Close this window

ระวัง . . . เมื่อเอารถเข้าอู่ ศูนย์บริการ หรือสถานที่บริการเกี่ยวกับรถ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับรถของที่บ้าน(คันอื่นที่ไม่ใช่ Mazda) โดยส่วนใหญ่ที่บ้านผมเวลาเช็คสภาพรถหรือซ่อมแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆก็จะเอาเข้าศูนย์ของยี่ห้อนั้นๆตลอด เพราะเชื่อว่าความชำนาญของศูนย์ ระบบการให้บริการดีกว่าไปหาอู่อื่นๆที่เราไม่รู้จัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายแพงกว่าบ้าง

ซึ่งครั้งนี้ที่บ้านได้เอารถไปเข้าเช็คที่ศูนย์บริการของยี่ห้อนั้น ก็ต้องมีรายการปรับแก้กับรถเล็กน้อยเลยต้องจอดรถทิ้งไว้ที่ศูนย์บริการข้ามวัน (โดยที่บ้านได้เอารถคันนี้เข้าศูนย์ช่วงที่รถมาสด้าของผมชน) โดยรถคันนี้โดยปกติผมจะไม่ได้เอามาใช้งาน แต่เมื่อรถของผมไปชนมาแล้วเอาเข้าอู่ เมื่อรถคันนี้ออกจากศูนย์ผมจึงได้เอามาใช้งานชั่วคราว และจากกระทู้ก่อนนี้ที่ผมได้ทำรายการเติมน้ำมันของรถทุกคันที่บ้านไว้ เมื่อผมเอารถคันนี้มาใช้งานได้ไม่กี่วันก็เห็นว่าน้ำมันจะหมดถังก็ต้องไปเติม เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง ผมก็ได้จดรายละเอียดการเติมน้ำมันต่างๆไว้เช่นเดิมคือเลขกิโลเมตร จำนวนน้ำมัน พอผมเอามาดูกับตัวเลขการเติมครั้งก่อน(เติมน้ำมันครั้งก่อนเป็นการเติมเต็มถังและวิ่งได้ประมาณ 100 กม. ก็ได้เอารถเข้าศูนย์บริการ โดยตรวจสอบจากป้ายที่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง) ก็เห็นว่าตัวเลขมีความผิดปกติ เพราะรถคันนี้โดยสถิติที่จดไว้ มักวิ่งได้ประมาณ 9-10 กม./ลิตร โดยส่วนใหญ่จะวิ่งไปสักประมาณ 400 กิโลเมตรแล้วเติมน้ำมันก็จะเติมประมาณ 40-45 ลิตร แต่ครั้งนี้เติมเต็มประมาณ 40 ลิตร แต่ระยะทางที่ใช้ไปจากการเติมครั้งก่อนประมาณ 250 กิโลเมตร เท่านั้น หรือครั้งนี้รถผมกินน้ำมันถึง ประมาณ 6 กม.ลิตร

เห็นตัวเลขอย่างนั้นก็เกิดคำถามเกิดขึ้นกับผมทันทีคือ 1.)รถผมโดนขโมยน้ำมัน หรือ 2.)รถผมเกิดความผิดปกติเลยกินน้ำมันมาก แต่สิ่งที่ผมเชื่อมั่นว่ามีทางเป็นไปได้มากก็คือรถผมโดนขโมยน้ำมัน เพราะก่อนเอารถเข้าศูนย์ก็ไม่มีตัวเลขระบุว่ารถกินน้ำมันผิดปกติ และตอนเอารถเข้าศูนย์ก็ไม่ได้ไปทำเกี่ยวกับเรื่องน้ำมัยเชื้อเพลิง ผมได้บอกคนที่บ้านที่เอารถไปเข้าศูนย์ว่ารถเราโดนขโมยน้ำมันประมาณ 15 ลิตร แต่ที่บ้านบอกว่าอย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้น รถอาจผิดปกติก็ได้ ซึ่งผมก็บอกไปว่าทำไมต้องมาผิดปกติตอนที่เอารถเข้าศูนย์ และการเอารถเข้าศูนย์คือตรวจสอบเพื่อให้รถทำงานดีขึ้น ไม่ใช่ว่าเอารถไปเช็คไปรับบริการที่ศูนย์แล้วดันกินน้ำมันมากขึ้น ซึ่งผมก็บอกว่างั้นลองขับรถดูอีกสักพักพอได้ระยะทางที่จะคำนวณได้ ซึ่งวันหยุดที่ผ่านมาคนที่บ้านก็ได้เอารถไปใช้ระยะทางพอสมควร เมื่อเช้านี้ผมได้เอารถมาใช้มาดูตัวเลขระยะทางได้วิ่งไปจากการเติมน้ำมันครั้งก่อน(ครั้งที่ผมสังเกตุว่ารถน้ำมันหาย)ได้ระยะทางประมาณเกือบ 250 กม. โดยขีดน้ำมันอยู่ที่ครึ่งถัง ซึ่งประเมินคร่าวๆก็มีอัตราการกินน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ปกติของรถคันนี้ ซึ่งทำให้ผมสรุปได้ว่า รถคันนี้อยู่ในสภาพปกติ น้ำมันที่หายไปหายจากการโดนขโมย

ผมคิดว่าผมจะต้องดำเนินการแจ้งให้ผู้จัดการศูนย์แห่งนั้นทราบ ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่นโยบายของศูนย์ คงเป็นการทำโดยช่าง หรือเจ้าหน้าที่ระดับล่างๆ ที่ได้คลุกคลีกับตัวรถ ซึ่งถ้าเราแจ้งผ่านผู้รับเรื่องก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับนั้นจะรู้เห็นเป็นใจกันหรือเปล่า แม้อาจจะเอาเรื่องเอาราวอะไรไม่ได้ เพราะข้อมูลต่างๆเป็นข้อมูลที่ทางผมจดบันทึกขึ้นเอง ไม่ใช่เอกสารที่มีฝ่ายไหนรับรอง แต่ถ้าทางศูนย์รับทราบก็น่าจะมีการลงมาดูแลมากขึ้น คิดดูซิว่าศูนย์บริการต่างๆยิ่งรถยี่ห้อดังที่มีคนใช้มากๆ วันนึงรถเข้าศูนย์วันละเท่าไร รถคันที่มีโอกาสจะมาดูดน้ำมันไปก็น่าจะมีหลายคัน คันนึงเอาแค่น้อยๆ 5ลิตร 10ลิตร หรือมากถึง15ลิตร รวมๆกันวันนึงคนที่ทำได้ของมูลค่าไปเท่าไร

ตรงนี้ก็เลยอยากเตือนทุกๆท่านที่จะต้องนำรถไปเข้าการบริการไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อม ศูนย์บริการ ที่ล้างรถ ที่รับฝากรถ ที่เราต้องทิ้งรถเอาไว้ให้เขาและต้องให้กุญแจรถเขาไปด้วย โดยเราไม่ได้นั่งเฝ้ารถเรา ส่วนใหญ่จะห่วงกันแต่เรื่องทรัพย์สินส่วนตัวที่อยู่ในรถที่จะเก็บให้ดี แต่ลืมนึกถึงของที่มันติดอยู่กับรถเช่นน้ำมัน เพราะสถานที่เหล่านี้หากผู้บริหารสถานที่ไม่ดูแลอย่างดีก็มีโอกาสให้พนักงานทำการยักยอกได้ ผมมองไปถึงอุปกรณ์ชิ้นส่วนอื่นๆที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายๆก็มีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนเอาของไม่ดีมาให้เราใช้ก็ได้ และผมมองว่าบางทีคนกลุ่มนี้จะทำกับรถที่ผู้หญิงขับ เพราะคิดว่าส่วนใหญ่คงไม่ค่อยมาตรวจสอบความผิดปกติอะไรสักเท่าไร

ทั้งนี้ในกรณีที่เราหลีกเลี่ยงการที่ต้องเอารถไปทิ้งไว้ให้คนอื่นดูแลหรือบริการรถของเราไม่ได้ เราก็ควรจะตรวจสอบว่าก่อนเอาไปให้เขาเป็นอย่างไร เอาออกมาแล้วเป็นอย่างไร
โดย: nuntawut   วันที่: 2 Jul 2007 - 09:13


 ความคิดเห็นที่: 1 / 4 : 277844
โดย: Switch_On!
บางศูนย์บางบริการที่ผมเคยใช้ ในใบรับรถ จะมีระบุสภาพปริมาณน้ำมันในถังไว้ด้วยนะครับ ว่ามีอยู่ระดับไหน เป็นรูปเกจน้ำมันรถ แล้วก็ขีดเอาว่าเข็มอยู่ในระดับใด
วันที่: 02 Jul 07 - 11:06

 ความคิดเห็นที่: 2 / 4 : 277950
โดย: Jan.Cronos
ปกติเค้าจะเอาปากกาขีดระดับน้ำมันไว้ในใบรับรถด้วยนี่ครับ

ไม่รู้เอาไปซ่อมเกี่ยวกับอะไรครับ
บางทีเค้าอาจจะสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ก็ได้ เพื่อเป็นการลองเครื่อง
หรือทดสอบอะไรบางอย่างที่ต้องมีการติดเครื่องยนต์ น้ำมันก็เลยลดลงไปครับ
วันที่: 02 Jul 07 - 21:23

 ความคิดเห็นที่: 3 / 4 : 277990
โดย: nuntawut
ใช่ครับ ปกติเวลาผมเอารถของผมเองไปเข้าศูนย์บริการเองผมก็มักจะดูเวลาเขาลงรายละเอียดเกี่ยวกับรถเอาไว้ เช่นระดับน้ำมัน บางที่ก็จะมีลงรายละเอียดรอยตำหนิให้ด้วย เผื่อว่าบางทีเอารถออกไปแล้วเจ้าของรถจะมาโวยว่ารอยตำหนิเกิดใหม่ระหว่างเอารถเข้าสถานที่นั้นๆ

ผมก็ได้ถามคนที่บ้านที่เอารถคันที่ว่านี่ไปเข้าศูนย์ เขาก็บอกว่าไม่เคยดูเรื่องเหล่านี้ในเอกสารเลยเลย เอารถไปเขาให้เอกสารมาก็ดูแต่ประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย รับรถมาก็ดูแต่ว่าทำตามอาการที่แจ้งไปหรือเปล่า ก็เท่านั้น ซึ่งผมมองว่าผู้ใช้รถหลายๆท่านก็จะเป็นแบบนี้ คือไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ หรือสนใจเอกสารต่างๆมากนัก ดูแต่เรื่องเงิน ชี้ให้เซ็นรับเอกสารตรงไหนก็เซ็น ตรงนี้ก็เป็นช่องที่ให้คนอื่นมาเอารัดเอาเปรียบเราได้เหมือนกัน และแม้ว่าเอกสารตอนเอารถเข้ากับเอารถออกจะมีรายละเอียดเหล่านี้แจ้งไว้ แต่ถ้าเราไม่ดูหรือทักท้วงในตอนนั้นทันที เราเอารถออกมาจากสถานที่และได้ใช้ไปแล้วสักพัก เราก็คงไม่สามารถจะไปยืนยันกับเขาทีหลังได้ว่าเกิดอะไรผิดปกติกับรถคันนั้น ถือว่าเราไม่รักษาสิทธิของเราไม่ตรวจสอบก่อนออกจากสถานที่ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าของรถเช่นกัน

ผมเลยอยากให้เรารอบคอบและเอาใจใส่ประเด็นเหล่านี้กันให้มากขึ้นครับ ลดโอกาสที่จะมีใครมาเอารัดเอาเปรียบเราได้

ส่วนเรื่องที่เอารถเข้าศูนย์ครั้งนี้ได้เอาไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา เช็คน้ำมันของระบบอื่นๆ และแก้ไขเรื่องน้ำมันเครื่องหมด(คงไปเปลี่ยนประเก็น) พอดีว่าคิวที่ศูนย์นี้เยอะตอนเอารถไปเข้าไม่อยากรอก็เลยเอารถทิ้งไว้ข้ามวัน คิดว่าตรวจสอบและแก้ไขกรณีนี้คงไม่ได้ติดเครื่องนานขนาดน้ำมันหายไปมากกว่า 10 ลิตรน่ะครับ
วันที่: 03 Jul 07 - 08:57

 ความคิดเห็นที่: 4 / 4 : 278100
โดย: sunroof
เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ ในหมู่คนดีก็อาจจะมีคนไม่ดีอยู่ไม่กี่เปอร์เซนหรอก
ควรแจ้งทางศูนย์ให้รับทราบไว้
เผื่อจะได่ไม่เกิดขึ้นอีก กับคนอื่นๆ
หรือหาทางแก้ไขปรับปรุงกันไว้

อาจารย์บางคนยัง.........กับลูกศิษย์สาวเลย
กิเลสย่อมเกิดได้กับทุกคน แต่ใครที่รู้จักระงับก็ดีไป
วันที่: 03 Jul 07 - 16:16