กรุงเทพฯ ลอยลำกองทุนหมื่นล.สูงถึง 250%
กรุงเทพฯ ลอยลำกองทุนหมื่นล.สูงถึง 250% โปะเบี้ยค้างรับเกิน 60 วัน สบาย
กรุงเทพฯ ลอยลำเงินกองทุนมโหฬารกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท มากกว่าเบี้ยสุทธิ 3 เท่าครึ่ง เผยเอสแอนด์พีจัดอันดับเงินกองทุนแข็งแกร่ง 280% นอกจากไม่ต้องเพิ่มทุน ยังรองรับเบี้ยค้างรับเกิน 60 วัน ได้สบาย เดินหน้าขยายจุดขาย BKI Care Station ตามห้างดังในเมืองกรุง-ตจว.ผุดแล้ว 10 จุด หลังยอดขายไปได้สวย บางสาขาโกยได้ถึง 200,000 บาทต่อเดือน ปีหน้าชะลอเหตุเปิดได้ครอบคลุม คาดผุดอีกไม่เกิน 3 แห่ง เล็งเชียงใหม่
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) (BKI) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีเงินกองทุนประมาณ 12,000 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3 เท่าครึ่งของเบี้ยรับสุทธิในปีที่ผ่านมาที่มีกว่า 4,000 ล้านบาท มากที่สุดในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ซึ่งทางบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินชั้นนำ จัดอันดับเงินกองทุนของบริษัทไว้ที่ระดับ 280% ขณะที่ส่วนตัวมองว่า ระดับเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายประมาณ 170-180% ก็เพียงพอแล้ว
“หากเทียบกับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เงินกองทุนเรามากกว่าเขา 3-4 เท่า เขารับงานมากกว่าเราเท่าหนึ่ง ดูจากเงินกองทุนแล้วเรายังรับงานได้อีกเยอะมาก หากวัดจากเบี้ยประกันที่รับประกันอยู่ยังต่ำกว่าศักยภาพเงินกองทุนที่มีอยู่ เป็นจำนวนมาก”
ตามกฎหมายประกันวินาศภัยฉบับปัจจุบัน บริษัทประกันภัยสามารถขายเบี้ยประกันได้ไม่เกิน 10 เท่าของเงินกองทุน นั่นหมายความว่า หากมีเงินกองทุน 12,000 บาท สามารถขายเบี้ยประกันภัยได้ถึง 120,000 บาท ซึ่งในปีที่ผ่านมา กรุงเทพประกันภัย มีเบี้ยรับตรง 6,727.50 ล้านบาท อยู่อันดับ 3 ของอุตสาหกรรม ขณะที่ในรอบ 7 เดือน ปีนี้ มีเบี้ยรับตรง 3,938.892 ล้านบาท
นายชัยกล่าวว่า การมีเงินกองทุนจำนวนมากยังสามารถรองรับเบี้ยประกันภัยค้างรับที่เกิน 60 วันได้ ซึ่งตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกัน ภัย (คปภ.) กำหนดเบี้ยประกันภัยค้างรับต้องไม่เกิน 60 วัน จึงจะประเมินค่าให้ ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางการเงินเพียงตัวเดียวที่กระทบกับบริษัทเพราะเบี้ยค้าง รับที่บริษัทมีอยู่ในตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2 เดือนครึ่ง หรือ 75 วัน เกินกว่าเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปหากมีเบี้ยค้างรับเกิน 60 วันมากจะยิ่งกระทบกับฐานะการเงิน เงินกองทุน หากเป็นบริษัททั่วไปที่มีเงินกองทุนไม่เพียงพอจำเป็นต้องเพิ่มทุน แต่กรุงเทพประกันภัยไม่ต้องเพิ่มทุน
สำหรับการขยายจุดบริการ BKI Care Station นายชัยกล่าวว่า ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 10 สาขา โดย 4 สาขาที่เพิ่งเปิดไปเมื่อไม่นานมานี้ คือ สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ชั้น B สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์ ชั้น 1 สาขาเซ็นทรัล พระราม 3 และสาขาฟอร์จูน ทาวน์ เพื่อตอบโจทย์นำแบรนด์เข้าถึงประชาชนหมู่มาก และอำนวยความสะดวกในการทำประกันภัยให้กับประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยแต่ละสาขามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 200,000-300,000 บาท
ส่วนยอดขาย หากเป็นสาขาที่มีอายุเกิน 2 ปี ซึ่งมีทั้งหมด 3 แห่ง คือ เซ็นทรัล รัตนนาธิเบศร์, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเดอะมอลล์ บางกะปิ มียอดขายเฉลี่ย 200,000 บาทต่อเดือน หากเป็นสาขาใหม่ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน อย่างที่ฟอร์จูนซึ่งทดลองขายอย่างไม่เป็นทางการมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว มียอดขายประมาณ 60,000 บาทต่อเดือน น่าพอใจ ตั้งเป้า 3 ปี ถึงจุดคุ้มทุน
นายชัยกล่าวว่า ปีหน้าจะเริ่มชะลอ การเปิดจุดขาย BKI Care Station เนื่องจากทั้ง 10 จุดที่มีอยู่ในปัจจุบันครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่แล้ว อาจจะเปิดเพิ่มอีกประมาณ 2-3 แห่ง เน้นต่างจังหวัดในพื้นที่ที่มีอำนาจซื้อสูง อาทิ เชียงใหม่
สำหรับ BKI Care Station ให้บริการขายประกันภัยประเภทต่างๆ ครบทุกความต้องการ ได้แก่ ประกันรถยนต์ ประกันอัคคีภัย ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง (ทีเอ) และประกันสุขภาพ ซึ่งสามารถส่งมอบกรมธรรม์ให้กับลูกค้าได้ทันที โดยอีก 3 สาขาที่เหลือ คือ เซ็นทรัล พระราม 2 สาขาสีลม คอมเพล็กซ์ และเซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดขายแรกในต่างจังหวัด
http://www.siamturakij.com
ที่มาของข่าว :: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 944 1-4 พ.ย. 2551หากท่าน สนับสนุนการนำเสนอข่าวสาร เมื่ออ่านเสร็จแล้ว ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยครับ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ
[url=http://vgetone.com/Promotion.html]คลิ๊กที่นี่ ดูโปรโมชั่น[/url]
หรือโทร.
คุณวินทัต ตันยะกุล
Express Center
Tel. : 0 2939 0923
Mobile : 089 255 8749
Fax : 0 2939 0919
www.vgetone.com
