใน บริษัท กฟผ.
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้รัฐบาลสิงคโปร์ได้เข้ามาเป็นเจ้าของเส้นใยแก้วนำแสงที่วางไว้ใต้ทะเลทั้งโลกไว้หมดแล้ว จากอภินัทนาการของสหรัฐอเมริกา ที่จะย้ายไปลงทุนในอวกาศแทน สิงคโปร์ และ ชินวัตรมีสัมพันธ์กันในเชิงธุรกิจการเงินมาช้านาน ท่านเชื่อหรือไม่ว่าต่อไปการสื่อสารผ่านอินเตอร์เนต โทรศัพท์ อะไรก็ตามจะเข้ากระเป๋า บริษัท กฟผ. และสิงค์โปร์ ไม่ใช่ TOT และ กสท. อย่างในอดีตถ้าคนไทยปล่อยให้ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ สาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า โทรศัพท์ที่เสด็จพ่อ ร.5 ได้พระราชทานให้ประชาชนไทย จะกลายเป็นของตระกูลนี้เท่านั้นถ้าท่านไม่อยากจ่ายเงินให้มัน ท่านต้องย้ายไปอาศัยในถ้ำ ในป่าแทน อย่ามัวนิ่งเฉยอยู่เลยครับ พลังเงียบทั้งหลาย กฤษฏีกาโกงชาติโกงแผ่นดิน ถ้าท่านยังเงียบอยู่อย่างนี้ ใครเล่าจะมาช่วยท่านได้

วันที่: 22 Nov 05 - 15:06

 ความคิดเห็นที่: 2 / 7 : 150601
โดย: วิป
เรื่องแรกไม่รู้ แต่เรื่องสองนี่มีป๊อบน่าเกิดได้
วันที่: 22 Nov 05 - 15:10

 ความคิดเห็นที่: 3 / 7 : 150688
โดย: นังโรลออน
ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตามมันก็น่าโดนตื๊บโดยแท้แหละครับ









เกลียดไอเหลี่ยมจังวุ๊ย
วันที่: 22 Nov 05 - 18:32

 ความคิดเห็นที่: 4 / 7 : 150729
โดย: HOON
ดูที่หลักฐานคับ
วันที่: 22 Nov 05 - 19:27

 ความคิดเห็นที่: 5 / 7 : 151470
โดย: lek_silenzer
ขอครับ(แม่ม)อย่าผ่านหน้าบ้านนะ
วันที่: 23 Nov 05 - 13:02

 ความคิดเห็นที่: 6 / 7 : 151773
โดย: นังโรลออน
ฆ่ามานนนนนนนนนนนนนนนน




โหดไปป่าววะ
วันที่: 23 Nov 05 - 22:28

 ความคิดเห็นที่: 7 / 7 : 152234
โดย: ป้าติ๋ม
"""........
วันที่: 24 Nov 05 - 16:04