Close this window

ข้อคิดเรื่อง คอล์ย สายหัวเทียน และหัวเทียนพิเศษ
ข้อคิดเรื่อง คอล์ย สายหัวเทียน และหัวเทียนพิเศษ
การเปลี่ยนคอล์ยจุดระเบิดสายหัวเทียน และหัวเทียนหน่อยครับ กระผมเองก็ค่อนข้างคิดตรงกันข้ามกับหลายๆ ท่าน เรื่องของคอล์ยและสายหัวเทียน รวมถึงหัวเทียนอันทรงพลังใส่ปุ๊บแรงม้าเพิ่มปั๊บ วันหนึ่งก็ได้ไปพบปะกับเกจิ ญี่ปุ่น จึงได้ออกปากถามและขอบอกตรงๆกับเจ้าหน้าที่ท่านนั้นว่า อย่าหัวเราะกับคำถามโง่ๆของผม คำถามของผมคือ คอล์ยสายหัวเทียนและหัวเทียน(พิเศษ)มีผลต่อ แรงม้า แรงบิดของเครื่องยนต์หรือไม่ เลยได้คำอธิบาย ดังนี้

สำหรับรถธรรมดาแสตนดาร์ดทั่วไป คอล์ยมีหน้าที่รับไฟกระแสสลับจากชาร์ตคอล์ยหรือจุดกำเนิดกระแสสลับโดยการควบคุมของชุดควบคุม เพื่อให้เกิดกระยุบและพอง ของกระแสแม่เหล็ก เพื่อไปขับกระตุ้นขดลวดแรงดันสูงเพื่อกำเนิดกระแสไฟแรงดันสูงซึ่งมีแรงดัน(โวล)18,000-25,000โวล ลักษณะของไฟจะเดินผ่านทุกวัสดุด้วยแรงดันสูง ถ้าผ่านไม่ได้ก็จะกระโดดข้าม และในรถปกติมักจะใช้ สายคอล์ย ที่มีแกนในเป็นทองแดงหุ้มด้วฉนวนที่หนาเพื่อป้องกันการกระโดดข้ามและรบกวนสัญญานคลื่นแม่เหล็กไปยังภายนอกและส่งแรงดันไปยังหัวเทียนซึ่งมีแกนเป็นทองแดงอีกเช่นกัน
ลักษณะที่ดีของระบบ

แรงดันจำนวน 18,000-25,000โวล รวดเร็วและรุนแรงเพียงพอที่จะกระโดดข้ามที่หัวเทียนที่รอบของเครื่องยนต์หนึ่งหมื่นรอบ โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายโดยเฉพาะที่หัวเทียน อย่างต่ำ สี่หมื่นกิโลเมตร

คอล์ยพิเศษ(สำหรับรถแข่ง) จะใช้แรงดัน30,000-40,000โวล์ เพื่อไฟสามารถกระโดดข้ามที่หัวเทียนได้ทันกับรอบที่มากกว่าหนึ่งหมื่นรอบ แต่ผลที่ตามมาคือ การกระโดดข้ามของไฟที่รุนแรงขนาดนั้นจะทำให้เกิดหลุมที่จุดที่กระโดดของไฟที่หัวเทียน เมื่อบ่อยๆเข้าก็ละลาย (ยังไม่รวมถึงการจุดระเบิดในสภาพแรงดันและความร้อนสูง) จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้หัวเทียนวัสดุพิเศษ เช่นพลาตินั่ม ซึ่งหัวเทียนพลาตินั่มไม่ได้ทำให้รถแรงขึ้นแต่อย่างใด แต่รถแรงขาดหัวเทียนพลาตินั่มไม่ได้ โดยเฉลี่ย หัวเทียนพลาตินั่มจะทนไฟโวล์สูงอยูได้ไม่เกิน 3,000กิโล และนิยมเปลี่ยนอยู่ที่หลักร้อยกิโลครับ

สายหัวเทียน เค้าบอกว่า แรงดันขนาดนั้น เอาน้ำมาเป็นสะพานก็ได้ครับ(มันประชด) แต่ความเป็นจริงแล้วการเปลี่ยนสายคอล์ยที่ดีๆ หลักๆเพื่อป้องกันการกระจายสัญญาณแม่เหล็กออกไปสู่ภายนอก ในส่วนของสายคอล์ยที่ดี วัสดุไม่ว่าจะเป็นคาร์บอน ทองแดง และเงิน แทบจะไม่มีผลต่อการเดินของไฟโวลสูงขนาดนั้น ขนาดตัดสาย ให้ขาดมันยังกระโดดไปจุดระเบิดที่หัวเทียนได้เลยครับ

สรุป คอล์ยแต่ง สายหัวเทียน และหัวเทียน ไม่มีผลต่อใดๆต่อรถสแตนดาร์ท นอกจากเสียตังเพิ่มครับ
อันนี้เป็นแค่หลัก และความคุ้มค่าในการเลือกใช้อะไหล่ สำหรับคนมีตังค์ คงห้ามไม่ได้ครับ ใช้ของแพงแต่สมรรถนะ และการใช้งานเหมือนหรือแย่กว่าเดิม แล้วแต่พิจารณาใช้กันครับ



เว็บไซต์เพิ่มเติม : http://www.mocyc.com/board/view.php?board=4&topic=23175


เพราะฉะนั้น ใครคิดที่จะแรงเพราะเปลี่ยนสายหัวเทียนหรือ หัวเทียน แพงๆ ก็ไม่มีประโยชอันใดครับ
โดย: โป   วันที่: 22 Feb 2008 - 19:02


 ความคิดเห็นที่: 1 / 9 : 328720
โดย: Switch_On!
ผมว่ามันมองคนละมุมกันแล้วแหละครับ

ที่ท่านผู้นั้นว่ามา มองจากเหตุของการที่รถต้องการสมรรถภาพที่เพิ่มขึ้น ถึงได้มีการอัพเกรดคุณภาพของวัสดุตาม

แต่มีมุมนึงในสถาพปกติ การอัพเกรดคุณภาพวัสดุบางอย่าง ๆ ก็ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพด้วย

อย่างสายหัวเทียน มันก็คือสายไฟ ให้มองแบบนี้ก่อน และเป็นสายแรงสูงด้วย ดังนั้น ถ้าพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ มีขนาดใหญ่ขึ้น การนำกระแส ย่อมนำพาได้มากขึ้น ในเวลาที่เท่ากัน (นึกถึงท่อส่งน้ำแล้วกันครับ) แรงดัน (Volt) จะเป็น 12V หรือ หมื่น ๆ V ก็คือแรงดัน ไม่ว่าจะเส้นเล็กหรือใหญ่ มันย่อมคงที่ ตามที่ตายุ่นคนนั้นว่าไว้แหละ แต่ ที่แรงดันคงที่หนั่ง ๆ ถ้าเปลี่ยน ตัวนำที่มีพื้นที่หน้าตัดใหญ่ขึ้น (ท่อส่งน้ำใหญ่ขึ้น) มันก็จะส่งน้ำได้มากขึ้น หรือในระบบไฟ ก็จะส่งกระแสไปได้มากขึ้น

ย่อมส่งผลไปถึงหัวเทียนด้วยว่า มีกระแสถูกส่งมามาก ไอ้ไฟที่กระโดดได้ (มันกระโดดได้เพราะแรงดันเป็นหมื่นโวลท์) จากเดิมเส้นเล็ก ๆ มันก็จะเส้นโตขึ้น เพราะความเข้มของกระแสมีมากกว่า ตามหลักไฟฟ้ากำลัง

ฉนั้น...มันจึงไม่ได้เสียหลายเลยในการเปลี่ยนอุปกรณ์พวกนี้


ทีต้องสนใจก็คือ ต้นกำเนิดพลังงานของคุณต่างหาก ที่จ่ายกระแสได้มากน้อยแค่ไหน นั้นก็คือ คอล์ย นั้นเอง หากเราใช้สายนำสัญญาณเส้นใหญ่ ๆ มาก ๆ สามารถนำพากระแสได้อย่างไม่จำกัดแล้ว กระแส สูงสุดที่ไหลผ่านตัวนำนี้ได้ ก็จะไม่เกินกระแสที่ คอล์ย สามารถผลิตออกมาได้นั้นเอง

ดังนั้น การเลือกซื้อเลือกใช้ ชิ้นส่วนต่าง ๆ มันจึงต้องสัมพันธ์กันกันด้วยครับ

เรื่องเหล่านี้ยังไม่รวมถึง แรงต้าน หรือความต้านทานของตัวนำที่ต่างกันอีก ซึ่งพูดไปก็ยาว (นี่ก็ยาวแล้ว) สรุปได้ว่า ตัวนำ ความต้านทางยิ่งน้อยก็ยิ่งดี ต้นทางมีเท่าไหร่ ปลายทางก็จะได้ได้รับใกล้เคียงกับต้นทางมากที่สุด ถ้าความต้านทางสูง ก็ย่อมมีการตกหล่นระหว่างทางเป็นธรรมดา ขนไป 100 อาจจะเหลือแค่ 90

ซึ่งสายพวก High Performance หรือสายแต่งทั่วไป ก็จะมีจุดที่ต่างกันสายโรงงานหรือ OEM อยู่ในเรื่องพวกนี้นั้นแหละ คือ
1. ความต้านทาน ที่ต่ำกว่า
2. ขนาดหน้าตัดของตัวนำที่โตกว่า (แม้แค่ 1mm แต่ขนกระแสได้ต่างกันหลาย Amp แล้ว)
3. เนื่องจากนำกระแสได้มากกว่า ย่อมเกินการเหนื่ยวนำที่มากขึ้น จึงต้องมีฉนวน ที่ใหญ่ขึ้นเป็นธรรมดา
4. ฉนวนที่ใหญ่ นอกจากจะป้องการเรื่องการหนื่ยวนำสัญญาณ ก็ยังช่วยป้องกันความร้อนจากห้องเครื่องส่งไปยังตัวนำภายในอีกด้ว




ผมเองบางครั้งก็ได้อ่านบทความพวกนี้มาก็เห็นว่า พวกนี้ไม่ได้มองในทุก ๆ มุมเสมอไป หลาย ๆ เรื่องเค้ามองในมุมของนักเล่นรถ ข้อมูลทางเทคนิคพวกนี้ ต้องเปลี่ยนไปมองในมุมของวิศวกร หรือในมุมของผู้ใช้บ้าง ทุก ๆ สิ่งมีเหตุมีผลของมันเสมอ

อ่อ...แต่ในเรื่องนี้ หากมองในมุมของเศรษฐศาสตร์ อาจจะดูไม่คุ้มค่า ที่จ่ายเพิ่มในหลักพันหลักหมื่น แต่ได้ผลตอบแทนอันน้อยนิด (ไม่ม้ามาไม่กี่ตัว) แต่ในมุมของใจและความรู้สึก มันก็คุ้มสำหรับหลาย ๆ คนนะผมว่า
วันที่: 23 Feb 08 - 05:46

 ความคิดเห็นที่: 2 / 9 : 328784
โดย: โป
อืมอย่างงี้นี่เองแล้วแต่คนจะมอง แต่ถ้ามันนำกระแสไฟได้ดีกว่า ของเดิม ก็น่าสนใจ ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
วันที่: 23 Feb 08 - 16:24

 ความคิดเห็นที่: 3 / 9 : 328788
โดย: $$boon
ขอบคุณท่านช่วยให้ความรู้เป็นวิทยาทาน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็เว้ากันไป สำหรับผมเห็นว่านานาทัศนะ ครับถ้าให้ดี ลองเปลี่ยนกับรถตัวเองดูเลยทีละอย่าง ความรู้สึกของตัวเองในการขับจะบอกเองได้ดีกว่าเก่าหรือเปล่าพอใจหรือไม่
วันที่: 23 Feb 08 - 16:41

 ความคิดเห็นที่: 4 / 9 : 328827
โดย: Jan.Cronos
อย่างน้อยเปิดกระโปรงออกมาก็น่าดูกว่าของเดิมๆ อ่ะ
อืมมม
แบบ....เปิดกระโปรงมาแล้วเจอ จีสติง เงี๊ยะ ดูดีกว่ามั้ยล่ะ อิอิ
วันที่: 23 Feb 08 - 23:02

 ความคิดเห็นที่: 5 / 9 : 328845
โดย: Switch_On!
ท่านแจน ผมว่า ถ้าเปิดกระโปรงมา แล้วไม่เจอเลยเนีย จะดีกว่ามั๊ย....
วันที่: 24 Feb 08 - 04:11

 ความคิดเห็นที่: 6 / 9 : 328867
โดย: Navigator
ขางบนคุยไรกันเนี่ย......
แต่ผมว่าถ้าผมมีตังก็จะขอสอยมา เพราะใส่แล้วมันสวยดีครับ ส่วนเรื่องประโยชน์ผมคิดว่ามันเหมือนเอาไว้หลอกตัวเองเท่านั้น แต่ก็รู้สึกดีนะครับ
คล้ายๆกับเอาพระขลังๆมาติดตัวไว้ในรถไง เรารู้ว่าท่านไม่สามารถออกมาเตือนเราได้ เวลาฉุกเฉิน แต่ก็รู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยดีครับ อิอิ
วันที่: 24 Feb 08 - 12:16

 ความคิดเห็นที่: 7 / 9 : 329000
โดย: Jan.Cronos
ท่านภู ผมว่ามันโล่งไปนะ เปิดมาแล้วไม่เจออะไรเลยเนี่ย ไม่มีลุ้นเลยอ่ะ
วันที่: 25 Feb 08 - 00:53

 ความคิดเห็นที่: 8 / 9 : 329270
โดย: Yut13
จะใส่อะไรก็ขออย่าให้ไป overload ระบบจ่ายแรงสูงก็แล้ว ง่ายๆคือความต้านทานของสายทั้งเส้นต้องไม่ต่ำกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดอย่าลืมว่าราคาระบบแรงสูงทั้งลูกแพงกว่าสายหัวเทียนมากถ้าเกิดจ่ายกระแสเกินบ่อยมันคงต้องพังแน่ๆ คิดง่ายตามกฎของโอมห์ เมื่อมีการโดดของอีเล็คตรอนจะเกิดเป็นวงจรปิดทีสมบูร์ณ ค่าความต้านทานของสายคือ R ค่ากระแส I = V/R ถ้าค่า R ต่ำลง ค่า I จะสูงขึ้นอาจจะเกินพิกัดทีระบบจะจ่ายได้
วันที่: 25 Feb 08 - 16:36

 ความคิดเห็นที่: 9 / 9 : 329386
โดย: anonymous
ถ้าลองสังเกตุดูชิ้นส่วนรถเดิมๆโรงงานสมัยใหม่ในปัจจุบัน จะเห็นว่ารถบางรุ่น จะมี
- หัวเทียน iridium ใช้เพื่อจุดระเบิดในภาวะ lean สุดๆในบางจังหวะเพื่อประหยัดเชื้อเพลิง
- เลิกใช้สายหัวเทียน แต่ใช้ directcoil เพื่อจังหวะจุดระเบิดที่แม่นยำและแปรผันได้ตาม ecu
วันที่: 26 Feb 08 - 06:57