Close this window

เหตุผลที่ต้องทำ ประกันรถภัยยนต์กับ XpressCenter (ข่าวสาร)
‘วิริยะฯ’ เดินสายอัพความรู้ตัวแทน เป็นสำนักงาน


‘วิริยะฯ’ เดินสายอัพความรู้ตัวแทน หนุนยกชั้น 5,932 คน เป็นสำนักงาน

วิริยะประกันภัย ซุ่มเดินสายอบรมตัวแทน 5,932 รายทั่วประเทศ เป้าหมายปรับบทบาทตัวแทน เน้นเป็นที่ปรึกษาด้านประกันวินาศภัยแทนขายอย่างเดียว พร้อมเพิ่มศักยภาพตั้งสำนักงานตัวแทน มั่นใจสิ้นปีโกยเบี้ย 15,000 ล้านบาท โต 10% เตรียมเพิ่มทุนอีก 600 ล้านบาท รับมือสินทรัพย์ด้อยค่าจากวิกฤติการเงินโลก หลังลงทุนหุ้นถูกกระทบยอดหดไป 300 ล้านบาท งวดแรกสิ้นปีเติม 300 ล้านบาท เพิ่มเงินกองทุนแตะ 200% วางแผนปี 2555 ติดท็อปเทนทุกตลาด จากนั้นอีก 4 ปี เตรียมขึ้นท็อปไฟว์

นายบุญเลิศ กุศลเพิ่มพูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า ถึงสิ้นปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีเบี้ยรวมถึง 15,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2551) สามารถทำได้แล้ว 12,070.25 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8.14% ส่วนเบี้ยประกันภัยรับประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ หรือนอนมอเตอร์ (Non Motor) มีจำนวน 692.93 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันอัคคีภัย 151.72 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (มารีน) 59.56 ล้านบาท และ ประกันภัยเบ็ดเตล็ด 481.65 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทเน้นในเรื่องยุทธศาสตร์ตัวแทนเพื่อพัฒนาความรู้ตัวแทนมากขึ้น โดยเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านประกันวินาศภัยแก่ลูกค้ามากกว่า เน้นการขายเพียงอย่าง เดียว โดยได้เดินสายอบรมให้ความรู้กับตัวแทนทั่วประเทศซึ่งถึงขณะนี้เกือบครบทุก จังหวัดแล้ว ขณะเดียวกันก็พยายามเสริมศักยภาพตัวแทนที่มีอยู่ 5,932 ราย เปิดเป็นสำนักงานตัวแทน โดยบริษัทจะช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายบางส่วน ซึ่งสำนักงานตัวแทนส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัดมากกว่าในกรุงเทพฯ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

พร้อมกันนี้ยังเป็นการเพิ่มความรู้ด้านนอน มอเตอร์ ให้กับตัวแทนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายจะให้ตัวแทนที่ขายประกันภัยรถยนต์ขายนอน มอเตอร์ ด้วย โดยคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีตัวแทนที่สามารถขายได้ทั้ง 2 ประเภท 500 คน จากที่ปัจจุบันสร้างได้แล้ว 300 คน

ส่วนด้านงานบริการ ได้ขยายศูนย์ฯ/สาขาเพิ่มอีก โดยปัจจุบันบริษัทมีศูนย์ฯ/สาขารวม 102 แห่งทั่วประเทศ แยกเป็นศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน 70 แห่ง ส่วน ที่เหลืออีก 32 แห่ง เป็นสาขาที่มีหน้าที่ในการรับงานประกันภัยทั้งหมด

“นโยบายของเราคือ ต้องการให้ศูนย์ปฏิบัติสามารถบริการสินไหมให้กับลูกค้าได้มากที่สุด รวมไปถึงสินไหมด้านนอนมอเตอร์ด้วย โดยคาดว่าในเดือนหน้าจะเพิ่มศูนย์ฯ อีก 1 แห่ง และปีหน้าน่าจะเพิ่มอีกเพียง 10 แห่ง เพราะที่มีอยู่ถือว่าครอบคลุมมากแล้ว”

นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ดูแลด้านการรับประกันประเภทนอน มอเตอร์ กล่าวว่า คาดว่าถึงสิ้นปีน่าจะได้เบี้ยนอนมอเตอร์ถึง 1,000 ล้านบาท โดย 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทพัฒนาตลาดนอน มอเตอร์ มาตลอด ทั้งด้านบุคลากรและระบบงานต่างๆ โดยเฉพาะระบบงานด้านสินไหมทดแทน ซึ่งวิริยะมีความชำนาญด้านประกันมอเตอร์อยู่แล้ว จึงต้องเสริมในเรื่องของนอน มอเตอร์ เข้าไป โดยเน้นพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการจ่ายสินไหมให้สามารถบริการสินไหมทั้งมอเตอร์ และนอน มอเตอร์ ได้มีประสิทธิภาพเหมือนกัน รวมไปถึงการพัฒนาตัวแทนให้มีความรู้ด้านนอน มอเตอร์ มากขึ้น เพื่อให้การขยายตลาดเป็นไปได้เร็วขึ้น

ด้าน นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด กล่าวว่า จากภาวะวิกฤติการเงินที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้ทำให้สินทรัพย์ลงทุน ของบริษัทด้อยค่าลง โดยการลงทุนในหุ้นของบริษัทมีมูลค่าประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ลดลงไปประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงการลงทุนในหุ้นไว้เท่าเดิม ยังไม่มีการขายทิ้งเพราะอาจจะทำให้บริษัทขาดทุนเพิ่มได้ แต่เชื่อว่าตลาดคงไม่ลงไปมากกว่านี้ อีกทั้งส่วนใหญ่เน้นการลงทุนในหุ้นบลูชิพซึ่งเชื่อว่าในระยะยาวน่าจะดี และไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ

“เรามีพอร์ตลงทุนรวม 12,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินสด โดยกระจายฝากในสถาบันการเงินที่มั่นคง ส่วนหุ้นเชื่อว่าคงไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว หากขายไปอาจจะทำให้ขาดทุนเพิ่ม แต่ภาวะการขาดทุนในหุ้นจะไม่กระทบกับกำไรในปีนี้ มั่นใจว่าสิ้นปีบริษัทยังมีกำไรเพิ่มซึ่งโดยเฉลี่ยบริษัทมีกำไร 200 ล้านบาทต่อปี”

อย่างไรก็ดี ด้วยสภาพสินทรัพย์ลงทุนของบริษัทที่ด้อยค่าลงไปส่งผลถึงเงินกองทุนของบริษัท เช่นกัน ซึ่งตามมาตรฐานขั้นต่ำ 150% ที่กฎหมายกำหนดนั้น ขณะนี้เงินกองทุนของวิริยะฯ ยังสูงกว่าขั้นต่ำ โดยอยู่ที่ 160-170% แต่เมื่อหลักทรัพย์ด้อยค่าลงจึงได้หารือกับผู้ถือหุ้นว่า ควรจะทำอย่างไรเพื่อให้มูลค่ากลับมาคงเดิม และไม่ให้เงินกองทุนอยู่ในระดับปริ่มใกล้กับขั้นต่ำเกินไป ดังนั้น ผู้ถือหุ้นจึงมีมติเพิ่มทุนอีก 600 ล้านบาท โดยภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเข้ามาก่อน 300 ล้านบาท เพื่อให้ระดับเงินกองทุนสูงเป็น 200% ส่วนอีก 300 ล้านบาทที่เหลือ จะดูตามความจำเป็นก่อนว่าควรจะต้องเติมเข้ามาเมื่อใด เพราะเงินกองทุนที่มีอยู่ประมาณ 2,600 ล้านบาท ถือว่าเพียงพอต่อการขยายธุรกิจได้คล่องตัวขึ้น

ส่วนแผนการขยายธุรกิจ บริษัทวางเป้าหมายอีก 4 ปีข้างหน้า หรือปี 2555 เบี้ยในแต่ละประเภทการรับประกันของวิริยะต้องขึ้นมาอยู่อันดับท็อปเทนของ ตลาดให้ได้ จากนั้นนับไปอีก 4 ปี คือ ในปี 2559 จะต้องขึ้นมาอยู่ในท็อปไฟว์ ซึ่งการที่จะขึ้นไปยืนในท็อปเทนได้ทุกประเภทจะต้องมีส่วนแบ่งตลาดในทุก ประเภท 4% พร้อมกับวางเป้าหมายสัดส่วนงานมอเตอร์กับนอน มอเตอร์ ไว้ที่ 80:20 จากปัจจุบันกว่า 90% ยังเป็นงานมอเตอร์ และในปี 2552 จะทำให้ทั้ง 70 ศูนย์ปฏิบัติการสินไหม สามารถจ่ายสินไหมได้ทั้งมอเตอร์ และนอน มอเตอร์ ได้ทั้งหมด

http://www.siamturakij.com
ที่มาของข่าว :: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 943 29-31 ต.ค. 2551หากท่าน สนับสนุนการนำเสนอข่าวสาร เมื่ออ่านเสร็จแล้ว ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยครับ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ
[url=http://vgetone.com/Promotion.html]คลิ๊กที่นี่ ดูโปรโมชั่น[/url]

หรือโทร.
คุณวินทัต ตันยะกุล
Express Center
Tel. : 0 2939 0923
Mobile : 089 255 8749
Fax : 0 2939 0919
www.vgetone.com
โดย: jigcho   วันที่: 30 Oct 2008 - 11:08