Close this window

//ปริศนาค่าการกลั่น?//
เอามาฝากกันครับจากไทยรัฐ อ่านกันจะจะไปเลยไม่ต้องลิ้งค์..

ปริศนาค่าการกลั่น ไทยสมรู้..ต้มไทย [2 มิ.ย. 50 - 16:50]

โดนใจคนทั้งประเทศ เมื่อ นางเพ็ญจิตร ปัญญวัณศิริ กับพวก 9 คน ร่วมใจยื่นฟ้องหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและ ปตท. ต่อศาลปกครอง

ประเด็นฟ้อง ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนจากการแบกรับภาระค่าน้ำมัน ที่นับวันสูงขึ้น โดยไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า น้ำมันที่คนไทยใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มันแพงขึ้นตามสภาพความเป็นจริงหรือเปล่า

สิ่งที่คณะผู้ยื่นฟ้องและคนไทยทั้งประเทศตั้งข้อสงสัยที่สุดคือค่าการกลั่น...

น้ำมันยิ่งแพง ค่าการกลั่นแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว

ค่าการตลาด...ให้กันยังไง น้ำมันแพง บริษัทค้าน้ำมันรวย แต่ทำไม ปั๊มถึงได้แข่งกันเจ๊ง

ที่สำคัญค่าการกลั่น ค่าการตลาด มักจะถูกผู้ค้าน้ำมันหยิบยกเป็นข้ออ้างทวงบุญคุณจากประชาชน บีบให้รัฐบาลปรับขึ้นราคาน้ำมันมาโดยตลอด

“ถ้าคิดกันแบบง่ายๆ ความจริงแล้วค่าการกลั่น ค่าการตลาดของธุรกิจน้ำมัน ไม่แตกต่างไปจากธุรกิจผลิตสินค้าอื่นๆแต่อย่างใด”

ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัทลานนารีซอร์สเซส นักวิชาการปิโตรเลียม ผู้ได้ทุนรัฐบาลไทยเรียนจบปริญญาตรี-โท-เอก ด้านวิศวกรรมปิโตรเลียมโดยตรง...กล่าว

ค่าการกลั่นก็เปรียบได้กับค่าแปรรูปสินค้า แปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาล แปรรูปน้ำมันดิบเป็นน้ำมันสำเร็จรูป...ต้นทุนในการแปรรูปน้ำมันดิบเป็นเบนซิน เป็นดีเซลมีเท่าไร ค่าการกลั่นก็ควรจะเท่านั้น

ค่าการตลาดก็เช่นกัน ก็เงินเปอร์เซ็นต์ เงินกำไร ที่ทางบริษัทน้ำมันจ่ายให้กับปั๊ม แบบเดียวกับบริษัทผลิตสินค้าอย่างอื่นจ่ายให้กับห้างร้านที่ขายปลีก ให้ผู้บริโภคนั่นแหละ

ฟังคำอธิบายแล้ว ค่าการกลั่น ค่าการตลาด ไม่เห็นจะแปลกพิสดารตรงไหน เหมือนธุรกิจทั่วไป...แล้วที่มันมีปัญหาวุ่นวายขายปลาช่อน สับสนเสียจนชาวบ้านรู้สึกว่าตัวเองถูกเอาเปรียบนั่นเป็นเพราะอะไร

ดร.สีหศักดิ์ชี้ว่า เป็นเพราะการคิดค่าการกลั่นต่างจากสินค้าอย่างอื่นตรง...

บริษัทน้ำมันคิดมาให้อย่างไร หน่วยราชการไทยเชื่อว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาว่า

“หน่วยราชการไทยไม่มีข้อมูล ไม่มีมาตรฐานในการคิดคำนวณว่าค่ากลั่นน้ำมันที่แท้จริงของโรงกลั่นแต่ละแห่งนั้นมีต้นทุนเท่าไร

น้ำมันดิบกลั่นออกมาเป็นดีเซล เป็นเบนซิน เป็นน้ำมันก๊าด น้ำมันเจ๊ทสำหรับเครื่องบิน เป็นก๊าซแอลพีจี แต่ละตัวมีต้นทุนเท่าไรกันแน่ ตัวเลขที่แท้จริงเราไม่รู้

ตัวเลขที่ผู้ค้าน้ำมันบอกมาเป็นตัวเลขจริง หรือตัวเลขลวง หน่วยราชการไทยที่รับผิดชอบไม่มีตัวเลขมาตรฐานเปรียบเทียบ เพราะที่ผ่านมา ไม่มีการศึกษาวิจัยเรื่องต้นทุนค่าการกลั่นน้ำมันที่แท้จริงเลย”

ที่สำคัญไปกว่านั้น ค่าการกลั่นที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้...คิดกันแบบรวบหัวรวบหาง....แล้วมัดมือชก

“เขาคิดแบบซื้อน้ำมันดิบมาในราคาเท่าไร เมื่อกลั่นเสร็จ เอาผลผลิตที่ได้จากการกลั่นทุกอย่างไปเปรียบเทียบกับราคาขายในตลาดโลก ซึ่งก็คือราคาที่สิงคโปร์

ผลิตภัณฑ์ที่กลั่นได้ทั้งหมดขายได้ในราคาเท่าไร เอาราคานั้นไปหักลบกับราคาน้ำมันดิบที่ซื้อมา ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่าไรนั้นก็คือ ค่าการกลั่น”

เช่น ซื้อนํ้ามันดิบมาในราคาบาร์เรลละ 60 เหรียญสหรัฐฯ พอนำมากลั่น ผลิตภัณฑ์ที่กลั่นได้ทั้งหมดเปรียบเทียบกับราคาในตลาดโลก ณ วันที่กลั่นออกมา สมมติว่า รวมกันแล้วขายได้ 100 เหรียญ

เอา 100 ไปลบ 60...ค่าการกลั่นจะตกบาร์เรลละ 40 เหรียญ ส่วนจะเป็นลิตรละเท่าไรให้เอา 159 หาร...1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร

ฉะนั้น ค่าการกลั่นที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้....ไม่ได้คิดจากต้นทุนที่แท้จริงของการกลั่น

ซ้ำร้าย...ค่าการกลั่นก็ไม่ได้คิดจากต้นทุนราคาน้ำมันดิบ ณ วันที่ซื้อมาจริง

ประเด็นนี้ วิศวกรปิโตรเลียมระดับปริญญาเอกอธิบายว่า ปกติแล้วการซื้อน้ำมันดิบมากลั่น ประเทศไทยจะสั่งซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลางเป็นหลัก เพราะในละแวกแถวบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย ถูกสิงคโปร์กว้านซื้อไปหมดแล้ว

เราต้องไปซื้อไกล กว่าน้ำมันดิบจะมาถึงโรงกลั่นในบ้านเราจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ฉะนั้น การจะคิดค่า ก็ควรจะต้องคิดจากราคาน้ำมันดิบในวันที่ซื้อจริง

แต่เขากลับคิดราคาต้นทุนน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบัน...ที่มักจะแพงกว่า

แม้ผู้ผลิตจะอ้างว่าราคาน้ำมันไม่แน่นอน มีความเสี่ยงสูง มีขึ้นมีลงตลอดเวลาก็ตาม...แต่โดยส่วนใหญ่ราคาปัจจุบันจะแพงมากกว่าราคาในอดีต เพราะมีขึ้นมากกว่าลง

ถ้าลงมากกว่าขึ้น...ราคาน้ำมันต้องลงไปอยู่ต่ำกว่าลิตรละ 20 บาท ไม่ใช่ 30 บาทอย่างนี้

เมื่อเอาราคาน้ำมันดิบปัจจุบันมาคิด ทำให้ตัวเลขที่ทำมาเสนอหน่วยราชการ ค่าการกลั่นจะออกมาต่ำกว่าความเป็นจริง

โชว์ตัวเลขให้พอเชื่อได้ว่า...ฉันไม่ได้เอาเปรียบ

แค่นั้นยังไม่พอ สิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้นั่นก็คือ...น้ำมันดิบที่ซื้อมา 1 ลิตร เวลากลั่นแล้วผลิตภัณฑ์ที่ออกมามีปริมาตรมากกว่า 1 ลิตร

หลายคนอาจจะงง เป็นไปได้ยังไง?

ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ เป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆเหมือนอย่างที่เราเรียนกันมา สสารทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อโดนความร้อนแล้วโมเลกุลจะขยายตัว

การกลั่นน้ำมันต้องใช้ความร้อน...ร้อนในระดับที่ ดร.สีหศักดิ์บอกว่า... น้ำมันดิบ 1 ลิตร กลั่นออกแล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ลิตร

คิดดูก็แล้วกัน การคิดค่าการกลั่นตามสูตรแบบนี้ จะทำให้บริษัทน้ำมันโกยกำไรจากค่าการกลั่นมากมายขนาดไหน

นี่ยังไม่รวมกรณีโรงกลั่นรู้ข้อมูลภายในล่วงหน้า โรงกลั่นโรงไหนจะหยุดซ่อม ซึ่งส่งผลให้น้ำมันสำเร็จรูปขาดตลาด มีราคาแพง โรงกลั่นจะรีบสั่งซื้อน้ำมันดิบมากักตุน รอกลั่นขายตอนน้ำมันสำเร็จรูปแพง ฟันกำไรค่าการกลั่นมโหระทึก

ฟังคำอธิบาย บริษัทค้าน้ำมันฟันกำไรจากค่าการกลั่นมหาศาล แล้วทำไมยังเรียกร้องขอเพิ่มค่าการกลั่นอยู่อีก?

“นี่เป็นเทคนิคพื้นๆของบริษัทค้าน้ำมัน...” ดร.สีหศักดิ์ บอก

“ถึงจะได้ค่าการกลั่นมหาศาล แต่เขามีเทคนิคที่สามารถนำค่าการกลั่นไปซุกไว้ตามที่ต่างๆไม่ให้เราได้รู้ทัน

วงการค้าน้ำมันสามารถนำกำไรจากค่าการกลั่นไปซุกได้ทั้งที่โรงกลั่นที่ จ็อบเบอร์หรือธุรกิจขนส่งน้ำมัน และซุกไว้ที่ปั๊มหรือค่าการตลาด ขึ้นอยู่กับว่า เขาต้องการอะไร

ถ้าอยากได้เงินไปลงทุนสร้างขยายโรงกลั่น ก็จะโชว์ตัวเลขว่าโรงกลั่นมีผลกำไรดี เพื่อจะได้ปั่นหุ้นเอาเงินมาลงทุน ยิ่งสร้างตัวเลขให้รัฐบาลเชื่อว่า ได้ค่าการกลั่นน้อยแล้วรัฐบาลเพิ่มค่าการกลั่นให้ หุ้นก็จะยิ่งพุ่งถล่มทลาย เมื่อได้ดั่งใจก็เอาค่ากลั่นไปซุกไว้ในธุรกิจอื่นเพื่อหากำไรต่อ”

ค่าการตลาดก็เหมือนกัน ดร.สีหศักดิ์ ให้ข้อคิด...ทำไมน้ำมันแต่ละชนิดถึงได้ค่าการตลาดไม่เท่ากัน ทั้งที่ให้เท่ากันก็ได้

เพราะน้ำมันไม่เหมือนสินค้าอย่างอื่นๆ ที่ให้ค่าตลาดไม่เท่ากัน จ่ายให้ มากกว่า เพื่อคนขายได้เชียร์ให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าของตัวเอง

ธุรกิจน้ำมัน...เคยเห็นไหมที่มีเด็กมาเชียร์น้ำมัน เหมือนเชียร์เบียร์

มีไหมที่เด็กปั๊มมาเชียร์คนขับรถให้เติม 95 ดีกว่า 91 หรือเชียร์ให้เติมดีเซลดีกว่าเบนซิน...ไม่มี

เพราะในความจริง รถใช้อะไรก็เติมอย่างนั้น แต่ทำไมบริษัทค้าน้ำมันถึงให้ค่าการตลาดน้ำมันแต่ละชนิดไม่เท่ากัน...เพื่ออะไร?

จะเพื่อสร้างความสับสนงงงวยให้เกิดขึ้นในระบบ และจะได้นำไปเป็นข้ออ้างขอขึ้นราคาไม่จบสิ้นหรือเปล่า?

ในเมื่อค่าการตลาด ค่าการกลั่นเป็นเช่นนี้...เลยมีคำถามว่า หน่วยราชการไทยมีความสามารถที่จะรู้ให้ทันและปรับเปลี่ยนแก้ไขความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมได้หรือไม่

วิศวกรปิโตรเลียมระดับด็อกเตอร์ บอกเพียงแต่ว่า ธุรกิจน้ำมันมีเงินเป็นแสนๆล้าน มีความสามารถที่จะจ่ายอะไรก็ได้

เลยทำให้นักการเมือง ข้าราชการและคนที่เกี่ยวข้อง อยากแกล้งโง่...มากกว่าอยากฉลาดกันทั้งนั้น.
โดย: RedZilL@   วันที่: 7 Jun 2007 - 13:26


 ความคิดเห็นที่: 1 / 17 : 272072
โดย: JipJeep

วิศวกรปิโตรเลียมระดับด็อกเตอร์ บอกเพียงแต่ว่า ธุรกิจน้ำมันมีเงินเป็นแสนๆล้าน มีความสามารถที่จะจ่ายอะไรก็ได้

เลยทำให้นักการเมือง ข้าราชการและคนที่เกี่ยวข้อง อยากแกล้งโง่...มากกว่าอยากฉลาดกันทั้งนั้น.



เจออำนาจเงินเข้าไป ก็ไม่มีใครทำอะไรได้อยู่แล้วครับ

หวังเอาไว้ว่า อนาคตข้างหน้า ขอให้พบพลังงานทดแทนชนิดใหม่ ที่หาได้ง่ายกว่า ถูกกว่า ไม่ต้องไปง้อขอซื้อน้ำมันของพวกมันใช้กันอีกต่อไป

แต่ก็มีความเชื่ออยู่ลึกๆอีกว่า พวกมันก็คงขัดขวางทุกวิถีทางอยู่ดี
วันที่: 07 Jun 07 - 14:06

 ความคิดเห็นที่: 2 / 17 : 272078
โดย: แอล
ผมใช้แก๊สครับ
วันที่: 07 Jun 07 - 14:41

 ความคิดเห็นที่: 3 / 17 : 272079
โดย: PoP-GTEไม่ได้โลจิน
แบบนี้น้ำมันควร จะลดลงจิ
วันที่: 07 Jun 07 - 15:03

 ความคิดเห็นที่: 4 / 17 : 272081
โดย: M@DMODZ ^ da pirates
วันที่: 07 Jun 07 - 15:15

 ความคิดเห็นที่: 5 / 17 : 272135
โดย: .เต้ย.
ผมก็ใช้แก็สไปแล้ว
อย่างนี้เราอย่าไปใช้น้ำมันของ ปตท. ดีมั้ยครับ
อย่าง NGV ก็ผูกขาดเจ้าเดียว ต่อไปจะขึ้นราคาเท่าไหร่ก็ได้
มันรวยอยู่เจ้าเดียว
อ้างว่าน้ำมันแพง เพราะต้นทุนแพงขึ้น แทนที่กำไรจะเท่าเดิม ดันได้กำไรมากกว่าเดิมอีก
กำของคนไทย
วันที่: 07 Jun 07 - 20:17

 ความคิดเห็นที่: 6 / 17 : 272141
โดย: tong5

ธุรกิจน้ำมันมีเงินเป็นแสนๆล้าน มีความสามารถที่จะจ่ายอะไรก็ได้

เลยทำให้นักการเมือง ข้าราชการและคนที่เกี่ยวข้อง อยากแกล้งโง่...มากกว่าอยากฉลาดกันทั้งนั้น.



วันที่: 07 Jun 07 - 20:40

 ความคิดเห็นที่: 7 / 17 : 272164
โดย: กระจาย
ปตท

เป็นของ คนไทย หรือ สิงค์โปร์
วันที่: 07 Jun 07 - 21:44

 ความคิดเห็นที่: 8 / 17 : 272480
โดย: earth
คนไทย ใจคต โดยอ้างข้อมูลจากสิงห์โปร์
ตอนนี้ jet ก็เป็นของ PTT นะครับ ถ้าจะไม่ใช้ ก็อย่าลืม อย่าใช้อันนี้ด้วย
วันที่: 09 Jun 07 - 14:04

 ความคิดเห็นที่: 9 / 17 : 272539
โดย: เเล้วผมจะ*วยอีกไหมเนี่ย
เรื่องเเบบนี้ก็ดังเเล้วก็เงียบครับ เป็นมาหลายสมัยเเล้วครับ บอกมากก็ไม่ได้เดี่ยวจะว่าพาพิงฟ้องร้องกันอีก เเบบจะหาตังค์ใช้มั้ง เอามันทุกเเบบ ใครสนใจก็ตามดูประวัติย้อนหลัง เทียบกันหลายๆchart ณ เวลาเดียวกัน เเล้วอย่าลืมดูค่าเงินด้วยครับ อีกเเบบนึงก็ลองเช๊คว่าผู้บริหารเป็นใครเเละเเถลงอะไรตอนไหน หรือพยายามชี้ไปไหน บอกไม่ได้ครับเดี๋ยวบรรลัยมันกระทบเยอะครับ เอาเป็นว่าเทียบดูเเล้วกันส่วนต่างมีให้เห็นมันส์กว่าเล่นเกมส์อีก
วันที่: 10 Jun 07 - 03:41

 ความคิดเห็นที่: 10 / 17 : 304541
โดย: ตาม
bs
วันที่: 24 Nov 07 - 11:23

 ความคิดเห็นที่: 11 / 17 : 304542
โดย: ตาม
dbsdb
วันที่: 24 Nov 07 - 11:24

 ความคิดเห็นที่: 12 / 17 : 304543
โดย: ตาม
nnb
วันที่: 24 Nov 07 - 11:24

 ความคิดเห็นที่: 13 / 17 : 304544
โดย: ตาม
.jk./gjk.
วันที่: 24 Nov 07 - 11:24

 ความคิดเห็นที่: 14 / 17 : 304545
โดย: ตาม
jkg.jk.
วันที่: 24 Nov 07 - 11:24

 ความคิดเห็นที่: 15 / 17 : 304546
โดย: ตาม
l;.ik;/.jgk;./
วันที่: 24 Nov 07 - 11:25

 ความคิดเห็นที่: 16 / 17 : 304547
โดย: ตาม
k/lk/kl/
วันที่: 24 Nov 07 - 11:25

 ความคิดเห็นที่: 17 / 17 : 350541
โดย: FF
มั่วละ น้ำมันดิบ 1 ลิตร กลั่นมา ได้ผลิตภัณฑ์ 1.4 ลิตร เป็นไปได้ครับ
แต่สาเหตุไม่ใช่เพราะความร้อน ถ้าสาเหตุจากความร้อน เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นสสารขยายตัว แต่น้ำมันที่เราใช้ๆกัน มันก็เป็นอุณหภูมิปกติ ซึ่งสสารก็ต้องหดตัวลงมาเท่าเดิมอยู่แล้วครับ

แต่สาเหตุจริงๆที่ได้ผลิตภัณฑ์มากกว่า 1 ลิตร คือเพราะในน้ำมันดิบเป็นสารผสมของน้ำมันหลายๆชนิด ไม่ใช่ว่า เอาน้ำมันดิบมากลั่นแล้วผลิตภัณฑ์จะมีเฉพาะน้ำมันดีเซล หรือเบนซินนะครับ ถ้าใครจำได้ตอนเรียน ม.ต้นจะเรียนเรื่องการกลั่นลำดับส่วนอันนั้นแหล่ะครับคือการกลั่นน้ำมันดิบ

น้ำมันดิบมีแยกออกมาเป็น น้ำมันเตา เฮกเซน เบนซิน ดีเซล น้ำมันก๊าด ยางมะตอย เข้าใจหรือยังครับว่าน้ำมันดิบ 1 ลิตรได้ผลิตภัณฑ์ 1.4 ลิตรจริง แต่เป็นน้ำมันดีเซล กับเบนซินไม่ถึง 1 ลิตรเลยครับ (ตัวเลขผมไม่แน่ใจเพราะ อัตราส่วนของน้ำมันดีเซล เบนซินที่ได้ขึ้นอยู่กับ แหล่งน้ำมันด้วย น้ำมันคนละบ่อก็มีอัตราส่วนต่างกันครับ)
วันที่: 28 May 08 - 16:02