Close this window

ปัญหาต่อเนื่อง เรื่องกล่องครับ
อ้างอิง จากกระทู้เก่า ตอนนี้รถผมสตาร์ทติดจากการยื้มกล่องECU คุณ kavin(ในบอร์ด) แต่ตอนลองรถ ขับไปแล้วดับ สตาร์ทไม่ติด ช่างบอกเกิดจากปั๊มติกไม่ทำงาน ช่างเลยต่อสายตรงให้ (ซึ่งต่อยังงัยผมก็ อธิบายไม่ถูก คร่าวๆคือต่อตรงจากตัว รีเลย์) แล้วก็ติดขับมาปรกติดี คำถามคือ
1. มีอันตรายมั้ยครับ ส่งผลต่อเครื่องหรือเปล่า ถ้าใช้รถประมาณ 3~4 วันขับระยะทางประมาณ 20 โล ไป-กลับที่ทำงาน หรือใช้ได้ไม่ต้องห่วงอะไร
2. ผมเอากล่อง (ตัวเก่า) ไปซ่อมซึ่งต้องรออะไหล่สองถึงสามวัน ราคาที่แจ้งเบื้องต้นคือ 2,500 ผลที่ออกมา กับราคาดังกล่าวท่านใดมีประสบการณ์บ้างครับ
3. ผมเปิดกล่องของผมดูไม่มีกลิ่นไหม้ ไม่มีรอยชำรุด...แก้ผิดที่ป่าว ตอนนี้ที่ผมเปลี่ยนไปแล้วคือ
3.1 จานจ่าย ราคา 3,500
3.2 กล่องคุณ kavin ยังมะจ่ายตังค์ (แต่ติดปัญหาเรื่องการสั่งปั๊มติ๊ก)
ผมกำลังสับสนกับวิธีแก้ของตัวเอง ตกลงกล่องผมดีแล้วไปซ่อม หรือ จานจ่ายผมพังเปลี่ยนแล้วใช้ได้ แต่ใช้กล่องที่ตัวสั่งปั๊มไม่ทำงานมาใส่ (ซึ่งสอบถามแล้วกล่องตัวนี้มีปัญหาการสั่งปั๊มติก จากคุณ kavin)

อาการเริ่มต้นเลย
1. ปรับจานจ่าย ขันฝาครอบนกกระจอกไม่สนิท ปีนรู ทำให้จานจ่ายควันขึ้น (คงไหม้มั้ง)
2. จัดการจานจ่ายขันไหม่ แล้วขับได้ถึงห้องแต่มีอาการกระตุก เหมือนรถจะดับตอนออกตัว
3. ตอนเช้าสตาร์ทแล้วติดเครื่องเร่งรอบสูง แล้วก็ดับไป รอสักพักสตาร์ทติดขับได้ แต่กระตุก
4. จอดรถเรียบร้อย เย็นจะกลับสตาร์ทอีกทีเร่งเหมือนตอนครั้งแรก แล้วก็ดับ รอสักพักไม่ติดเลยและไม่ติด จอดทิ้งไว้วันหนึ่ง
5. ไปหา ช. บอกกล่องพัง จากการลองเอากล่องตัวอื่นมาใส่ดู แต่เค้าไม่ขายแยก
6. เอากล่องคุณ kavin ซึ่งแจ้งเบื้องต้นเรื่องการสั่งปั๊มติกมีปัญหา เอามาใส่ติด เลยตัดสินใจเปลี่ยนจานจ่ายด้วย ซึ่งลงความเห็นว่าจานจ่าย พากล่องพัง
7. เอารถมาลองขับได้ประมาณ 3 โลมั้งดับไปเลย (ดับเลยจริงๆไม่มีอาการไรเลย ไม่กระตุก ดับไปเฉยๆ) สตาร์ทไม่ติด แต่ไฟเข้าทุกสายหัวเทียน จากการเชคไฟ
8. ช.บอกปั๊มติ๊กไม่ทำงาน ซึ่งคงจะเกิดจากกล่อง ต่อตรงสตาร์ทได้ ขับได้ ปรกติ
9. เป็นเลขสวยครับ เลยต้องหวังดวงด้วย ผมงงกับวิธีที่ผมตัดสินใจแก้ ตกลงผมมาถูกทางมั้ยครับ ความหวังตอนนี้คือกล่องที่ส่งซ่อมจะกลับมามีชีวิต แล้วทุกอย่างจะลงตัว
ขอบคุณครับ
โดย: malang   วันที่: 16 Sep 2008 - 19:54


 ความคิดเห็นที่: 1 / 10 : 387622
โดย: Pot626 5d
ยังเอาใจช่วยอยู่ครับผม
นี่ถ้าผมมีรถสองคันคงให้เอาไปยืมใช้ก่อนแล้วไม่อยากให้เครียดครับ ค่อยๆทำไปตามสเต็ป
วันที่: 16 Sep 08 - 21:45

 ความคิดเห็นที่: 2 / 10 : 387672
โดย: The_P๐๐M
อาการเยอะจัง พาสับสนมาก

จานจ่ายอาจช๊อต จนเข้ากล่อง ก็เป็นไปได้ครับ

แต่พอเปลี่ยน กล่องใหม่ เปลี่ยน จานจ่ายแล้ว

ปั๊มติ๊กกลับไม่ทำงานอีก

มีสายอะไร ช๊อตอยู่รึป่าวครับ

ปล่อยไว้เดี๋ยวกล่องใหม่พังอีกนะ

เช๊ค ฟิวส์ และ รีเลย์ ด้วย
วันที่: 17 Sep 08 - 01:58

 ความคิดเห็นที่: 3 / 10 : 387691
โดย: malang
ขอบคุณ กั๊บ
วันที่: 17 Sep 08 - 07:38

 ความคิดเห็นที่: 4 / 10 : 388070
โดย: Aofkung
เป็นกำลังใจให้หายไวๆ อีกคนคับผม
วันที่: 17 Sep 08 - 21:41

 ความคิดเห็นที่: 5 / 10 : 388127
โดย: Blue Cronos
เห็นเล่าเหตุการณืแล้วปวดหมอง แต่เอาใจช่วยครับ หายเร็วๆนะครับ
วันที่: 18 Sep 08 - 04:39

 ความคิดเห็นที่: 6 / 10 : 388150
โดย: srithanon
เท่าที่คุณบอกมา น่าจะเป็นกรณีที่ตัวรีเรย์เปิดวงจรครับ มีจุดที่คุณสามารถตรวจสอบได้ดังนี้ ก่อนอื่นผมขอกล่าวการทำงานของเจ้าตัวรีเรย์เปิดวงจรตังนี้คร่าวๆนะครับ ปกติทั่วๆไปแล้วเวลาที่เราเริ่มทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อบิดกุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท กระแสไฟก็จะวิ่งผ่านเจ้าตัวรีเรย์หลัก ที่ตัวรีเรย์หลักตัวนี้จะแบ่งหน้าที่ออกเป็นสองวงจร วงจรแรกก็จะไปยังตัวมอเตอร์สตาร์ท อีกวงจรจะผ่านรีเรย์ที่ทำหน้าที่เปิดวงจร เพื่อที่จะนำกระแสไฟบวกต่อไปยังเจ้าตัวปั้มติ๊กที่ถังน้ำมันและระบบหัวฉีด
เนื่องจากการทำงานของเจ้าตัวรีเรย์นี้
เมื่อเราบิดกุญแจมาตำแหน่งสตาร์ท ก็จะมีไฟมาที่ขดลวดของตัวรีเรย์วงจรเปิด ต่อลงกราวด์ ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กดูดหน้าคอนแท็ครีเรย์ต่อไฟไปยังปั้มติ๊ก แต่เพียงชั่วสองสามวินาที่ ในช่วงเวลานี้หากเครื่องยนต์ไม่ติดหรือทำงานมันก็จะทำให้รีเรย์นี้ไม่ดูดหน้าคอนแท็คต่อไฟไปยังปั้มติ๊ก ทั้งนี้เนื่องจากการที่รีเรย์ตัวนี้จะทำงานอย่างต่อเนื่องจ่ายไฟไปยังปั้มติ๊กตลอดเวลา ก็จะต้องอาศัยการทำงานของเครื่องยนต์ โดยเมื่อเครื่องยนต์เริ่มหมุนในช่วงวินาทีแรก ทำให้ตัวเรือนจานจ่ายไฟสูง ที่แกนหมุนตัวจานจ่ายเคลื่อนที่ ทำให้ชุดกำเหนิดวงจรพัลของ NE ส่งสัญญาณมายังกล่อง ECU เมื่อกล่องได้รับสัญญาณพัลส์นี้ มันก็จะสัญญาณกระแสไฟจำนวนหนึ่ง ไปป้อนให้กับวงจรขยายกระแสของทรานซิสเตอร์ เพื่อให้ทำหน้าที่ต่อกระแสไฟหรือไฟบวกที่มาจากคอยของรีเรย์วงจรเปิด ต่อลงกราวด์
ทำให้รีเรย์วงจรเปิด ทำงานต่อเนื่องตลอดไปใรระหว่างที่เครื่องยนต์ติด หลังจากที่เราปล่อยกุญแจที่บิดไปยังตำแหน่งสตาร์ท
ดังนั้นเราจะพอวิเคราะห์สาเหตุในกรณีของคุณว่าน่ามาจาก ที่เจ้าตังรีเรย์วงจรเปิดไม่ทำงาน ดังที่คุณเล่ามา บอกว่าช่างเขาทำการต่อตรง ให้กระแสไฟหรือไฟไปจ่ายให้ปั้มติ๊ก เครื่องยนต์ก็จะติดและทำงาน ปกติแล้ว ที่กล่องบล๊อคฟิวส์จะมีช่องสำหรับเสียบสายไฟ สำหรับบายพาสให้กระไฟไม่ต้องผ่านตัวรีเรย์นี้ แล้วต่อตรงไปยังปั้มติ๊กเลย เพื่อทำการตรวจสอบการทำงานของเจ้าตัวรีเรย์เปิดวงจรนี้ มีขัดข้องหรือไม่ แนวทางที่จะตรวจสอบเรื่องนี้มีดังนี้นะครับ ขอย้อนที่คุณบอกว่าขอยืมกล่องจากท่านอื่นมาแล้วลองต่อกลับเข้าไป แล้วเครื่องยนต์ติด วิ่งไปได้ระยะหนึ่งก็ดับ ผมให้ข้อคิดตรวจสอบอย่างนี้ครับ ประเด็นแรกผมคิดว่าควรตรวจสายไฟที่มาจากกล่อง ECU สายไฟเส้นนี้หากดูจากเซอร์กิตวายลิ่งไดอแกรม ของตัว ECU เขาจะเขียนว่า จุด FC สายไฟเส้นนี้จะไปต่อให้กับคอยล์ของรีเรย์เปิดวงจร ให้คุณวัดไฟที่จุดนี้ในขณะที่คุณกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์ จะวัดกระแสไฟได้ประมาณ ศูนย์โวลหรือ จุด2-5 Volt แสดงว่าไฟที่ส่งออกจากตัว ECU ทำงานปกติ แต่ถ้าหากว่าวัดไฟแล้วอ่านได้ 12 Volt แสดงว่ากล่อง ECU มีปัญหา
แต่เท่าที่ผมเข้าใจผมคิดว่าน่าจะมาจากสายไปที่ต่อตรงจุดที่ผมว่านี้ไปยังขาตัวรีเรย์เปิดวงจร อาจจะต่อไม่สนิท อาจจะมาการเกิดอ๊อกไซด์ ทำให้กระแสไฟไหลไม่สะดวก ที่ผมคิดว่าจะเป็นที่จุดนี้ก็เพราะว่าคุณบอกว่าเปลี่ยนกล่องแล้วใช้ได้ชั่วขณะ หรือหากไม่เป็นที่จุดนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า คอยล์ของตัวรีเรย์เปิดวงจรนี้ เกิดการชอ๊ทเทิน พอมีกระไฟเข้าไปทำให้มันชอ๊ทระหว่างขดลวดที่พันอยู่บนแกนคอร์
มันก็ไม่เกิดสนามแม่เหล็กดูดหน้าคอนแท็คที่จ่ายไฟไปปั้มติ๊ก ทางที่ดีลองเปลี่ยนดูก็น่าจะลองทำครับ เพราะมันง่ายต่อการตรวจเช็ค เพราะเท่าที่ผทเล่ามาหากคุณไม่เป็นช่าง โดยเฉพาะช่างอีเลคโทรนิดส์ ก็จะยากหน่อยครับ ขอให้โชคดีครับ.....srithanon
วันที่: 18 Sep 08 - 07:49

 ความคิดเห็นที่: 7 / 10 : 388333
โดย: malang
ครับผม วันเสารนี้น่าจะมีคำตอบ ประมาณสองสามข้อจากคำแนะนำเบื้องต้นครับ อีกหน่อยหนึ่งรถผมตอนนี้จะเสี่ยงมั้ยครับ กับการต่อปั๊มตรง เพราะว่า mazda lantis มะค่อยมีคนใช้แถวนี้เลยอยากถามเพื่อความแน่ใจครับ
วันที่: 18 Sep 08 - 17:29

 ความคิดเห็นที่: 8 / 10 : 388404
โดย: srithanon
ถามว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ ตอบอย่างนี้ก็แล้วกัน การที่ทางวิศวกรเขาออกแบบมา ก็เพื่อที่จะป้องกันการที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุ จะด้วยเหตุใดก็ตาม เมื่อเครื่องยนต์ถูกแรงกระแทก จากแรงปะทะหรือผลิกคว่ำ เครื่องยนต์รถจะหยุดทำงาน เครื่องยนต์ไม่ติด ทำให้การจ่ายไฟไปเลี้ยงปั้มติ๊กหยุดทำงานทันที ก็ไม่มีน้ำมันไหลออกมาตามท่อที่แตกและฉีดขาด ทำให้ไม่เกิดไฟลุกไหม้ มันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่านี้
หากดูรูปการแล้ว ถามว่าเราจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นหรือไม่ ก็หนึ่งในล้านครับ ถามว่าแล้วมีผลกกับตัว ECU หรือไม่ ในความคิดของผม ไม่มีครับ เพราะไฟที่ไปจ่ายให้กับปั้มติ๊กและระบบหัวฉีด ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่ช่างเขาเอาสายไปคร่อมเจ้าหน้าคอนแท็คของตัวรีเรย์เปิดวงจร ให้ไฟจ่ายโดยที่ไม่ต้องอาศัยเจ้าตัวรีเรย์นี้ทำงาน เหตุผลหลักๆก็ที่ผมกล่าวมานั่นแหละ
อยากให้คุณลองเปลี่ยนเจ้าตัวรีเรย์เปิดวงจรนี้เป็นสิ่งแรกที่จะทำ หากเปลี่ยนแล้วไม่เวิค ค่อยมาตรวจวัดไฟตามที่ผมบอกไว้ครั้งแรก คิดว่าน่าจะแก้ไขได้แล้วครับ สำหรับกล่อง ECU ผมคิดว่าไม่เสียหรอกครับ แต่ก็ขอให้ตรวจเช็คไฟที่จุด FC ว่ามันทำงานตามปกติหรือเปล่า ถ้ารีเรย์ทำงาน เราจะวัดไฟได้ประมาณ ศูนย์โวล เพราะในตัว ECU จะต่อไฟที่มาจากคอยล์รีเรย์ลงกราวด์ และหากวัดไฟได้ 12 Volt แสดงว่ากล่องมีปัญหา( วัดในจังหวะบิดกุญแจตำแหน่งสตาร์ท)
สำหรับอาการที่บกบอกว่าเจ้าตัวกล่อง ECU จะเสีย มันไม่มีอาการนี้ครับ แต่ผมยังไม่อยากจะคิดไปว่าตัวที่ส่งสัญญาณพัลส์ NE ที่ได้มาจากที่ตัวจานจ่าย เกิดขัดข้อง ไม่ผลิตสัญญาณ NE ออกมาป้อนให้กับ ECU จึงทำให้ ECU ไม่ส่งสัญญาณ FC ออกมา ก็ทำให้รีเรย์เปิดวงจรไม่ทำงานก็อาจจะเป็นได้
หากคิดว่าเป็นอย่างที่ว่า ก็จำเป็นที่จะต้องทำการตรวจเช็คสัญญาณ NEที่จานจ่าย โดยการใช้ออสซิลโลสโคปจับสัญญาณที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามันทำงานตามปกติหรือไม่ ก็คงจะเป็นหน้าที่ช่างที่เขาจะทำการตรวจสอบการทำงานของภาคนี้ทั้งระบบ ผมเคยเข้าไปตรวจซ่อมที่ตัวกล่อง ECU แต่มันไม่ใช่อาการที่เล่ามา เพียงอาการคล้ายๆกัน สตาร์ทไม่ค่อยติด วิ่งๆไปสักพักเครื่องดับเฉยเลย สตาร์ทเป็นนานสองนานก็ไม่ค่อยติด บางครั้งก็จอดไว้สักพักแล้วสตาร์ทก็ติด เพราะตัว ECU ไม่ผลิตพัลส์ที่ถูกสร้างด้วยตัวเซ็นเซอร์ที่อ่านค่ามุมองศาจุดระเบิดส่งไปให้ ECU จึงไม่มีสัญญาณพัลส์ไปจ่ายให้กับอินพุทตัวช่วยจุดระเบิดทำงาน ก็ไม่มีไฟสูงจ่ายให้กับหัวเทียน ช่างบางท่านก็เหมาเอาว่า ตัวจานจ่ายเสีย ก็พาลงเหวไป เสียเงินฟรีซื้อจานจ่ายเปลี่ยนก็เหมือนเดิม ก็ต้องวิเคราะห์ตามหลักการของการทำงานของแต่ละวงจร ว่ามันทำงานอย่างไร ถึงจะแก้ปัญหาได้ถูกประเดน
ลองไปตรวจซ่อมดูครับ ได้ผลประการใดอย่าลืมเข้ามาบอกแจ้งเพื่อนๆสมาชิกทราบกันบ้างนะครับ ขอให้โชคดี....srithanon
วันที่: 18 Sep 08 - 21:22

 ความคิดเห็นที่: 9 / 10 : 388568
โดย: malang
ขอบคุณ ครับ
วันที่: 19 Sep 08 - 12:23

 ความคิดเห็นที่: 10 / 10 : 443392
โดย: ต้อย
รถ ผม cronos 626 ขับไปดีๆ ดับ ช่างมาดู บอกจานจ่านเสีย ซื้อมาเปลี่ยน ของ มือ สอง ขับได้ 2-3 กม ดับ ดูจานจ่าย ซ้อตลงกราวด์ ตรงตัวจานจ่าย เอาตัวใหม่มาเปลี่ยน อีก start ได้ 5 นาที ซ้อตอีก เปลี่ยนสายหัวดูแล้วครับ ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำ ด้วยครับ
วันที่: 06 Apr 09 - 11:48