Close this window

E20 เติมผิดเครื่องเจ๊ง!
ผู้คลุกคลีในวงการน้ำมันประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบปีนี้ มีโอกาสแตะที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ต่อเนื่องไปอีกนานหลายเดือน

ผลที่ตามมา นอกจากทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ และราคาน้ำมันขายปลีก ในไทยขยับตาม เป็นไปได้ว่าในระยะยาว คนไทยยังอาจมีโอกาสได้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 ในราคาลิตรละ 35 บาท และใช้ดีเซลในราคาลิตรละ 32 บาท

หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ปรับตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งภาครัฐและผู้ค้าน้ำมัน ในไทย ต่างผลักดันให้มีการผลิตพลังงานทดแทนตัวใหม่ๆขึ้นมา เป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภค

จึงไม่น่าแปลกใจ วันนี้เมื่อเลี้ยวรถเข้าไปเติมน้ำมันตามสถานีบริการฯ จะเห็นป้ายเรียกชื่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสารพัดชื่อเขียนติดไว้เหนือหัวจ่าย จนลายตา

เพื่อป้องกันความสับสนของผู้ใช้บริการ และเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันทั้งประเทศ กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จึงได้กำหนดสูตรและชื่อเรียกน้ำมันแต่ละประเภทใหม่ แบ่งตามประเภทน้ำมันเบนซิน และดีเซล ดังนี้

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเบนซิน ซึ่งมีขายตามสถานีบริการฯ ในปัจจุบัน ได้แก่

1.) เบนซิน ออกเทน 95

2.) เบนซิน ออกเทน 91

3.) เบนซิน อี 10/95 (“อี” ย่อมาจาก เอทานอล โดยเปลี่ยนชื่อเรียกมาจากแก๊สโซฮอล์ 95 เดิม ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลในอัตรา 10%)

4.) เบนซิน อี 10/91 (หรือแก๊สโซฮอล์ 91 เดิม ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลในอัตรา 10%)

และ 5.) เบนซิน อี 20 (E 20) (หมายถึง น้ำมันชนิดใหม่ ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลในอัตรา 20% บวกกับน้ำมันเบนซินพื้นฐานอีก 80%)

ในกลุ่มดีเซล กระทรวงพลังงานได้กำหนดสูตรน้ำมันใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่ เดือน เม.ย.2551 เป็นต้นไป โดยบังคับให้ผู้ค้าน้ำมัน ต้องผสมไบโอดีเซลบริสุทธิ์ 100% ลงไปในน้ำมันดีเซล อย่างน้อยในสัดส่วน 2% เรียกชื่อว่า ดีเซลบี 2

ส่วนน้ำมันดีเซลที่ผสมไบโอดีเซลในสัดส่วน 5% เรียกว่า ดีเซลบี 5 เป็นต้น

นึ่งในพลังงานทดแทนตัวใหม่ล่าสุด ที่มีโอกาสสร้างความสับสนและก่อปัญหา ให้แก่ผู้ใช้มากที่สุดในยามนี้ น่าจะเป็น แก๊สโซฮอล์อี 20 (E 20)

ความจริงก่อนหน้าปี 2547 กรมธุรกิจพลังงาน ได้ประกาศให้มีการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ในประเทศด้วยกันทั้งสิ้น 3 สูตร

คือ แก๊สโซฮอล์ 95 หรือ อี 10/95 ในปัจจุบัน, แก๊สโซฮอล์ 91 หรือ อี 10/91 และแก๊สโซฮอล์ 95 ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลในสัดส่วน 20% หรือ อี 20/95

แต่ช่วงที่มีการผลิตขายในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก เมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 ปรากฏว่า ผู้ผลิตน้ำมันในประเทศ เลือกผลิตขายเฉพาะแก๊สโซฮอล์ 95 กับแก๊สโซฮอล์ 91 เท่านั้น

กระทั่งปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาล ได้ประกาศให้มีการใช้น้ำมันอี 20 อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2551 จึงมีการประสานความร่วมมือระหว่างผู้ค้าน้ำมัน และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์มาแล้วก่อนหน้า เพื่อให้มีการผลิตรถรุ่นใหม่ที่สามารถใช้น้ำมันอี 20 ได้

ค่ายรถยนต์ทั้งหลายต่างประเมินว่า ในระยะแรกเริ่มนำน้ำมันเบนซินอี 20 มาใช้ ทั่วประเทศน่าจะมีรถยนต์รุ่นที่สามารถเติมน้ำมันอี 20 ได้ราว 60,000 คัน

ค่าย ปตท. จึงเริ่มเปิดจำหน่าย เบนซิน อี 20 ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ 1 ม.ค. 2551 โดยขายปลีกในราคาลิตรละ 26.89 บาท ถูกกว่าเบนซิน ออกเทน 95 ถึงลิตรละ 6 บาท โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “พีทีที อี 20 พลัส” เปิดขายตามสถานีบริการน้ำมันในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 10 แห่ง

ได้แก่ ที่ปั๊ม ปตท.ริมทางพิเศษเฉลิมมหานคร ฝั่งขาออก (บางนาขาออก), บางบอน, รามอินทรา, สำนักงานใหญ่ ปตท.วิภาวดีฯ, ประชาชื่น, เกษตร-นวมินทร์, ราชพฤกษ์, ดอนเมือง, สะพานแดง และพระโขนง

ขณะที่ค่ายบางจาก ก็เริ่มเปิดให้บริการในเขต กทม. และปริมณฑล เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2551 จำนวน 5 แห่ง และมีแผนจะขยายเปิดเพิ่มอีก 20 แห่ง ก่อนเดือน มี.ค.ปีนี้ โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “แก๊สโซฮอล์ E 20”

นอกจากราคาน้ำมันอี 20 ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 6 บาท และถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 2 บาท ยังมีแนวโน้มว่า ราคารถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้กับน้ำมันอี 20 ได้ ราคาขายจะถูกกว่ารถยนต์รุ่นทั่วไป ตามกรอบภาษีสรรพสามิตที่ลดลงประมาณ 5%

โดยรวมแล้ว จุดเด่นข้อดีของน้ำมันอี 20 จึงอยู่ที่ราคาขายปลีก ต่ำกว่าน้ำมันเบนซินทุกประเภท สภาพของน้ำมันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าน้ำมันเบนซินชนิดอื่น เพราะอี 20 มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ มากถึง 20%

นอกจากนี้ การหันมาใช้อี 20 ยังมีส่วนช่วยลดปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบ เพราะเอทานอลสามารถผลิตได้ในประเทศ และผลิตทดแทนได้ตลอด

ข้อดีสุดท้าย ถือว่าช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร อย่างอ้อย และมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอล

กระนั้นก็ตาม แก๊สโซฮอล์ อี 20 ก็มีจุดบอด หรือข้อด้อยตรงที่

ประการแรก ไม่สามารถใช้ได้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ แต่ใช้ได้เฉพาะกับรถยนต์บางรุ่น ที่ผ่านการปรับแต่งเครื่องยนต์ ให้สามารถรองรับน้ำมันชนิดนี้ซึ่งโดยมากเป็นรถรุ่นใหม่ ที่นำออกจำหน่ายในปี พ.ศ.2551

ทั้งนี้ ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์ ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อม (JGSEE) หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน อธิบายว่า

การเพิ่มสัดส่วนของเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ลงไปในเนื้อน้ำมันถึง 20% โดยเหลือส่วนผสมเป็นน้ำมันเบนซินอีก 80% อาจก่อปัญหาให้กับเครื่องยนต์ของรถบางรุ่นได้

อาจารย์จำนงอธิบายว่า เพราะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์มีคุณสมบัติต่างจากน้ำมันเบนซินหลายประการ เช่น มีจุดเดือดต่ำกว่าน้ำมัน ทำให้มีแรงดันไอมากกว่าน้ำมัน จึงอาจเกิดปัญหา โดยเฉพาะกับรถยนต์รุ่นเก่าที่ยังใช้ระบบคาร์บิว�เรเตอร์ และมีถังน้ำมันติดตั้ง อยู่ห่างจากตัวเครื่องมาก

หรือกรณีรถยนต์ที่มีขนาดของท่อเชื้อเพลิงเล็กเกินไป อาจทำให้แอลกอฮอล์ ที่อยู่ในท่อเชื้อเพลิง เปลี่ยนสภาพจากของเหลว กลายเป็นไอได้ง่าย เกิดลักษณะเป็นฟองอยู่ในท่อดูดเชื้อเพลิง ทำให้เครื่องยนต์มีรอบความเร็วไม่สม่ำเสมอ อาจกระตุก หรือดับบางช่วง

นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีคุณสมบัติการกัดกร่อนสูง สามารถกัดกร่อนชิ้นส่วนที่เป็นยาง พลาสติก ทองเหลือง และทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเครื่องยนต์

ดังนั้น รถยนต์ที่ไม่ได้ออกแบบและผลิตออกมาให้มีชิ้นส่วนบางอย่างทนต่อการกัดกร่อนของ แอลกอฮอล์เป็นพิเศษ จึงไม่สามารถทนต่อการกัดกร่อนได้ อาจส่งผลให้ท่อส่งน้ำมัน และถังน้ำมัน ถูกกัดกร่อนจนทะลุได้ภายในเวลาเพียงครึ่งปี

ดร.จำนงสรุปว่า รถยนต์ที่สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ได้ จึงต้องเป็นรถรุ่นที่ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ ได้รับการออกแบบและผลิต ด้วยยางหรือพลาสติกชนิดพิเศษ ที่ทนต่อการกัดกร่อนของแอลกอฮอล์ได้

ล่าสุด เท่าที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ออกมาขานรับว่า มีรถเพียงบางรุ่นที่สามารถใช้กับน้ำมันอี 20 ได้

เช่น ฟอร์ด รุ่นโฟกัส ที่ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 จำนวนกว่า 4,000 คัน และฟอร์ด โฟกัสทุกรุ่น ที่ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ.2005-ปัจจุบัน รวมทั้ง ฟอร์ด โฟกัส รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปี 2008

มาสด้า รุ่นมาสด้า 3 โฉมใหม่, โตโยต้า รุ่นโคโรลล่า อัลติส ปี 2008, ฮอนด้า รุ่นซิตี้-แซดเอ็กซ์ รุ่นซีวิค รุ่นแอคคอร์ด และรุ่นซีอาร์-วีโฉมใหม่, นิสสัน รุ่นเทียน่าและทีด้าโฉมใหม่ และ มิตซูบิชิ รุ่นสเปชแวกอนโฉมใหม่ เป็นต้น

หากเจ้าของรถยนต์รุ่น และยี่ห้อที่นอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ เติมน้ำมันอี 20 แล้วเกิดปัญหาเครื่องยนต์พัง ไม่สามารถโทษใครได้ นอกจากต้องโทษ ตัวเอง

นอกจากข้อด้อยดังกล่าว จำนวนสถานีบริการฯ ที่มีอี 20 ขาย ในขณะนี้ยังมีจำนวนน้อย รวมทั้งผู้ใช้อี 20 ยังต้องทำใจด้วยว่า รถยนต์ที่เติมเชื้อเพลิงชนิดนี้ จะมีอัตราการบริโภค น้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซินชนิดอื่น เพราะอี 20 มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนผสมในอัตราสูง

ท้ายสุด เมื่อเทียบกันหน่วยต่อหน่วย ระหว่างรถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ต้องถือว่า ราคาของ E 20 ยังแพงกว่ารถยนต์ที่ใช้ก๊าซทั้ง 2 ประเภท.

ที่มา: ไทยรัฐ : สกู๊ปข่าวหน้าหนึ่ง ปีที่ 59 ฉบับที่ 18255 วันจันทร์ ที่ 14 มกราคม 2551
โดย: RedZilLa   วันที่: 14 Jan 2008 - 07:20


 ความคิดเห็นที่: 1 / 9 : 318386
โดย: นิค
.........
วันที่: 14 Jan 08 - 08:41

 ความคิดเห็นที่: 2 / 9 : 318412
โดย: bert
ผมมีแค่คำถามเดียวถ้ารุ่นที่ระบุให้ใช้ แล้วเราเติม E20 ไปใช้แล้วเครื่องยนต์เสีย ทางปตท จะรับผิดชอบซ่อมรถให้เราหรือเปล่า

ถ้าภาครัฐต้องการสนันสนุนให้ใช้ E20 เพื่อประหยัดเงินตราต่างประเทศและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงแล้ว ก็ควรจะให้งบประมาณกับผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อไปวิเคราะห์รถที่ตัวเองขายแล้วรายงานกลับมาว่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไรในเครื่องยนต์หรือท่อยางหรืออื่น ๆ เพื่อให้ใช้ E20 ได้ ลองคิดดูว่ามีรถกี่แสนคันที่จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันที่แตกต่างกันระหว่าง E10 กับ E20

ที่ผ่านมาผมเติมมันมาทั้งหมดแล้วตั้งแต่ 95, 91, 95E10 ก็ไม่เห็นเครื่องจะพังหรือท่อยางขาดหรือรั่วหรือเครื่องไฟไหม้หรืออะไรเสียเลย เติมมาตั้งแต่มีขายจำไม่ได้แล้วว่ากี่ปี ผมคิดว่าการที่นักวิชาการพูดว่า อาจจะ[/RED] แปลได้ว่าไม่มีข้อมูลจริงแล้วก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนอกจากสร้างความกลัวของทุก ๆ คน ที่ต้องการจะประหยัดค่าเชื้อเพลิงแล้วกลัวว่าเครื่องยนต์จะพัง เคยลองบวกราคาความต่างกันของน้ำมันที่คุณเติมดูไหมครับ ว่าต่างกันเท่าไหร่ต่อเดือน ปีหนึ่งเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วค่าท่อยางหรือเครื่องยนต์ราคาเท่าไหร่

แถมที่โพสมายังมาบอกเปรียบเทียบอีกว่าแก๊สNGV และ LPG ถูกกว่า เหมือนกับแนะนำให้คนใช้รถไปใช้แก๊ส ที่เรารู้อยู่ว่า LPG ได้รับการชดเชยในเรื่องของราคาโดยน้ำภาษีจากน้ำมันไปสนับสนุน....
วันที่: 14 Jan 08 - 10:11

 ความคิดเห็นที่: 3 / 9 : 318448
โดย: ชูวิทย์
ก้อเช็ครุ่นกันดี ๆ ละกันครับ ใครเติมได้ก็เติมไป ใครสะดวกติดแกส ก็ทำไป ผลประโยชน์ใครก็ผลประโยชน์มันอยู่แล้ว ยังไงก็คิดถึงประเทศชาติด้วยละกัน เพราะถ้าคิดเอาแต่ตัวเองเพียงอย่างเดียว แล้วทุกคนคิดแบบนี้ประเทศชาติคงจะแย่นะ (บ้านเราไม่ใช่เศรษฐีน้ำมันนะ)
วันที่: 14 Jan 08 - 12:56

 ความคิดเห็นที่: 4 / 9 : 318467
โดย: Lb.cronos
สรุปแล้วก็ดม LPG กันต่อไปนะงับ ของผมก็ให้เจ้าโคโนสตัวแก่งดมมาจะครบ 2 ปีแล้วงับ
วันที่: 14 Jan 08 - 14:24

 ความคิดเห็นที่: 5 / 9 : 318490
โดย: Yut13
มันเป็นโจทย์ข้อต่อไปหลังพยามใช้ Gasohol 91 จนสำเร็จ นักทดลองทุกท่านครับ งานเข้าแล้วววววว
วันที่: 14 Jan 08 - 15:58

 ความคิดเห็นที่: 6 / 9 : 318539
โดย: ซะงั้น
ผมไม่แคร์อยู่แล้วไอ้เจ้าโซฮอลเนี่ย เพราะยิงแกสไปตั้งนานแล้ว 555555+
วันที่: 14 Jan 08 - 20:39

 ความคิดเห็นที่: 7 / 9 : 318546
โดย: pok-rescue
ผมไม่เกี่ยวอ่ะ เพราะใช้ ไบโอดีเซล......... บี5
แต่เมื่อไหร่จะถูกกว่านี้นะ
วันที่: 14 Jan 08 - 21:01

 ความคิดเห็นที่: 8 / 9 : 318806
โดย: Nosthin
ผมจะใช้ไอน้ำละ หาฟืนกะถ่ายมาใช้แล้ว
วันที่: 16 Jan 08 - 04:15

 ความคิดเห็นที่: 9 / 9 : 319229
โดย: รืเ
อย่างงี้ต้องรีบไปถอยมาสด้าสาม
วันที่: 17 Jan 08 - 21:19