Close this window

แก๊สโซฮอล์ 95(Gassohol)
เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ 95 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมระหว่าง เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน

1. คุณสมบัติของแอลกอฮอล์ คือระเหยเร็ว ทำให้เกิดหยดน้ำในถัง อาจทำให้ถังน้ำมันเกิดสนิมและผุเร็วกว่าที่ควรจะเป็น อาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
2. ควรเติมแก๊สโซฮอล์ 95 สลับกับเบนซิน 95 เนื่องจากในแก๊สโซฮอล์ไม่มีสารหล่อลื่นบ่าวาวล์เหมือนในเบนซิน 95 จึงทำให้เกิดการสึกหรอที่บ่าวาวล์มากขึ้น
3. จากการใช้งานจริงอัตราการเร่งลดลงในช่วง 0 – 100 กม./ชม. ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเบนซิน 95 จึงเป็นเหตุให้ต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น
4. การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทยางที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์มากกว่า
5. การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทพลาสติก ที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์
6. อัตราการกินน้ำมันของรถ เปรียบเทียบระหว่าง แก๊สโซฮอล์ 95 กับ เบ็นซิน 95 จากการใช้จริง
ก่อนหน้านี้ เติมเบ็นซิน 95 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ระยะทาง = 400 กม.
เบ็นซิน95 จำนวน 40 ลิตร ราคาลิตรละ 28 บ. เป็นงิน = 1120 บาท

ปัจจุบัน เติมแก๊สโซฮอล์95 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ = 360 กม.
แก๊สโซฮอล์95 จำนวน 40 ลิตร ราคาลิตรละ 27 บ. เป็นเงิน = 1080 บาท

ดังนั้นการเติมแก๊สโซฮอล์95 ประหยัดเงิน (เท่ากับ 1120 - 1080 ) = 40 บาท
แต่... ระยะทางจะหายไป (เท่ากับ 400 – 360) = 40 กม.

(ต้องเติม แก๊สโซฮอล์95 เพิ่มอีก 4.44 ลิตร จึงจะวิ่งได้ 400 กม. = เติมเบ็นซิน95 จำนวน 40 ลิตร)
สรุป ต้องเติมแก๊สโซฮอล์95 จำนวน 44.44 ลิตร เป็นเงิน = 44.44x27 = 1199.88 บาท

ผลต่างคือ : ระยะทาง 400 กม. เติมแก๊สโซฮอล์95 = 1199.88 บาท
ระยะทาง 400 กม. เติมเบ็นซิน95 = 1120 บาท

กลายเป็นว่าต้องเสียเงินเพิ่ม 79 บาท จากการเติมแก๊สโซฮอล์95 เพื่อที่จะให้วิ่งได้ 400 กม. (เท่ากับเติมเบ็นซิน 95)




บทสรุป
" ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราว่าจะเลือกใช้อย่างไหน แต่ทั้งสองอย่างก็มี ข้อด้อย ข้อดี
แตกต่างกันไป " หากมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ

สำนักงานคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ โทร. 0 2354 1648-51 โทรสาร 0 2354 1647 หรือ

บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
ศูนย์บริการลูกค้าบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โทร. 0-2262-7700 กด 2

การปิโตเลียมแห่งประเทศไทย







ปล. ข้อมูลจาก bmwsociety.com
โดย: p_h_a_t   วันที่: 19 May 2006 - 21:13


 ความคิดเห็นที่: 1 / 14 : 196183
โดย: นายหนึ่ง
"2. ควรเติมแก๊สโซฮอล์ 95 สลับกับเบนซิน 95 เนื่องจากในแก๊สโซฮอล์ไม่มีสารหล่อลื่นบ่าวาวล์เหมือนในเบนซิน 95 จึงทำให้เกิดการสึกหรอที่บ่าวาวล์มากขึ้น " ......เอาอาไรมาพูดครับนิ

"1. คุณสมบัติของแอลกอฮอล์ คือระเหยเร็ว ทำให้เกิดหยดน้ำในถัง อาจทำให้ถังน้ำมันเกิดสนิมและผุเร็วกว่าที่ควรจะเป็น อาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง " .......อุณหภูมิที่ลดลงในการระเหยช้าๆแบบวันนึงระเหยไม่ถึงลิตรไม่มากพอให้ทำให้เกิดหยดน้ำจนเห็นผลเป็นนัยสำคัญได้แน่นอน

"เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น" เค้ารู้ได้อย่างไรว่าเครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้น จนสึกหรอมากขึ้น?



สรุป ผมว่านะ ข้อความที่ผู้เขียนเค้าเขียนมาเนี่ย เค้าคิดเอง นึกเอง โดยผสมเอาความทัศนคติแง่ลบไปเสียหาสาระไม่ค่อยเจอนะครับ แล้วตบท้ายด้วยเบอร์ติดต่อให้มันดูเป็นทางการนิดหน่อยก็แค่นั้นเองทั้งๆที่เป็น"เรื่องนั่งเทียนเขียน"ล้วนๆหน่ะ

ผมไม่ใช่คนชอบแกสโซฮฮลเหมือนกัน แต่เกลียดพวกแบบเนี้ยมากกว่า
วันที่: 19 May 06 - 22:31

 ความคิดเห็นที่: 2 / 14 : 196191
โดย: ton_mct
เห็นด้วยกับ คห 1
วันที่: 20 May 06 - 01:28

 ความคิดเห็นที่: 3 / 14 : 196202
โดย: Nuay@Protege
มันต้องเร่งเครื่องมากขึ้นอยู่แล้วครับ

เพราะค่าความร้อนที่แอลกอฮอล์ให้ออกมา มันต่ำกว่าเบนซินเพียวเพียว มันเลยสิ้นเปลืองมากขึ้น

อีกอย่าง น้ำมันเบนซินมีสารอะไร ก๊าซโซฮอล์ก็มีสารนั้นแหละครับ ก็เอาจากเบนซิน 91 + Ethanol นี่

ส่วนเรื่องการระเหยตัว ทำให้เกิดเป็นไอน้ำ อันนี้มีจริงนะครับ รถหลายหลายคัน เติมโซฮอล์ครั้งแรกก็สำลักกันเลย เพราะว่าความชื้นที่มีสูงอยู่แล้วในถังน้ำมัน พอเจอแอลกอฮอล์เข้าไปอีกก็ได้เรื่อง แต่เรื่องถังผุ มันเป็นเรื่องของเหล็ก + แอลกอฮอล์ ที่มันจะถ่ายเท Electron กัน.. ทำให้มันผุต่างหาก

ปล. ผมไม่ได้ว่าคุณ phat นะ ขอบคุณมากครับที่เอาข้อมูลดีดีมาเล่ากันฟัง แต่ผม mention ถึงคนเขียนขึ้นเองนะครับ
วันที่: 20 May 06 - 08:04

 ความคิดเห็นที่: 4 / 14 : 196215
โดย: *~B3S~*
Sohal 95 มาจาก เบนซิน 95 + Ethanol ( 9 : 1 )
Sohal 91 มาจาก เบนซิน 91 + Ethanol ( 9 : 1 )

เรียกโดยรวมว่า E10 คือมี Ethanol อยู่ 10% และในอนาคต เมื่อค่ายรถต่าง ๆ พร้อม ซึ่งรถรุ่นใหม่ ๆ ก็ค่อนข้างพร้อมแล้วอย่าง Ford Focus นั้นสามารถใช้งาน E20 ได้ด้วยซ้ำ นั้นคือมี Ethanol อยู่ถึง 20%

แล้วก็ MTBF -> Ethanol ก็อาจจะมีปัญหาบ้างในระยะแรก ๆ กับรถรุ่นเก่า ๆ ที่ยังไม่ได้เตรียมตัวบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้เลย การเปลี่ยนอะไรย่อมมีเสียงคัดค้านบ้าง เหมือนตอนนี้เราเปลี่ยนจาก น้ำมันตะกั่ว มาเป็น ไร้สารตะกั่วนั้นแหละ บ้างก็ว่า ไม่ได้ บ่าวาล์วสึกแน่ ๆ ฯลฯ...แต่สุดท้าย มีที่ไหนบ้างที่มีน้ำมันตะกั่วขายอยู่

และเช่นกัน MTBF ที่ผมอยู่ในเบนซิลนั้น ก็เริ่มมีผลการวิจัยออกมาแล้วว่า เป็นสารก่อมะเร็ง หากได้รับในอัตตราที่สูง อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทั่วโลก จึงเริ่มมองหาทางออกอื่น ๆ กันแล้ว ซึ่งตอนนี้ Ethanol เป็นพระเอก เนื่องจาก สามารถผลิตได้ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเทียบกับ การหมักจนเกิดเป็น น้ำมันดิบ

สิ่งที่น่ากลัวของ Sohal นั้นไม่ใช่สิ่งที่ เจ้าของบทความว่ามาหรอกครับ นั้นคือปัญหาที่แก้ไขได้ ในทางเทคนิคทั้งนั้น สิ่งที่น่ากลัวคือ การควบคุมมาตราฐาน การผลิต และการเก็บรักษา Ethanol มากกว่า เพราะว่าหากไม่ได้มาตราฐานแล้ว จะทำให้ Ethanol รวมตัวกับน้ำในอากาศได้ง่าย ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีต่อเครื่องยนต์เลย
วันที่: 20 May 06 - 10:26

 ความคิดเห็นที่: 5 / 14 : 196219
โดย: woow...w
ขอออกความเห็นด้วยนิดนึงครับ(ประสบการอยู่โรงงานเอทานอล)
เอทานอลนั้นมีหลายเกรดมาก ในส่วนที่นำมาทำกาซโซฮอล์นั้น เป็นแอลกอฮอล์ 99.8 % ซึ่งมี purity สูงที่สุดโลกทำได้อยู่ปัจจุบันนี้ ยังงัยเราก็ไม่สามารถใช้กระบวนการกลั่นให้ได้ 100% (ประเทศไทยปัจจุบันใช้เครื่องกลั่นแบบ fractional distillation still ของ Krupp )โดยที่ความบริสุทธ์ขนาดนี้เราใช้เป็นตัวทำละลายในเครื่องสำอางต่างๆ แม้กระทั่งยาสีฟัน และกาซโซฮอล์ แต่ส่วนที่เหลืออีก 0.2 % คื่อน้ำ ซึ่งมีปริมาณน้อย เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับความชื้นที่ถังน้ำมันได้รับจากแหล่งอื่น แต่โดยคุณสมบัติของแอลกอฮอล์นั้นเป็นกรดอ่อนอาจมีผลต่อโลหะได้ในระยะยาว และอย่างที่คุณ Nauy@Protege ว่าไว้โดยที่เอธานอล สามารถใช้เป็นสารละลาย electrolyse เมื่ออยู่กับโลหะทำให้โลหะสูญเสีย electron ง่าย ( เกิด oxide ทำให้ผิวบางลง)
และแอลกอฮอล์บริสุทธิ์นั้นระเหยได้เร็วมากต้องเก็บในภาชนะปิด อย่างที่โรงงานเนี่ยเวลาส่งกลั่นระหว่างหอไม่มีการสำผัสอากาศเลยเพรามีการสูญเสียเร็วและอันตราย แต่เมื่อนำมาผสมน้ำมันแล้วการละเหยจะลดลงเนื่องจาก ความดันไอจะต่ำลงครับ ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองใกล้กันมาก
และสุดท้ายคิดว่าที่ว่าถังน้ำมันผุเร็วขึ้นนั้น โดยส่วนตัวผมคิดว่าเป็นไปได้จริงครับ
ยังงัยใครมีความรู้ใหม่ก็บอกกันมั่งนะครับ
วันที่: 20 May 06 - 10:34

 ความคิดเห็นที่: 6 / 14 : 196232
โดย: เฟี๊ยต ( Fake คนเก่า )
ถูกต้องแล้ว คร้าบ

ผมเคยวัดแล้ว แก๊สโซฮอล์เต็ม ถัง กับ 95 เต็ม ถัง ถ้าคิดเป็นกิโล โซฮอล์ แพงกว่า


ดูถูกกว่า แต่ใช้จริงแล้ว แพงกว่า ไม่เชื่อไปลองดู
วันที่: 20 May 06 - 13:20

 ความคิดเห็นที่: 7 / 14 : 196294
โดย: ป้อง
ผมก็ใช้ gasohol แล้วสิ้นเปลืองทางการเงินมากกว่าเหมือนกันครับ
วันที่: 20 May 06 - 22:03

 ความคิดเห็นที่: 8 / 14 : 196295
โดย: ซัน
หรือเป็นกลยุทธของคนที่ผลิตโซฮอล หรือเปล่า ต่อไปพอไร้สารเลิกขาย มันก็แพงขึ้นมาพอๆกัน ใครจะไปรู้เมื่อไม่มีตัวเปรียบเทียบ อันนี้ผมคิดเองนะ แต่ที่ลองใช้แล้ว เร่งอึด หมดเร็ว เลยเปลี่ยนกลับไปใช้ 95 ไร้สาร อย่างเก่า เอาไว้ไม่มีขายจริงๆ ก็จำเป็นต้องใช้ละครับ
วันที่: 20 May 06 - 22:18

 ความคิดเห็นที่: 9 / 14 : 196308
โดย: Green Rabbit
ผมว่าคุ้มไม่คุ้มที่จะใช้แก๊สโซฮอล์นั้น ตามความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว มันขึ้นอยู่ที่รถ(สภาพ,ประเภท,,ลักษณะของเครื่องยนต์,อัตราส่วนผสม9ล9) 60% และนิสัยการขับขี่ของแต่ละคนอีก40%

รถที่มีสันดานรอบจัดช่วงชักสั้น,อตารส่วนผสมน้ำมันกับอากาศน้อย(พวกรถยุโรปรุ่นเก่าๆหรือพวกเติม95)ตลอดจนเครื่องยนต์มีการสึกหรอมาก รถเหล่านี้ย่อมต้องใช้พลังงานมากในการขับเคลื่อน อย่างเช่นจะเอาimpresaมาเติมโซฮอล์95กะจะขับให้ประหยัดยังไงมันก็ไม่ประหยัด หนำซ้ำยังจะเปลืองซะกว่าเพราะพลังงานที่ได้จากการสันดาบเมื่อคิดจากค่าอ๊อกเทนนั้นน้อยกว่า95เพียวๆ เพราะฉนั้นแก๊สโซฮอล์95ย่อมต้องใช้งานในปริมาณที่มากกว่า95จึงจะทำไห้ได้ค่าออ๊อกเทนที่เท่ากัน


ต่างกับรถที่ประหยัดอยู่แล้ว อย่างเช่นsoluna หรือ city รถเหล่านี้ไม่ต้องการพลังงานมาก ตัวถังเล็กนำหนักเบา จะเติมอะไรก็ประหยัด เพราะความแตกต่างในการบริโภคของรถระหว่างแก๊สโซฮอล์ก่ะเบ็นซินธรรมดานั้นแตกต่างกันน้อย มากอย่างผมเองใช้เจ้าตาตี่ทุกวันไม่ตำกว่าวันละ100กม.เติม91 ขับประหยัดสุดๆๆๆ9.5 กม/ลแต่เมื่อเทียบกับ city type Z(Exi) ในระยะทางเท่ากัน ๆไม่น่าจะตำกว่า 15 กม/ล

ลักษณะนิสัยการขับขี่ก็เช่นกันซึ่งเราๆท่านๆก็ทราบดี กดมากก็กินมาก กดน้อยก็กินน้อย ในส่วนการใช้งานจริงของผมนั้นเติมเบ็บซินธรรมดา91ด้วยเหตุที่รถมันมีอายุ10ปีแล้ว แอลกอฮอล์ที่เรารู้จักก็มักจะใช้ดื่มกะล้างแผล ยังนึกไม่ออกเลยด้วยว่าเราจะใช้แอลกฮอล์เติมเครื่องยนต์ได้อย่างไร การออกแบบรถยนต์ในสมัยนั้นจึงน่าจะรองรับการใช้นำมันผสมแอลกอฮอล์ได้ไม่ดีนัก และอย่างเจ้าตาตี่ของผมนี่เติมโซฮอลล์91มันก็ไม่ได้ประหยัดขึ้น แล้วเรื่องผลกระทบกับเครื่องยนต์ที่เกิดจากการใช้แก๊สโซฮอล์ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้(ตามความรูสึกอ่ะคระบ) จึงตัดสินใจใช้91ธรรมดาดีกกว่า
วันที่: 21 May 06 - 00:21

 ความคิดเห็นที่: 10 / 14 : 196319
โดย: Nuay@Protege
สารที่ว่าน่ะ เค้าเรียก MTBE (เมตะเทอเทียรี่บิวทิวอีเธอร์) ซึ่งเป็นสารเพิ่ม Octane

แล้วโซฮอล์ 95 น่ะ เกิดจาก เบนซิน 91 กว่ากว่า (92-93) + Ethanol ครับ มันถึงได้เป็น Octane 95

เพราะถ้ามันเป็น Octane 95 อยู่แล้ว เติม Ethanol ลงไป มันก็ยิ่งเพิ่มค่าออกเทนให้โดดขึ้นไปอีกโดยไม่จำเป็น ยกเว้นจะเติมกับ Skyline GTR R34 หรือ Evolution VI VII VIII ที่ให้เติม Octane 98

ส่วนโซฮอล์ 91 ก็เกิดจากเบนซินที่ต่ำกว่า 91 เช่น 87,89 มาเติม Ethanol เพิ่มเหมือนกัน

ปล. รถที่ให้เติม 91 แล้วมาเติมโซฮอล์ 95 หลายคัน (อ่านดีดีนะครับ ผมบอกว่าหลายคัน ไม่ใช่ทุกคัน) มักจะวิ่งได้ดีขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้น เช่น Civic 1.7 VTi, Civic 2.0 i-Vtec ที่บ้านเป็นต้น
วันที่: 21 May 06 - 09:38

 ความคิดเห็นที่: 11 / 14 : 196501
โดย: a_kung1
cronos L4 เติมโซฮอล์ 95 แล้ววิ่งไม่แตกต่างจากเดิม (91) เลย
แต่เครื่องจะฟังเร็วกว่าหรือไม่นั้น ไม่รู้เหมือนกัน
วันที่: 22 May 06 - 01:49

 ความคิดเห็นที่: 12 / 14 : 196655
โดย: Devil
รถผมก็ใช้อยู่นะครับประมาณเกือบ 2 ปี ได้แล้ว Protege glxi 2003 ในส่วนตัวที่ใช้นะครับ ระยะทางไม่มีความแตกต่างระหว่าง 95 กับ gasohal เพราะผมเติมอาทิตย์ละครั้งวิ่งได้ 420 กม. - 470 กม. จนไฟเตือน เติมเต็มถัง ประมาณ 45.50 - 45.70 ลิตร วิ่งในเมือง 5 วัน นอกเมือง 2 วัน ใช้ความเร็วขั้นต่ำในเมืองเหมือนรถทั่วไปเหยียบได้เป็นเหยียบ แซงได้เป็นแซง นอกเมืองใช้ความเร็วขั้นตำ 120 km./hr. และเคยวิ่งนอกเมืองล้วนเฉลี่ยได้ 12 - 13 กม./ลิตร ใช้ความเร็วขั้นต่ำ 120 แต่ไม่เกิน 140 k,/hr. ใช้ gasohal 95 ปตท. อธิบายไว้เป็นข้อมูลครับ ส่วนตัวผมคิดว่าประหยัดครับ
วันที่: 22 May 06 - 16:58

 ความคิดเห็นที่: 13 / 14 : 197846
โดย: papii
ที่ทุกท่านเขียนมาก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น คือราคาถูกกว่า แต่ใช้จริงแล้วไม่ได้ประหยัดกว่า
เรื่องเทคนิค มีคนพูดไปเยอะแล้ว มาดูในแง่การค้าบ้าง
เรื่องอะไรบริษัทน้ำมันอย่างปตท. และบางจาก จะเสนอสิ่งที่ทำให้มีรายได้จากการขายลดลง มันเป็นไปไม่ได้
แรกๆ มีบางจาก ที่เอาจริงอยู่รายเดียว ตอนนั้นผสม 10 % (E10)
แล้วลดเป็น 5% (E5) สมัย รมต. พินิจฯ อ้างว่าจะกระจายให้ตลาดกว้างขึ้น
ต่อมา ปตท. ลงมาเล่นด้วย และเล่นเต็มตัว
การตลาดประสบความสำเร็จมาก แต่คนใช้ได้ประโยชน์อะไรจริงๆ หรือเปล่า ยังสงสัย
ที่แน่ๆ ในวงการเขาว่า ขาย กฮ. กำไรต่อลิตร สูงกว่าขายเบนซิน !!??
วันที่: 26 May 06 - 15:33

 ความคิดเห็นที่: 14 / 14 : 320892
โดย: naruto
บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆทุเรศๆๆๆๆๆๆๆๆๆโกหกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไม่เป็นความจริงทดลองทำแล้วไม่เห็นมีไรดีขึ้นเลย บ้าสุดๆ
วันที่: 25 Jan 08 - 18:22