Close this window

อู่และร้านอะไหล่และทุกอย่าง cronos ฉ.ปรับปรุ่ง
ร้านอะไหล่
โกดังพี่สุด อะไหล่จากญี่ปุ่น โทรเบอร์คุณสุด 081-555-8384 พี่ตู่ T.0818449830 โกดังอยู่ซอยตรงข้าม ทางเข้ารพ.ศรัธัญญา โกดังท่านสุดอยู่ในซอยติวานนท์ 3 (เยื้องทางเข้าโรงบาลไปหน่อย) เข้าไปหาซอยย่อยที่ 14 แล้วเลี้ยวเข้าไป อยู่สุดซอยย่อยเลย ทางขวามือ ประตูสีเงินใหญ่ๆนั่นอ่ะ เปิดเข้าไปจะพบแหล่งขุมทรัพย์ mazda
ร้านวันดีการช่าง 02-6761153 , 081-8287182 ซอยนราธิวาสราชนคริทร์ 14 (ศูนย์การค้าวรรัตน์) สาทร กรุงเทพฯ ทั้งใหม่และเชียงกง
ร้านอะไหล่ ร้านนรรัตน์ 02-9505042, 02-9505844-6 รัตนาธิเบศน์ จากเเยกเเคลาย ตรงไปทางที่จะไปบางบัวทอง เลย Carefour ไปนิดอ่ะครับ อยู่ตรงสะพานลอยตรงข้ามกับสวนอาหารจวนทองเขียนป้ายไว้ใหญ่ๆว่า อะไหล่ Ford/Mazda
ร้าน ก.รุ่งโรจน์02-222-9092-4 แถววรจักร ราคาถูกมาก(ของแท้)
ร้านน.เจริญ 02-2246261วรจักร
ร้านพัฒนายนต์วรจักร(1994) 02-2222464,02-2227562,02-2228714 วรจักร
ร้านไทยมั่นคงอิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต 02-2210923 , 02-2226387 วรจักร
ร้านเอส.ซี. อะไหล่ยนต์ 02-9607374-8 ปากเกร็ด
นนท์อะไหล่ยนต์ 02-5914887 , 029524235 ติวานนท์
ร้านชื่อ ที เอฟ 02-377-1920
โกสินทร์อะไหล่มาสด้า 089 7570326 , 083-1539055 สั่งได้สอบถามจัดหาให้
อู๋อะไหล่ 086-610-4100 หรือ 081-825-8125 อะไหล่ รถเชียงกง ต่างๆ หัวตัด
อะไหล่ต่างๆ ของเก่ามือสอง http://www.samautoparts.com/branch/branch.php โทร คุณ กิ 02-216-8338
เชียงกงต่างๆ
ปทุมวัน
1.ใหญ่สุด แพงเกือบสุด ครบทุกอย่าง พี แอนด์ พี หน้าลานจอด สน. 02-2155452 02-2155454
2.ใหญ่ ราคาไม่แรง ครบทุกอย่าง SAM 02-2192425 02-2192426
3. ใหญ่ ราคาไม่แรง แต่ไม่มีเครื่อง เลิศโสภณ 02-2155455 02-2156918
4.ใหญ่ ราคาแรง เครื่องเพียบ โชคชัยดีเซล 02-2140922
5. เล็ก ราคากลางๆ เน้นทางท่อ+เครื่องเสียง สยามเซียงกง 02-214-2485
6. เล็ก ราคากลางๆ พวกของกระจุกกระจิก เอ็น ดี เจริญยนต์ 02 -2142924
7. เล็ก ราคาแรงมาก ของแต่งมีหน่อยเดียว เอ ออโต้ พาร์ท 02-6117714
8. กลางๆ ราคาไม่แน่นอน เครื่องกะพวกกระโปรง ขาว-ชาติ 02-6117864
9. ใหญ่ ราคาแรง ชอบปั๊วของ ศรีนครสแปร์พาร์ท 02-6118791
10. กลาง หลังๆไปรับทำแก๊ซติดรถ เอ็น พี โชวไก 02-215-1402
11. ปิ่นประทาน ที่ปทุมวันไม่ใหญ่ แต่บางนาใหญ่มาก เป็นเจ้าที่ตัดของกระจายให้รายเล็ก 02-2141016
12. รวมทรัพย์ กลางๆ มีเครื่องกะพวกไฟรถ ซ.26ท้ายซอย 02-2142028
13. ธนภัทร อะไหล่ ขาใหญ่พวกไฟหน้า ท้าย เลี้ยว กระจกข้าง ทุกยี่ห้อ หาได้ร้านนี้ ซ.กลาง 02-2155417
14. สมบัติกลการ กลางๆ เน้นเครื่อง ราคาแรงนิดหน่อย ซ.กลาง 02-6117832
15. ศิริพร เน้นพวกเบาะแตนๆ กะเกจ์นิดหน่อย ราคาแรง เจ๊เคี่ยวจัด ซ.กลาง 02-2140453
16. เคนอะไหล่ยนต์ กลางๆ ราคาใช้ได้ ของแต่งเล็กน้อย ซ.24 02-2169487
17.วีระวัฒน์กลการ ใหญ่ เน้นเครื่อง ซ.กลาง 02-2144204
18. ศรีฟ้ามอเตอร์ ของแต่งเล็กน้อย ราคาตามความซี้กะเจ๊ ซ.30 02-2140701
19. โส๓ณเทอร์โบ ร้านรับซ่อมเทอร์โบ มีลูกในร้านเป็นร้อยตัวได้ ซ.26 02-2152175
20. ชัยศิริยนต์ ของแต่งล้วนๆ ท่อ เกจ์ เยอะ ซี๊กัน ตาอ้ำ ซ.26 02-2140774
21. วีระวัฒน์กลการ กลางๆ เน้นเครื่อง ซ.กลาง 02-2144204
22. อินเตอร์อะไหล่ กลางๆเน้นที่ไฟหน้าหลัง เบาะ คอนโซล ซ.34 ใกล้ สน. 02-2151305
23. SLM ร้านเดียวกับ SAM แต่แพงกว่า? ลานจอดเล็กใกล้สน. 02-2168338
24. ตรีทศ อินเตอร์ ร้านเล็กแต่คุยว่าหาได้ทุกอย่าง ซ.28 02-2140924
25. ศุภโชคกลการ ติดสน. ขายของใหม่แต่งรถอย่างเดียว หลังๆราคาแพงเทียบกับวรจักรติดแอร์ 02-2167063
26. จิวฮะเส็ง เล็กๆแต่ของประกอบเครื่อง(ลูกสูบ ข้อเหวี่ยง ก้าน)เยอะมาก ซ.30 02-2140941
27. ธีระพันธ์คลัทซ์ ซ.กลาง เน้นที่คลัชตามชื่อ แต่อาจสู้ไก่คลัชไม่ได้ 02-6116412
28. ช.ประเก็น ถนนบรรทัดทอง สุดยอดปะเก็นเหล็ก 02-2152488
29. ไดรเวอร์มอเตอร์สปอร์ต ของเฮียเหน่ง ซ.กลางเกือบถึงพระราม4แล้ว 02-2155569
30. K.S.K อะไหล่ เล็กๆเน้นที่จักรยายเสือภูเขา ซ.28 02-2143116

วรจักรบ้าง
31. ป.รุ่งโรจน์ อะไหล่ยนต์ อะไหล่นิสสันทุกรุ่น ราคาลอประมาณ 20-30 % จากราคาห้าง
02-6210622-6
32. ชิงนำชัย พระรามสี่ใต้ทางด่วน ใหญ่มาก แต่เป็นของแตนๆ ราคาถูก(ตีซี๊สามพี่น้องเค้าแล้วกัน)
02-3502929-35
33. ชิงนำชัย ลาดกระบัง ใหญ่เช่นกัน เครื่องเยอะ ของแต่งมีมาพอควร พวกอีโวเยอะใช้ได้ ราคาถูกเช่นกัน
02-3268999

รังสิตบ้าง
34. ใหญ่สุด เอี่ยม อะไหล่ยนต์ เครื่องเยอะมาก 02-9017792-5
35. กลางๆ ไทยอินเตอร์ ของแต่งมาเป็นระยะๆ 02-9018284
36. กลางๆ ส.รุ่งเรือง ที่ว่ามีหน้า-หลังตัดพริมิร่าไฟเพชรไง ราคาโหด 02-9017390-1
37. เจอาร์แอนซัน ของแต่งล้วนๆ อยู่ทางขวาสุดซอย 02-9017470 แถวนี้จะมีร้านของแต่งอยู่ 2-3ร้านแต่ผมไม่มีเบอร์แล้ว
38. กลางๆ ของกระจุกกระจิก ชาติกลการ 02-9017289
39. กลางๆ เน้นจักรยานเสือภูเขา ราคาแรงใช้ได้ เอบีซี 02-5213849
40. เล็กๆ ขายพวกกระโปรงหน้า-หลัง S Y motor 02-9017512

บางนาบ้าง
1.ของแต่งสุดๆ RPA ซ.1 เฮียปืนหลังๆออกกล้องบ่อยแหะ 02-3171024-5
2.ของแต่งสุดๆเหมือนกัน ญาติปืน ซ.3 RPA 02-3163897
3.ของแต่งแต่แพง อ.กลการ ซ.7 02-3171718
4.ของแต่ง เน้นมิตซู over-act ตอนนี้เจ๊แกท้องอยู่ ซ.4 มือถือ 01-8143171
5.ของแต่ง เน้นฮอนด้า ตุ่น ซ.3 พี่แกขับเบนซ์500ขายของอ่ะนะ 02-3163889
6.เครื่องล้วนๆ ป.วัฒนยนต์ ซ.7 02-3164488-89
7.เครื่องล้วนๆ คร่ำ คูณ ซ.7 02-7511500-3
8.เครื่องกะช่วงล่าง ร้านใหญ่ ปิ่นประทาน 02-3164518-9
9.ไฟ กระโปรง เครื่อง เน้นของสิงค์โปร์ ตรงรุ่นบ้านเรา อาร์เค อะไหล่ ซ.1ก่อนข้ามคลอง 02-3250433
10.เครื่องกะกระจุกกระจิ๊ก เลิศบุญ ซ.5 02-3171679
11.โจ้ อะไหล่ยนต์ ติดกะโอเวอร์แอค ซ.4 02-3113251-2 พวกหน้าตัดเพียบมาก
12. SLS motor ซ. 5 ท้ายซอย เน้นอีโว 5 -6- 7 มาทั้งแพ แต่มี SR20DE UK มาทั้งแพ 2 ตัว 02-3165335-6
13. โตเจริญ ซ.1 ต้นซอยเลย มีฝาท้ายคามิโน่สีดำไง 02-3250600
14. พีซีอาร์ ซ.3 ต้นซอย พวกเบาะ กะพวกไฟหน้า-หลัง 02-3172035
15. เดชทัช ท้าย ซ.5 พวกเศษเล็กเศษน้อย 02-3164702
16. พ.พัฒนอิทธิฯ ซ.3 ข้าง RPA พวกเครื่องเสียง กะเครื่อง
17. SP autopart ท้ายซ.2 พวกเบาะ (ผมได้ไบรด์ราคาถูกร้านนี้แหละ) เครื่องเสียง ท่อ 02-3171804-5
18. เด่นชัยยนต์ เอาเข้ามาทุกอย่าง ดุมสกายก้อเยอะแต่ราคาแรง ซ.2 02-3168985-6
19. สุดซอย 1 ข้างร้านไฟเบอร์ เน้นของแต่ง ราคาแรง รู้แต่เบอร์มือถือ 01 -3431036
20. รวมทรัพย์ทวี ซ. 7 เน้นเครื่องกะของประดับรถนิดหน่อย 02-3164481

อะไหล่เน้นเฉพาะ ที่สอบถามกันบ่อย
ที่วางแก้วน้ำ ถ้าจำไม่ผิด ซื้อของใหม่ PSN 024430308 ไม่เกิน 1600 บาท
ยางขอบประตู ของเทียม ไปคลองถม ร้านยางขอบประตูหน้า อาคารศรีวรจักร อันลือลั่น เล็กขายยาง โทร 081-634-9334 และ 085-064-4944
ยางรองแท่นเครื่อง ปากซอยรามอินทรา109 ข้างร้านเป็ดย่างหรือร้านรุ่งโรจน์ออโต้พาร์ท เบอร์ 02-2229092-4
ตัวกิ๊ปล๊อคประตูข้าง บ้านหม้อ คลองถม เพียบ ตัวละ 10 บาท ศูนย์ 37 บาท
หลอดไฟหน้า ยี่ห้อOsram silverstar เค้าว่าสว่าง+50%ถูกกว่า Philips ซื้อcentralทั่วไป 820บาท
ชุดเพลา สำเร็จรูป http://www.naskodriveshaft.com/camparison_tools.html
ของแต่งโครโนส
http://www.car4click.com/product.detail.php?lang=th&cat=235637&id=1034651
อะไหล่แต่งบางอย่าง ของคนขายในคลับ
ไฟซีนอน ชุดบัลลาสท์ และหลอดไฟซีนอนมีทุกชนิด หลอดทุกขั้ว หลอด H1 H3 H4 อื่นๆมาสด้า มีสินค้าพร้อมส่งพร้อมติดตั้ง ครับมีให้เลือก 2 ตัว Bosch HID 4500.-Lystar 5500.-089-5229667 เชษฐ์
ไมล์ขาว จีช๊อต มาสด้า โครโนส ตาตี่ 929 สนใจโทร 0814084335 0863156667 หนุ่ม
เบาะหนังแท้ Kin’s ล้างสต็อค เบาะหนังแท้ 100% ติดต่อ Kin’s ทุกสาขา บางนา 02-7588804, รัชดา 02-9389991, ตลิ่งชัน 02-8807688 ขอนแก่น 043-348441, ภูเก็ต 076-393012, สายตรง 01-8390919 www.kinsauto.com
รับประกัน 5 ปี มีหลายรุ่น สามารถหุ้มเสร็จภายใน 4 ชม. หนังแท้ล้วนๆ เพียง 8900 บาท และหนังแท้โรงงาน (ผสมพีวีซี) เพียง 6900 บาทเท่านั้น และรถแวน 3 ตอนหนังแท้ล้วน 12900 บาท หนังแท้ผสมพีวีซี 10000 บาท พร้อมแผงข้างทุกชุด เป็นเบาะหนังที่ตัดเย็บไว้



อู่ต่างๆ ในคลับที่มีชื่อเสียง
อู่ช่างหมู โทร 081-4977743 พระราม ๙ จากหน้ารามเลี้ยวขวาแยก avon แล้วเลี้ยวซ้ายแยกไฟแดง จะอยู่ซอยติดกับปั๊ม ปตท.(ถ้าจำปั๊มไม่ผิดน่ะ)
อู่ช่างประภาส โทร 0898966102 ดอนเมือง
อู่ช่างบุญทรง B.S. SERVICE โทร 02-8073910 087-7117916 พุทธมณฑลสาย2 ฃอยวัดบุญ


อู่ช่างตี๋ TL SERVICE เรื่องซ่อมเกียร์ 086-9069809 พุทธมลธล สาย 3

อู่ช่างแดง นวลจันทร์การช่าง 085-1344578 08-6773-6862รามอินทรา อู่อยู่ซอยนวลจันทร์40 ถนนรามอินทรา ติดกับศูนย์ซ่อม zabb ตรงทางโค้งพอดี ทีนี่ซ่อมเฉพาะ mazda กับ ford เจ้าของอู่เป็นช่างมาจากศูนย์ mazda ค่าแรงไม่แพง รับประกันผลงาน อะไหล่แท้ลดพิเศษถูกกว่าศูนย์ อะไหล่มือสองเชียงกงสั่งจองได้ เครื่องมือตรวจวัดแบบเดียวกับศูนย์ คุยกันถูกใจซดเบียร์ด้วยกันค่าแรงยิ่งถูกลงไปอีกผมรับประกัน
อู่ Ferrari Performanceคุณชาลี0-2319-7640, 0-2319-8103,
หรือ 08-1775-5558 พระราม 9
อู่คุณ เจริญศักดิ์ 0814267454สุขาสอง ถ.รามคำแหง คิดค่าแรงถูกมาเลยครับ ช่างMazda แล้วออกมาทำเอง ครับประสบการณ์ ไม่ต่ำ 10 ปี ทุกคนเลยให้คำแนะนำได้
อู่พร้อมเซอร์วิส คุณธนวัฒน์ 02 967 4184 086 600 3778 นนทบุรี อยู่ติดกันธนาคารกรุงไทย สาขา นนทบุรี
อู่ช่างเล็ก โทร.081-667-0468 ปากเกร็ด อยู่แถวซ.ทรายทอง
อู่ช่างบุญเชิด โทร. 081 303 3802 สุขาภิบาล 3
อู่kt 081 5244035 มีนบุรี
ศูนย์บริการซ่อมครบวงจรบริษัทเอ็นวีออโต้เซอร์วิสจำกัด02-552-7486,085-845-2200 โอ๋ รามอินทรา ซ.5 บริการ ซ่อมเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และระบบรองรับบริการ ซ่อมระบบเบรค ระบบคลัทธ์ และส่งกำลังบริการ ล้างสี และดูดฝุ่นบริการขัดเคลือบสีรถยนต์ทุกยี่ห้อบริการซักพรม ฟอกเบาะหนัง และล้างห้องเครื่องยนต์บริการให้คำปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ Mazda ทุกรุ่น
ที่ชลบุรีฯพัทยา (ถ้าอยากออกมาเที่ยวทะเล)
อู่นางฟ้าออโต้ เส้นบายพาส เบอร์โทร 086-667-0406
อู่ช่างแกะ081-9837-663
อู่วิเชียร เซอร์วิส ช๊อป 038-392483
อู่สหมิตร เซอร์วิส 038-288 168
ร้านซ่อมกล่อง ECU ถ้าพัง พอดีเจอร้านซ่อมกล่องชื่อ อรัญอิเลคโทรนิคส์ อยู่แถวซอยจินดาถวิล สี่พระยา เลยแยกสามย่าน ไปหน่อย เจ้าของร้านซ่อมกล่องเก่งไม่เบา(สังเกตจากกล่อง ECU หลากยี่ห้อวางเต็มไปหมด)
ร้านซ่อมแอร์ กาญจนา อะไหล่แอร์ 02-5915169 มือถือ 089-989 1454 ถนนติวานนท์ อยู่ตรงข้ามตลาดนาขวัญ ( เปลี่ยนตู้แอร์ (ใหม่เอี่ยม) + ไดเออร์ (ใหม่เอี่ยม) + วาวล์ว (ใหม่เอี่ยม) ทั้งหมด ราคา 3500 Zzzz ลูกน้องเฮียแกละเอียดเหมือน เป็นรถ ตัวเองอ่ะถอดกรอบ เก๊ะ ออกมาล้าง + ถอด มอเตอร์ พัดลม (ที่ติดๆ กับตู้แอร์) ออกมาล้างสะอาด + เป่าแห้งโอริงที่ใช้ เป็น โอริง ตัวนอก...ปกติร้านแอร์ทั่วไปไม่มีขายคับ..เพราะตัวนึง 40-50 บาท (เฮียแกเอาของมาเทียบให้ดูเลยอ่ะ)เสร็จแล้วใช้ดีมาZzzz

เพื่อนในคลับ เอาไว้สอบถามปรึกษา
Earth 0891776856 โครโนส เรื่องยางขอบประตูเปลี่ยนเกือบทั้งคันแล้ว.ช่วยซ่อมฝาครอบเรือนไมล์
เต้ย 0896667018 โครโนส
ไก่หาดใหญ่ 089-7342827 โครโนส


รวมเกร็ดน่ารู้และเทคนิคต่างๆ


น้ำมันเกียร์ ยี่ห้ออะไรก็ด้าย งับ แต่ต้องเป็น เด็กร่อน2 เท่านั้น ขอย้ำ DEXRON2

หลอดไฟหน้า Philip Vision Plus ไม่ต้องแปลงนี่ครับ เลือก โคมแยก H เป็น h1 โคมยาว h3 ให้ตรงรุ่น แล้วใส่แทนได้เลย


แสงไฟซีนอน
3000K สีเหลือง (ไฟตัดหมอก)
4300K สีขาวอมเหลือง ทำให้ขับขี่สบายตามากขึ้น ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป (ดีที่สุดในการใช้งาน)
5000K สีขาว(ของรถเบนซ์) มาใหม่ !!
6000K สีขาว
8000K สีจะขาวมาก
10000K สีขาวอมฟ้า
12000K สีขาวอมม่วง

เรื่องของสปิงและโช๊ค ของโครโนสหรือมาสด้า ส่วนใหญ่ ถ้าจะเอาของใหม่แกะกล่อง ก็มี 3 ยี่ห้อให้เลือก
1.Eibach
2.H&R
3.Apex
ราคาก็มีตั้งแต่ 6500-9500 Eibach จะแพงที่สุดครับ

ส่วนโช้ค กี่มีหลายยี่ห้อเหมือนกัน
1.KYB ของเดิมติดรถ
2.Gabrial ถูก แต่คนขายบอกห่วย จิงรึึป่าวไม่ีรู้
3.KONI แดง แพงสุด 1x,xxx
4.Monroe Reflex 7500.- อันนี้ผมใช่อยู่ครับ
เทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการเลือกใช้อะไหล่แท้ หรือ เทียม
เทคนิคดีๆเกี่ยวกับการเลือกใช้อะไหล่ว่าตัวไหนควรใช้แท้ ตัวไหนใช้เทียมได้ผมเลือกโดยพิจารณาแบบนี้
1.บูชช่วงล่าง ที่แนะนำจะเป็นยี่ห้อ RBI เพราะอะไหล่แท้จะขายมาทั้งอาร์มครับ ปีกนกหน้าก็จะมาทั้งปีก อาร์มหลังก็จะยกมาเป็นชิ้นสำเร็จรูป ความเสียหายของอะไหล่พวกนี้จะเป็นที่บูชยางฉีกขาดทำให้เกิดเสียงดัง ช่วงล่างมีระยะฟรีมากขึ้น ขณะที่ตัวปีกนก-อาร์มต่างๆไม่เสียหายถ้าไม่เคยชนหรือตกหลุมจนเบี้ยวหรือเสียศูนย์ไป
คุณภาพยางของ RBI ก็ถือว่าได้มาตรฐานพอสมควรครับ ที่สำคัญคือประหยัดกว่าเปลี่ยนอะไหล่แท้หลายเท่า
2.ลูกหมากต่างๆ ใช้ของ 555 แท้ประหยัดกว่าอะไหล่แท้ในขณะที่อายุการใช้งานพอๆกันเลยครับ ยกตัวอย่างเช่นราคาลูกหมาก 555 แท้ทั้งชุด 3 พันกว่าบาท ถ้าคุณซื้ออะไหล่แท้ คุณได้ไม้ตีกลองแค่ 1 อัน
3.ยางกันฝุ่นเพลา ของแท้ขายเป็นชุด ราคาต่อ 1 อันอันละพันกว่าบาท ขณะที่ SEIKEN อันละ 350 บาทครับ โรงงาน SEIKEN ป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ปั๊มเบรค-คลัทช์แท้ส่งบริษัทรถญี่ปุ่นทุกยี่ห้อนะครับ อย่างปั๊มเบรค-คลัทช์โตโยต้าแท้จะมีตรา AISIN และสัญลักษณ์โตโยต้า อะไหล่ที่ขายในนาม SEIKEN ก็มีตราตามนั้นจะโดนลบตราออก(มีรอยคล้ายใช้หินเจียรลบอยู่ในตำแหน่งเดียวกับอะไหล่แท้ทุกอย่าง)
4.ช็อค ผมไม่คิดว่าช็อคแท้จะให้สมรรถนะดีที่สุด เพราะการเซ็ทรถตลาดทั่วไปย่อมเน้นให้นั่งสบาย-นิ่ม ช็อคติดรถจะหนืดน้อยเกินไป อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ช็อคขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนขับ ถ้าอยากให้รถเฟิร์มขึ้นก็ต้องยอมเสียความนิ่มไปบ้าง แต่ผมว่า MONROE SENSATRAC หรือ REFLEX ตอบโจทย์ผู้ใช้รถได้ครบถ้วนครับ ช่วงล่างหนึบขึ้นแต่ไม่กระด้างเหมือนช็อคแต่งครับ
แค่นี้ก่อนแล้วกันคับ ไว้มีอะไรใหม่ๆ จะมาเล่าสู่กันฟังน่ะคับ
วิธีถอดคอนโซล
จริง ๆ มันจะ 4d หรือ 5d ก็เหมือนกันแหละครับ
อันนี้เป็นวิธีของผมนะครับ ท่าอื่นไม่ทราบ ตามนี้ครับ
- ถอดที่ล๊อก เบรคมือก่อนเลย
- ถอดถาดบนคอนโซลเกียร์
- ถอดคอพวงมาลัย (เฉพาะที่เป็นพลาสติกนะครับ)
- ถอดแผงใต้หน้าปัตฝั่งคนขับ
- ถอดแผงข้างของคอลโซลหน้า (ชิ้นจะเป็นลักษณะ 3 เหลี่ยนติดกับยางขอบประตู)
- ถอดน๊อน รวมถึง ที่เปิดฝากระโปรง ทุกตัวที่เห็นว่ามันติดกับพลาสติกชิ้นหน้าปัตวิทยุครับ
- ทีนี้ก็ค่อย ๆ ถอดเจ้าแผงหน้าปัตวิทยุออกมาได้ละ
ผมใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 15 นาที (ถอดจนชำนาญ)
มีน๊อตประมาณ 7 ตำแหน่งที่ต้องถอด หรือ 6 เนี่ยแหละ สำหรับแผงวิทยุ ส่วนคอ อีก 3 จุด
เบามือ และใจเย็น คอ่ย ๆ ถอด เพระว่ามันถอดได้ยาก ถ้าเปรียบเทียบกับรถอื่น ๆ ครับ ไม่รู้ทำไมต้องยุ่งยากนัก
เสียงรบกวนในห้องโดยสาร
เสียงรบกวนในห้องโดยสารไม่ได้มาจากยางขอบประตูเท่านั้น เสียงต่างๆที่จะกวนประสาทหูจะมาจาก เสียงยางดีดร่องถนน ยางบดถนน ยางหอน เข้าทางพื้นรถ เสียงก้องจากประตู เสียงจากผนังหน้าห้องโดยสาร(หลังห้องเครื่อง) ซึ่งพวกรถเข้าอู่บ่อยๆจะโดนช่าง(แม่ง)แงะจุกยางอุดต่างๆออกไปเวลาหารูร้อยสายไฟไม่ได้ หรือร้านเครื่องเสียงชุ่ยๆแงะออกแล้วร้อยสายไฟแอมป็เข้ามาแล้วอุดด้วยซิลิโคนดำแทน พอใช้ไปนานๆก้อหลุด และนี่เป็นปัญหาที่ทำให้แอร์ไม่เย็นด้วย พวกรถที่วิ่งความเร็วสูงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น มีกลิ่นเข้ารถตอนรถติดๆ อย่าไปโทษแอร์อย่างเดียว รูหลังห้องเครื่องเนี่ยแหละ

Damp ประตูช่วยได้มากกว่า(แต่แพงกว่าเยอะ) อย่างน้อยตอนรถติดๆเสียงท่อไอเสียแมงกาไซคันข้างๆก้อเข้าน้อยลงไปเยอะล่ะ

รื้อพรมออก แล้วปูฉนวนกันความร้อน(พรมอัดสีเทาที่เป็นใยๆขนๆ) ที่ร้านเครื่องเสียงเอามาบุตู้ซับนั่นแหละ ของเดิมติดรถมาก้อมี แต่บางมากๆๆๆๆๆ เหมือนกระดาษสา จะหนาแค่บางที่คืออุโมงค์เกียร์(รถขับหลัง ขับหน้าไม่รู้เรียกว่าอะไร) ซื้อแบบหนาๆซัก 1เซนมาปูเพิ่ม ทำเส็ดแล้วพรมในรถจะดูอุยๆ ตุ๊ยตุ่ยนุ่มน่าเหยียบว่าเดิมมาก ปูเส็ดเวลาซัดรถยาวๆแล้วร้อนเท้านี่หายไปเลย

damp+ปูพรมเพิ่ม ช่วยให้ห้องโดยสารเงียบมากกว่า เสียงยางเสียงก้องหายไปเยอะรวมทั้งเสียงท่อแมงกาไซที่จอดติดไฟแดงข้างๆ และเสียงคนขับกับคนนั่งซ้อนก้อได้ยินไม่ชัดเจน ต้องแง้มกระจกแอบฟังเอา ค่าใช้จ่ายแพงกว่าสอดใส่เงียบๆ แต่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ค่าพรมจำได้ว่าไม่เกิน 300 ปูได้สองคัน หน้าตัดกว้างประมาณ 2เมตรได้ ค่าปูไม่รู้ ถ้าปูเองลมแทบจับ ส่วน damp นี่ทำมาแผ่นละ 700

สรุปคำบรรยายวิธีใช้เกียร์อัตโนมัติ "เหนืออัจฉริยะ" ของมาสด้า

ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนนะคะว่า คำว่าเกียร์อัตโนมัติเหนืออัจฉริยะเนี่ย ทางมาสด้าเป็นคนบัญญัติ ไม่ใช่หมูอ้วนเข้าข้างมาสด้าแต่อย่างใด ในบทสรุปที่จะนำมาลงนี้ มาจากการฟังคำบรรยายที่ทางมาสด้าซิตี้เป็นผู้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมี อ.มนุญเป็นผู้บรรยายนะคะ

เรื่องพื้นฐาน ***

เกียร์ในรถยนต์เปรียบได้กับเฟืองโซ่ของจักรยาน เกียร์ 1 เป็นเสมือนเฟืองขนาดใหญ่ หมุนช้า แต่ให้ torque (แรง) สูง ในเกียร์ธรรมดา จะมีถึงเกียร์ 5 ซึ่งเปรียบได้กับเกียร์ overdrive หรือ เกียร์ 4 ในเกียร์อัตโนมัติ

เกียร์ overdrive นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน กล่าวคือช่วยให้รอบไม่เพิ่มขึ้นไปจนสูงมาก เมื่อขับด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง แต่ผู้ขับรถหลายท่านมักเข้าใจว่า เกียร์สูงสุด ทั้งในระบบเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ เป็นเกียร์ที่ช่วยในการเร่งความเร็วขึ้นอีก ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเกียร์สูงสุด

อัตราทดเกียร์ เกียร์ 1 จะมากที่สุดแล้วลดลงเรื่อย ๆ จนถึงเกียร์ 4 (อัตโนมัติ) และ 5 (ธรรมดา) อ.มนุญผู้บรรยายยืนยันว่า หากขับเกียร์อัตโนมัติอย่างถูกวิธีแล้ว จะกินน้ำมันน้อยกว่าหรือเท่ากับเกียร์ธรรมดาเลยทีเดียว

*** ความหมายของตำแหน่งต่าง ๆ ในเกียร์อัตโนมัติของมาสด้า ***

- เมื่อไม่ได้อยู่ในโหมด Hold

P หรือ Park
เป็นเกียร์ที่ใช้เมื่อจอดรถ แต่เกียร์นี้ ไม่ใช่เบรคมือ ไม่ควรเข้า Park เวลาจอดอยู่บนเนิน หรือทางลาดชันอย่างสะพาน หรือทางขึ้นลงที่จอดรถ แทนการเหยียบเบรคหรือดึงเบรคมือ เพราะเกียร์จะแบกน้ำหนักรถมากเกินไป ควรใช้ P เมื่อนำรถเข้าจอดในช่องแล้ว หรือจอดที่บ้านในโรงจอดรถ

R หรือ Reverse
เป็นเกียร์ถอยหลัง มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ถอยหลังขณะรถเคลื่อนที่อยู่

N หรือ Neutral
คือเกียร์ว่าง
คำถามที่มักถามกันบ่อยคือ เมื่อใดควรเลื่อนจาก D มาเป็น N
คำตอบคือ ไม่ควรเข้า D, S, L แล้วเหยียบเบรคเป็นเวลานานเกิน 5 นาที ถ้าคิดว่าเกิน ก็เปลี่ยนเป็น N ดีกว่า และถ้าจอดรถขวางชาวบ้านอยู่ ก็กรุณาเข้า N ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้รถถูกขูดขีดเป็นรอย เนื่องจากมีคนหมั่นไส้เพราะเข็นรถคุณไม่ได้

D หรือ Drive
เกียร์นี้ คือ เกียร์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ มีตั้งแต่เกียร์ 1-4

S หรือ Second
เกียร์นี้ของมาสด้า มีทั้งหมด 3 เกียร์ คือ 1,2 และ 3

L หรือ Low
ชื่อบอกอยู่แล้วนะคะว่าเป็นเกียร์ต่ำ ในเกียร์นี้มี 2 เกียร์ด้วยกันคือ 1 และ 2 ใช้สำหรับขึ้นลงที่ลาดชัน ขึ้นเขาลงเขา ขึ้นที่จอดรถ

- เมื่อใช้ Hold
เมื่อกดปุ่ม Hold แล้วมีไฟสัญญาณแสดงว่า hold ขึ้นที่หน้าปัทม์ ระบบเกียร์อัตโนมัติจะเปลี่ยนไปดังนี้

เกียร์ P,R,N ยังเหมือนเดิม แต่เกียร์ 3 อันล่าง ให้ดูตัวเลขแสดงที่อยู่แถวเดียวกับคำว่า hold ที่มีลูกศรชี้ลงมา จะเห็นว่า
D เป็นเกียร์ 3 เท่านั้น (เว้นเวลาหยุดแล้วออกรถ เกียร์จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำให้ก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเกียร์ 3 เพื่อป้องกันความเสียหาย)
S เป็นเกียร์ 2 เท่านั้น (เช่นเดียวกับเกียร์ D เกียร์จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำให้ก่อน เมื่อออกตัว)
L เป็นเกียร์ 1 เท่านั้น
การ hold จะถูกยกเลิกเมื่อกดปุ่ม hold อีกครั้ง (ไฟสัญญาณที่หน้าปัทม์ดับ) และจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติเมื่อปิดสวิตช์กุญแจ

*** ปุ่มล็อคที่เกียร์ ***
ปุ่มใหญ่ที่อยู่ทางขวาของหัวเกียร์นั้น เป็นปุ่มที่ใช้ป้องกันไม่ให้ผู้ขับรถเข้าเกียร์ผิดจนเกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ เกียร์ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ไม่ควรกดปุ่มนี้ทุกครั้งที่เข้าเกียร์ -กรณีเข้าเกียร์ไล่จากบนลงล่าง
P ไป R ต้องกด
R ไป N ไม่ต้องกด
N ไป D ไม่ต้องกด
D ไป S ไม่ต้องกด
S ไป L ต้องกด
(จะเห็นว่า หากผลักลงสุดเลย จะไปสุดที่ S ซึ่งเป็นเกียร์ที่ใช้กับการขับรถในเมืองที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.ได้ และเมื่อจะเข้าเกียร์ว่างเมื่อรถหยุด ก็ผลักขึ้นสุด เกียร์จะไปสุดที่ N) -กรณีเข้าเกียร์โดยผลักจากล่างขึ้นบน
L ไป S ไม่ต้องกด
S ไป D ไม่ต้องกด
D ไป N ไม่ต้องกด
N ไป R ต้องกด (เพื่อป้องกันการถอยหลังแบบไม่ตั้งใจ และป้องกันเกียร์พังกรณีเปลี่ยนทิศทางการขับรถจากหน้าเป็นหลังขณะรถยังเคลื่อนอยู่)
R ไป P ต้องกด

เรื่องพื้นฐานก็คงมีเพียงเท่านี้นะคะ ต่อไปจะเป็นการใช้เกียร์ในสถานการณ์ต่าง ๆ

== หมายเหตุ===
เสริมเรื่องปุ่ม hold ของมาสด้าอีกนิด แต่เป็นเรื่องสำคัญ
คือ ปุ่ม hold ของมาสด้านั้น "ไม่ใช่" ย้ำ "ไม่ใช่" ปุ่ม overdrive off (เกียร์ overdrive คือเกียร์ 4 ในเกียร์อัตโนมัติ ดังนั้นปุ่ม overdrive off ในรถยี่ห้ออื่น ๆ ก็คือการตัดเกียร์ 4 ทิ้งไป ให้เหลือ 1-3 ซึ่งถ้าวิ่งเร็ว ๆ โดยใช้เกียร์ 4 อยู่ แล้วต้องการเร่งแซง จะใช้วิธีเหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อคิกดาวน์ หรือกดปุ่ม overdrive off ก็ได้ เกียร์จะเหลือ 1-3 แต่ของมาสด้าไม่ใช่ เพราะเมื่อกด Hold เกียร์ D จะเป็นเกียร์ 3 เท่านั้น เว้นแต่เมื่อรถหยุดแล้วออกตัว เกียร์จะช่วยเซฟให้โดยเปลี่ยนไปเป็นเกียร์ต่ำก่อนเพื่อออกรถแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเกียร์ 3)

ดังนั้น การออกรถขณะใช้ระบบ Hold อยู่ (มีไฟสัญญาณที่หน้าปัทม์) จึงควรออกรถด้วยเกียร์ L แล้วเปลี่ยนขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนเกียร์ธรรมดา ถ้าไม่เปลี่ยน เกียร์จะอยู่ที่เกียร์ 1 ไปตลอดกาล

*** วิธีการใช้เกียร์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ***
= ขับในเมือง =
การขับในเมือง คงมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะใช้ความเร็วได้ตั้งแต่ 80 กม./ชม.ขึ้นไป ขนาดขึ้นทางด่วนบางทีก็ยังไม่สามารถทำความเร็วได้ เกียร์ที่เหมาะสมจะใช้กับการขับในเมืองคือ S (มี 3 เกียร์คือ 1 2 3) ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าเกียร์ได้ง่ายด้วย คือ เมื่อจะออกรถก็ผลักเกียร์ลงมาสุด (ไม่ต้องกดปุ่มล็อคเกียร์ที่อยู่ทางขวา) เกียร์จะมาสุดที่ S และเมื่อรถหยุด ก็ผลักขึ้นสุด (ไม่ต้องกดปุ่มล็อคเกียร์เช่นกัน) เกียร์ก็จะสุดที่ N ทำให้เข้าเกียร์ได้ถนัด แม่นยำ ไม่ต้องคอยมอง เหมือนการเข้า D แต่จำไว้ว่า เกียร์ S ไม่ควรใช้วิ่งเกิน 80 กม./ชม. เพราะจะกินน้ำมัน และเครื่องจะทำงานหนักที่รอบสูง ดังนั้นหากเข้า S ไว้ เมื่อทำความเร็วได้แล้ว ก็ผลักขึ้นไปเป็น D ได้ค่ะ

= รถติดนานแค่ไหนถึงควรผลักเกียร์ไปที่ N =
คำตอบคือ ถ้าไม่ใช่การเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ขับ ๆ หยุด ๆ แต่ต้องหยุดนานเกินกว่า 5 นาที ให้ผลักไปที่ N อย่าเข้า S หรือ D แล้วเหยียบเบรคค้างไว้เป็นเวลานาน ๆ เปลืองทั้งเบรค เปลืองทั้งความสึกหรอที่กลไกเกียร์ (อันนี้เป็นข้อถกเถียงกันจนเป็นเรื่องใหญ่โต เอาเป็นว่า ถนัดยังไงก็ทำอย่างงั้น เมื่อยก็ผลักไปN ก็แล้วกัน)

= การเร่งแซง =
วิธีที่ 1
ให้เหยียบคันเร่งจนสุด เพื่อให้เกียร์คิกดาวน์ไปเป็นเกียร์ที่ต่ำลง เมื่อแซงเสร็จ ผ่อนคันเร่ง เกียร์จะเปลี่ยนไปเกียร์สูงกว่า
วิธีที่ 2
โยกคันเกียร์ จาก D เป็น S (ซึ่งคือ 1-3) เมื่อแซงเสร็จแล้วก็ผลักกลับไปที่ D เหมือนเดิม (มี 4 เกียร์)
วิธีที่ 3
กดปุ่ม Hold หากขับด้วยเกียร์ D อยู่ เกียร์ก็จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 3 เมื่อแซงเสร็จ กดปุ่ม Hold อีกครั้ง เพื่อปิด เกียร์ D ก็จะกลายเป็น 1-4 ตามเดิม
อย่าลืมว่า Hold ไม่ใช่ overdrive off นะคะ

= การขับลงทางลาดชัน =
การขับลงที่ลาดชัน ทุกท่านคงจะทราบอยู่แล้วว่าต้องใช้เกียร์ต่ำเพื่อใช้เครื่องยนต์หน่วงไม่ให้รถไหลไปเร็วเกินไปจนต้องเบรคตลอดเวลา ดังนั้น ในการใช้เกียร์อัตโนมัติก็เหมือนกับเกียร์ธรรมดา คือต้องเปลี่ยนเกียร์มาเป็น S หรือ L เมื่อลงที่ลาดชัน ตามน้ำหนักบรรทุกและองศาของพื้นที่ลาดชันนั้น ๆ แล้วค่อย ๆ ขับลง (ไม่ใช่ขับด้วยความเร็วเป็น 100 กม./ชม.) แตะเบรกช่วยบ้างบางครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันเบรค หรือผ้าเบรคร้อนเกินไปจนไหม้

อย่าใช้เกียร์ D ขับลงที่ลาดชัน เพราะในเกียร์นี้จะไม่มีการใช้เครื่องยนต์หน่วงรถ หรือ engine brake เลย รถจะไหลไปด้วยความเร็ว เกียร์ก็จะเปลี่ยนเป็นเกียร์สุงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีการหน่วง

หากขับมาด้วยความเร็วสูง เช่น ประมาณ 100 กม./ชม. ขึ้นไป แล้วต้องลงทางลาดชัน ให้ชะลอก่อน แล้วจึงเปลี่ยนเกียร์ลงมาเป็น S หากมีองศาชันมาก ก็ให้ชะลอลงเรื่อย ๆ แล้วค่อยเปลี่ยนจาก S เป็น L

อีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ก็คือหากวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ให้ชะลอรถลง แล้วกด Hold จากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเกียร์ลงเหมือนการขับเกียร์ธรรมดา แต่ใน Hold mode นี้ มีการจำกัดความเร็วของแต่ละเกียร์ไว้ด้วย ดังนี้ค่ะ

เกียร์ S
รุ่น 1600 ซีซี ไม่เกิน 101 กม./ชม.
รุ่น 1800 ซีซี ไม่เกิน 108 กม./ชม.
รุ่น 2000 ซีซี ไม่เกิน 106 กม./ชม.
เกียร์ L
รุ่น 1600 ซีซี ไม่เกิน 52 กม./ชม.
รุ่น 1800 ซีซี ไม่เกิน 57 กม./ชม.
รุ่น 2000 ซีซี ไม่เกิน 55 กม./ชม.

= จะทราบได้อย่างไรว่าเกียร์มีปัญหา =
ไฟ hold จะกะพริบ ให้รีบเอารถเข้าศูนย์บริการทันทีค่ะ

*** การดูแลรักษาเกียร์ ***
เกียร์ประกอบด้วยหน่วยไฟฟ้า สมอง (ใช้คำนวณลักษณะการขับขี่ พื้นผิวถนน น้ำหนัก ฯลฯ) และเฟือง ดังนั้นหากเกียร์เสีย ควรเช็ค 3 จุดนี้ ระวังอย่าให้น้ำเข้าเกียร์ ถ้าเป็นไปได้ อย่าลุยน้ำสูงเกินแก้มยาง (หรือขอบล้อด้านล่าง) และควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์บ่อยกว่าที่กำหนดไว้ในคู่มือ (เปลี่ยนทุก 10,000 กม.ก็ได้ค่ะ) หากลุยน้ำสุง ๆ มา ตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ พบว่าสีจางลงเป็นสีชมพู แปลว่าน้ำเข้าไปแล้วแน่ ๆ ให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์เลยค่ะ

เวลาตรวจน้ำมันเกียร์
ถ้าเป็นสีแดง แสดงว่าปกติ
ถ้าเป็นสีชมพู แสดงว่าน้ำเข้า
ถ้าเป็นสีน้ำตาล แสดงว่ามีฝุ่นเข้าและเกิดการไหม้ขึ้น

อย่าเติมน้ำมันเกียร์เกินขีดที่กำหนดไว้ น้ำมันจะกระเพื่อมมากไป
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่มาสด้าใช้คือ Dexron II ไม่ควรเปลี่ยนสลับไปมา
การวัดระดับน้ำมันเกียร์จะไม่เหมือนกับการวัดน้ำมันเครื่อง เพราะต้องวัดขณะที่เครื่องยนต์ได้อุ่นเครื่องแล้ว

================================ ที่มา: การอบรมเรื่องเกียร์อัตโนมัติ ของรถยนต์มาสด้า โดยมาสด้าคลับ และมาสด้า ซิตี้
วันที่ 25 พฤษภาคม 2545 ที่ มาสด้า ซิตี้@ลุมพินี
รวบรวมสรุปเนื้อหาคำบรรยายโดย คุณหมูอ้วนตัวใหญ่





มาดูความแตกต่างเรื่อง Over Drive กันหน่อย

OVERDRIVE ของเกียร์อัตโนมัติ

แม้เกียร์อัตโนมัติจะแพร่หลายในไทยมามากกว่า 20 ปีแล้ว แต่ยังมีคนสับสนกับปุ่ม OVERDRIVE หรือ OD กันมาตลอด ทั้งงงว่าคืออะไร มีไว้ทำไม ทำไมรถยนต์บางุร่นไม่มี ควรเปิด-ON หรือปิด-OFF ในสภาพการขับแบบใด

OVERDRIVE คือ อะไร ?

การใช้คำนี้นั่นเองที่ทำให้เกิดความสับสน เพราะอ่านแล้วแปลออกแต่ไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วมีผลอย่างไรในรถยนต์ ไม่ว่าจะมีเกียร์ทั้งหมดกี่จังหวะ ถ้ามีปุ่มเปิด-ปิด OVERDRIVE ก็คือ การเปิด-ปิดเกียร์สูงที่สุด ว่าจะให้มีใช้หรือไม่

ถ้ามีเกียร์ทั้งหมด 4 จังหวะ หากปิด ก็เท่ากับมีแค่เกียร์ 1-2-3 เปลี่ยนขึ้นลงเท่านั้น ไม่ว่าความเร็วจะขึ้นไปสูงเพียงไร ก็ไม่มีการเข้าเกียร์ 4 ให้ ในรถยนต์บางรุ่นมีปุ่ม OVERDRIVE บางรุ่นไม่มี แต่ก็สามารถเลือกจะไม่ใช้เกียร์นั้นได้ โดยดูที่ฐานคันเกียร์ว่ามีตำแหน่งรองจาก D ลงไปเป็นอะไร ถ้าปกติเป็น D4 รองลงไปเป็น D3 ดังนั้นหากเลื่อนคันเกียร์ไปที่ D3 ก็คือ ปิด OVERDRIVE หรือมีใช้แค่ 3 เกียร์นั่นเอง

สำหรับรถยนต์ที่มี 5 เกียร์ การปิด OVERDRIVE ก็จะเหลือ 4 เกียร์ 1-2-3-4 โดยไม่มีเกียร์ 5 ใช้นั่นเอง

สมมุติถ้าไม่ใช้คำว่าปุ่มหรือเกียร์ OVERDRIVE หากเรียกกันว่าปุ่มเปิด-ปิดเกียร์ 4 หรือเกียร์ 5 ก็น่าจะลดความสับสนลงได้ เพราะก็แค่ไปทำความเข้าใจว่า การเปิดหรือปิดเกียร์ 4 หรือ 5 นั้นจะมีผลเช่นไรในการขับ ไม่ต้องไปงงกับคำว่า OVERDRIVE

ทำไมต้องเปิด ทำไมต้องปิด ?
รถยนต์ที่ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ ส่วนใหญ่ยกเว้นรุ่นที่เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงจริงๆ เกียร์สุดท้ายหรือเกียร์สูงที่สุด จะเป็นเกียร์ที่มีอัตราทดต่ำ ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ และลดการสึกหรอ ลดความสิ้นเปลืองน้ำมันฯ มีอัตราเร่งในช่วงความเร็วสูงแค่พอประมาณ แต่ไม่ดีเท่ากับเกียร์รองลงไป และถ้าไม่ได้เน้นการเร่งแซงในช่วงนั้นแบบดุดัน ก็ไม่ต้องปิด OVERDRIVE เพราะไม่ถึงกับไม่มีอัตราเร่งเลย

การปิด OVERDRIVE จะไม่ได้ทำให้อัตราเร่งในช่วงออกตัวไปจนถึงสุดเกียร์ 3 แตกต่างจากการเปิดไว้ (กรณีมีทั้งหมด 4 เกียร์) การปิดไว้ เป็นเพียงการป้องกันไม่ให้ระบบควบคุมมีการเปลี่ยนเกียร์จาก 3 ไป 4 ในช่วงที่ผู้ขับลดการกดคันเร่ง

ในการขับปกติ ควรเปิด OVERDRIVE ไว้ ดังที่เห็นว่า ในรถยนต์ส่วนใหญ่หากปิดไว้ จะมีไฟเตือนสีส้มสว่างขึ้น ชื่อก็บอกว่าเป็นไฟเตือน และยังเป็นสีส้มอีก ไม่ใช่สีเขียว จึงหมายความว่าเป็นการเตือนแบบไม่ร้ายแรง หากเปิด OVERDRIVE ไว้ จะไม่มีการเตือน นั่นแสดงกว่าเป็นภาวะปกตินั่นเอง

OVERDRIVE อัตราทดต้องต่ำกว่า 0 ใช่ไหม ?

หลายคนเข้าใจว่าเกียร์ใดที่มีอัตราทดต่ำกว่า 1 ต้องเป็นเกียร์ OVERDRIVE ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะในรถยนต์แต่ละคัน อาจมีหลายเกียร์ที่มีอัตราทดต่ำกว่า 1 ไม่ใช่เฉพาะแค่เกียร์สูงสุดเท่านั้น

ในความเป็นจริง เกียร์จังหวะใดจะเป็นเกียร์ OVERDRIVE ก็ต่อเมื่อเกียร์นั้นไม่สามารถเร่งเครื่องยนต์ไปถึงรอบที่มีแรงม้าสูงสุดได้

หากมีถนนว่างและปลอดภัย ให้ลองทดสอบดูก็ได้ว่า ในเกียร์รองลงไปและ OVERDRIVE หรือการปิด-เปิด เกียร์ใดมีอัตราเร่งดีกว่า ลากรอบเครื่องยนต์ได้สูงสุด และทำความเร็วสูงสุดได้ ถ้าจะเน้นอัตราเร่งช่วงความเร็วสูง ควรปิด

ทำได้หลายวิธี คือ เปิด OVERDRIVE แล้วกดคันเร่งให้จมเพื่อให้มีการคิกดาวน์ลงมาที่เกียร์ต่ำเอง กดคันเร่งแช่ต่อเนื่องไป หากสุดเกียร์ 3 จริงๆ แล้วถึงจะถูกเปลี่ยนไปยังเกียร์ 4 หรือ OVERDRIVE เอง แต่ถ้ามีการลดการกดคันเร่งในช่วงใด และอยู่ในเกียร์ 3 ระบบจะเปลี่ยนไปที่เกียร์ 4 ให้เอง อัตราเร่งก็จะไม่ดี หากจะเร่งต่อ ก็ต้องเสียจังหวะการคิกดาวน์ลงมาที่เกียร์ 3 อีกครั้ง หรือถ้าความเร็วสูงแล้ว ระบบก็จะไม่ยอมคิกดาวน์มาที่เกียร์ 3 ดังนั้นถ้าจะให้ดี ก็ควรปิด OVERDRIVE ไว้ในช่วงที่ต้องการอัดตราเร่งที่ดุดันในช่วงความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ในเมืองปิดหรือเปิด ?
บางคนเข้าใจว่า ในเมื่อการขับรถยนต์ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ ก็จะไม่มีความจำเป็นต้องเปิด OVERDRIVE ไว้ เพราะเกียร์จะต้องเปลี่ยนสลับไปมา และขึ้นไปสู่เกียร์ OVERDRIVE โดยไม่จำเป็น เพราะเดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนลงเกียร์ต่ำสลับไปสบับมาซ้ำกันบ่อยๆ คิดว่าจะทำให้เกิดทั้งการสึกหรอและการกระตุกขณะเปลี่ยนเกียร์สลับไปมา

ในความเป็นจริง แม้จะขับในเมือง ก็ควรเปิด OVERDRIVE ทิ้งไว้ตลอดหากตอนนั้นไม่ได้เน้นอัตราเร่งในช่วงความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือถึงจะเน้น แต่ใช้วิธีคิกดาวน์กดคันเร่งมิดเพื่อลดเกียร์ขณะเปิด OVERDRIVE ก็ยังได้

ถ้าใช้ความเร็วปานกลางขึ้นไป ไต่ไปอยู่เกียร์ 3 แล้ว หากจะมีการเปลี่ยนไปเข้าเกียร์ 4 (กรณีมี 4 เกียร์) แล้วมีการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงบ่อยๆ ก็ไม่เป็นอะไร เพราะเมื่อไรที่อยู่ในเกียร์สูงสุด ก็จะลดทั้งรอบเครื่องยนต์ ลดการสึกหรอ และประหยัดน้ำมันขึ้น เมื่อไรที่ต้องการเพิ่มอัตราเร่งก็แค่คิกดาวน์ อย่างรถยนต์ที่ไม่มีปุ่ม OVERDRIVE เข้าอยู่ในเกียร์ D หรือ D4 ก็เท่ากับเป็นการเปิด OVERDRIVE อยู่ตลอดเวลา

ปิด OVERDRIVE ช่วยเบรก

เมื่อขับรถยนต์มาด้วยความเร็วแล้วต้องการเบรก นอกจากจะกดแป้นเบรกตามปกติแล้ว หลายคนได้ใช้วิธีปิด OVERDRIVE หรือเลื่อนคันเกียร์ลงมาที่ D3 เพื่อช่วยในการเบรก

หลายคนชอบปฎิบัติเช่นนี้ เพราะต้องการใช้เครื่องยนต์ช่วยในการเบรก (ENGINE BRAKE) เหมือนการลดเกียร์ต่ำในรถยนต์เกียร์ธรรมดา ซึ่งก็ได้ผลบ้าง เพราะรถยนต์มีอาการหน่วงความเร็วลงเล็กน้อยเมื่อเกียร์ลดลงต่ำ

ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องยนต์สามารถช่วยหน่วงความเร็วในกรณีนี้ได้ก็จริง แต่ไม่มากเลย ไม่คุ้มกับการสึกหรอของชุดเกียร์และเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นเลย ทดลองได้จาก ขับรถยนต์ด้วยความเร็วปานกลางบนเส้นทางที่ปลอดภัย แล้วปิด OVERDRIVE โดยไม่ต้องกดเบรก จะพบว่ารถยนต์ถูกหน่วงก็จริง แต่แค่นิดเดียว แล้วเริ่มใหม่ กดแป้นเบรกแรงๆ โดยไม่ต้องยุ่งกับเกียร์ดูสิ หัวทิ่มเลย
ควรใช้เบรกตามหน้าที่ ใช้การลดเกียร์ต่ำเมื่อต้องการเร่งความเร็ว หรือลงเขา

BRAKE TO SLOW / GEAR TO GO
บทสรุป

ถ้ายังงง ให้ลืมคำว่า OVERDRIVE ไป เปลี่ยนเป็นการเปิดใช้หรือไม่ใช้เกียร์ 4 (ในกรณีที่มีทั้งหมด 4 เกียร์) เมื่อไรที่อยู่ในเกียร์นั้น จะช่วยลดรอบเครื่องยนต์ ให้ความประหยัดน้ำมันฯ และลดการสึกหรอ แต่อัตราเร่งจะไม่ดีเท่าเกียร์รองลงไป

ปฏิบัติง่ายๆ เปิด OVERDRIVE ไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือต่างจังหวัด หากต้องการอัตราเร่งดีๆ เมื่อไร ให้กดคันเร่งจมมิดเพื่อคิกดาวน์แล้วแช่ไว้ หรือหากช่วงใดต้องการอัตราเร่งที่ดีในช่วงความเร็วสูงแล้วไม่อยากให้เกียร์เปลี่ยนไปๆ มาๆ ระหว่าง 3 กับ 4 ก็ให้ปิด OVERDRIVE ขับ เมื่อพ้นจากสถานะการณ์นั้นแล้ว ให้กลับมาเปิดใช้ตามปกติ

================================ คัดลอกจากบทความเรื่องเกียร์OVER DRIVE ในเกียร์อัตโนมัติ โดย วรพล สิงห์เขียวพงษ์


ก็คงจะเป็นประโยชน์ กับเพื่อนนะคับ
โทษทีนะคับที่เอามาโพสอีกรอบ ปรับปรุงแล้วคับ แยกหมวดหมู่
โดย: win3955   วันที่: 12 Jan 2008 - 12:28


 ความคิดเห็นที่: 1 / 6 : 318085
โดย: kingjoe
เยี่ยมครับ
วันที่: 12 Jan 08 - 15:41

 ความคิดเห็นที่: 2 / 6 : 318119
โดย: หยุ่น
เจ๋งมากครับ น่า up ไปไว้หน้า article เลย
วันที่: 12 Jan 08 - 19:26

 ความคิดเห็นที่: 3 / 6 : 318191
โดย: แสน
สุดยอดครับ
วันที่: 13 Jan 08 - 08:25

 ความคิดเห็นที่: 4 / 6 : 321847
โดย: ป๋า
ร้านรุ่งศิริยนต์วรจักร022223775,022223775
วันที่: 30 Jan 08 - 12:49

 ความคิดเห็นที่: 5 / 6 : 404780
โดย: หนุ่มอุดร
ดีมากเลยครับได้รู้อะไรเยอะขึ้นดีคับ อัพๆ
วันที่: 11 Nov 08 - 19:24

 ความคิดเห็นที่: 6 / 6 : 515056
โดย: ing_lantis
เบอร์อู่สี SMV โทร 025097991 ครับ
วันที่: 16 Oct 09 - 19:26