สมบัติ AIA อู้ฟู่ 3.7 แสนล. ลงทุนนอกแค่ 2.9 หมื่นล.
คปภ. เปิดกรุกางสมบัติเอไอเอสะสมมายาวนาน 70 ปี มหาศาล พบสินทรัพย์รวมแข็งปึ้ก มีถึง 3.7 แสนล้าน แฉตัวเลขเงินลงทุนในประเทศแข็งแกร่งสูงถึง 3.3 แสนล้าน ขณะที่ขนไปลงทุนในต่างประเทศจิ๊บจ๊อยเพียงแค่ 2.9 หมื่นล้าน ไม่พบแม้แต่แดงลงทุนในเลห์แมน บราเธอร์ส “จันทรา” ฟันธงเอไอจีจะขายทรัพย์สินเอไอเอทำได้ยาก เพราะติดขัดข้อกฎหมายประกันภัยบล็อกห้ามเอาไว้ อีกทั้งทรัพย์สินทั้งหมดเป็นเงินออมของประชาชนผู้เอาประกัน
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย AIG และกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ ขาดสภาพคล่องเฉพาะในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และหลักทรัพย์ว่า คงไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเอไอเอ หรือบริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ ในไทย ทั้งนี้ คปภ.ได้ทำการตรวจสอบฐานะการเงินของเอไอเอในไทยแล้วพบว่า มีสินทรัพย์รวมถึง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2551 (ราคาประเมิน) ทั้งสิ้น 376,989.58 ล้านบาท โดยเป็นสินทรัพย์ลงทุน ณ ราคาประเมินจำนวนทั้งสิ้น 366,161.11 ล้านบาท ซึ่งได้แก่ สินทรัพย์ลงทุนในประเทศ จำนวน 337,086.65 ล้านบาท และสินทรัพย์ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 29,074.46 ล้านบาท ซึ่งไม่พบว่ามีการลงทุนผ่านเลห์แมน บราเธอร์ส แต่อย่างใด
สำหรับสินทรัพย์ลงทุนในประเทศ ได้แก่ 1. พันธบัตรรัฐบาลไทย จำนวนเงิน 193,652.35 ล้านบาท หรือ 5,532.92 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 52.89% ต่อสินทรัพย์ลงทุนรวม 2. พันธบัตรองค์กรหรือรัฐวิสาหกิจ 49,343.61 ล้านบาท หรือ 1,409.82 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 13.48% 3. หุ้นทุน 44,810.88 ล้านบาท หรือ 1,280.31 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 12.24% 4. หุ้นกู้ 23,562.23 ล้านบาท หรือ 673.21 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 6.43% 5. เงินให้กู้ยืม 14,619.43 ล้านบาท หรือ 417.70 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 3.99%
6. ตั๋วสัญญาแลกเงิน-ตั๋วแลกเงิน 7,702.16 ล้านบาท หรือ 220.06 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 2.10% 7. หน่วยลงทุน 1,942.66 ล้านบาท หรือ 55.50 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 2.10% 8. เงินสดและเงินฝาก 1,274.88 ล้านบาท หรือ 36.43 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 0.35% 9. ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น-หุ้นกู้-หน่วยลงทุน 178.45 ล้านบาท หรือ 5.10 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 0.05%
ส่วนสินทรัพย์ลงทุนในต่างประเทศประกอบด้วย 1. พันธบัตรต่างประเทศ 15,594.19 ล้านบาท หรือ 445.55 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 4.26% ของสินทรัพย์ลงทุน 2. หน่วยลงทุนต่างประเทศ 7,765.90 ล้านบาท หรือ 221.88 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 2.12% 3. หุ้นกู้ต่างประเทศ 5,117.10 ล้านบาท หรือ 146.20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 1.40% 4. หุ้นทุนต่างประเทศ 597.27 ล้านบาท หรือ 17.06 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ร้อยละ 0.16%
เลขาธิการ คปภ.กล่าวถึงการที่ผู้เอาประกันภัยจะทำการยกเลิกกรรมธรรม์ก่อนครบกำหนดสัญญา ว่า ต้องมีการสร้างความเข้าใจให้ดีเสียก่อนว่า มูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับคืนนั้นจะมีมูลค่าเท่ากับ จำนวนเงินสะสมของเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยจ่ายไป หักค่าใช้จ่ายและค่าความคุ้มครองชีวิต โดยจำนวนเงินสะสมนี้จะเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น หากผู้เอาประกันภัยยกเลิกกรมธรรม์ในช่วงปีแรกๆ ของสัญญาประกันภัย จำนวนเงินที่ได้รับจะน้อยกว่าเบี้ยประกันที่ส่งไป สำนักงาน คปภ.อยากให้ผู้เอาประกันภัยได้ตระหนักถึงผลดีผลเสียที่จะได้รับ เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านต้องเสียสิทธิประโยชน์ หากมีข้อสงสัยโปรดติดต่อ ฝ่ายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย 02-547-4994 หรือสายด่วนประกันภัย 1186
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย จากภาพรวมธุรกิจประกันภัยนับตั้งแต่ต้นปี 2551 ถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ตัวเลขของธุรกิจประกันภัยมีอัตราเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 155,719 ล้านบาท มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.64 เมือเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยธุรกิจประกันชีวิต มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 และธุรกิจประกันวินาศภัย มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 สำนักงาน คปภ.ได้คาดการณ์ว่า ไตรมาส 4 ของปี 2551 ธุรกิจประกันวินาศภัย จะมีอัตราขยายตัว 7.36 และธุรกิจประกันชีวิต จะมีการขยายตัว 14.10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550
แหล่งข่าวระดับสูงจาก คปภ.รายหนึ่ง กล่าวให้ความเห็นว่า สมมติหากเกิดวิกฤตกระทั่งลูกค้าแห่ขอเวนคืนกรมธรรม์จากเอไอเอ กระทั่งบริษัทมีเงินสดหรือเงินฝากไม่เพียงพอแล้วคงไม่มีปัญหา เนื่องจากเอไอเอสามารถร้องขอให้กระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้การช่วยเหลือให้มีสภาพคล่องเงินสดได้ เนื่องจากทรัพย์สินของเอไอเอที่อยู่ในรูปพันธบัตรมีมากมายมหาศาล และมีปริมาณสูงกว่างบประมาณของรัฐบาลในแต่ละปีเสียอีก อีกทั้งแบงก์พาณิชย์ต่างๆ ก็พร้อมช่วยเสริมสภาพคล่องได้ทันที เนื่องจากในช่วงวิกฤตการเงินที่ประเทศไทยต้องเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เอไอเอก็เคยได้รับการร้องขอให้ช่วยนำเงินมาซื้อหุ้นแบงก์กสิกรไทยที่มีปัญหา สภาพคล่องไป 4,500 ล้านบาท และธนาคารไทยพาณิชย์อีก 6,000 กว่าล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมแบงก์อื่นๆ อีก
ขณะเดียวกันหากสมมุติว่า เอไอจีหากมีอันต้องประสบปัญหาการขายทรัพย์สินนำไปใช้คืนธนาคารกลางสหรัฐ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐ กระทั่งต้องมีความจำเป็นต้องขายทรัพย์สินเอไอเอในไทยก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเอไอเอในไทยจะเจ๊ง หากเพียงแต่มีการเปลี่ยนมือเท่านั้น ซึ่งมีแต่ผู้ที่ต้องการจ้องจะซื้อกิจการเอไอเอในไทยเสียมากกว่าเพราะมีความ แข็งแกร่งและศักยภาพทำกำไรสูง แม้แต่บริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ในบ้านเรายังมีความสนใจจะซื้อเลย แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะ มร.กรีนเบอร์ เจ้าของกิจการคงจะไม่ยอมขาย หากจะขายก็คงจะเป็นทรัพย์สินในประเทศอื่นๆ ที่กระจัดกระจายใน 130 ประเทศ ซึ่งเข้าใจว่าทรัพย์สินที่ขายคงจะเป็นกิจการที่เพิ่งลงทุนใหม่ หรือมองแล้วไม่มีความถนัดหรือกำไร และคงเหลือธุรกิจประกันภัยและอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังทำกำไรงดงามในเอเชีย เอาไว้
ต่อเรื่องนี้ นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. กล่าวยืนยันว่า หากเอไอจีมีความจำเป็นจะขายทรัพย์สินเอไอเอในไทยคงจะทำได้ยาก เนื่องจากเอไอเอในไทยมีฐานะเป็นเหลน อีกทั้งเรายังมีกฎหมายกำหนดห้ามไว้ เนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวเป็นเงินของประชาชนที่เอาประกันชีวิตไว้ โดยในกรณีกฎหมายระหว่างประเทศคงจะบีบเราคงไม่ได้เพราะมีข้อตกลงกันไว้ชัดเจน
http://www.sumret.com
ที่มาของข่าว :: นสพ.เส้นทางนักขาย ฉบับที่ 141 1-15 ต.ค. 2551หากท่าน สนับสนุนการนำเสนอข่าวสาร เมื่ออ่านเสร็จแล้ว ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยครับ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ
[url=http://vgetone.com/Promotion.html]คลิ๊กที่นี่ ดูโปรโมชั่น[/url]
หรือโทร.
คุณวินทัต ตันยะกุล
Express Center
Tel. : 0 2939 0923
Mobile : 089 255 8749
Fax : 0 2939 0919
www.vgetone.com