Close this window

วิธีแก้ พวงมาลัยลื่น ค่ะ
ไม่ทราบว่า เรียกถูกไหมนะคะ อาการนี้คือ รู้สึกว่าพวงมาลัยลื่นเกินไป เวลาวิ่งผ่านทางครุคระแล้ว พวงมาลัย ดึงขวาดึงซ้าย แต่ถ้าจับนิ่ง รถก็วิ่งตรงดี ไม่มีอะไร แต่พอขับทางไกลแล้วรู้สึกไม่ดี จึงตัดสินใจเอาเข้าศูนย์ค่ะ (ไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยไม่กล้าเอาเข้าที่อื่น)

ช่างยกรถขึ้น เข้าไปดูระบบบังคับเลี้ยว และช่วงล่างด้านหน้า (เค้าเรียกงั้น?) ดูกันอยู่นาน ช่วยกันเขย่า จนแล้วจนรอด ช่างก็เดินมาถามว่า รถมีอาการอย่างอื่นไหมครับ เช่น จับพวงมาลัยนิ่ง แต่รถวิ่งส่ายไปมา หรือหมุนพวงมาลัยแล้วไม่คืนกลับ อะไรอย่างนี้ ก็ตอบกลับไปว่าไม่มีนะคะ ถ้าจับนิ่งๆ รถก็นิ่งค่ะ ช่างก็บอกต่อว่า จากการสังเกตุ ก็ไม่มีอะไรเสียหายหรือหลวมเลย.. ถ้าอยากจะให้ลองเปลี่ยน ก็ให้ลองเปลี่ยนที่ บู้ชปีกนกก่อน (มันคืออะไรหว่า??)

ฟังแล้วก็ยังงงว่า "ให้ลองเปลี่ยน" มันหมายความว่าไง? ก็เลยบอกไปว่าแน่ใจว่าเปลี่ยนแล้วหายนะคะ? ถ้าไม่หายเนี่ย เดี๋ยวหนูเอาเรื่องนะคะ? ช่างก็เลยไปคุยปรึกษากันใหม่ (ดูลักษณะเหมือนประชุมทีมฟุตบอล) เสร็จแล้วช่างอีกคนก็เดินมาบอกใหม่ว่า เท่าทีดูอะไหล่ทุกอย่างยังดูดีอยู่ เพราะรถวิ่งน้อย (ตั้งแต่ซื้อวิ่งมา 48000) แต่ยางน่าจะหมดสภาพแล้ว เพราะเกินอายุการใช้งานแล้ว (ยางกำลัง 4 ปี ระยะทาง 16000 กม. ดอกอยู่ครบ) อันนี้พอฟังได้ และก็ยอมรับว่ายางหมดสภาพแล้วเลยตัดสินใจ "ยอมเชื่อ" ไปลองเปลี่ยนยางดู

เริ่มจากการเปลี่ยนคู่หน้าก่อน (กลัวเปลี่ยนแล้วไม่หาย จะได้ไม่เสียเงินมาก) แล้วลองเอามาวิ่งดู ปรากฎว่า............. หายค่ะ!!! เอ้อดีใจจัง จากนั้นก็กลับไปเปลี่ยนอีก 2 ล้อหลัง และแถมตั้งศูนย์เป็นอย่างสุดท้าย เรียบร้อย สบายใจ จบแล้วค่ะ ช่างที่อู่ยางบอกว่า ยางหมดสภาพ จะทำให้พวกมาลัยหมุนง่าย เช่นถ้าล้อซ้ายดึง ล้อขวาที่หมดสภาพแล้วก็จะโดนดึงตามไปได้โดยง่าย ก่อเป็นอาการพวกมาลัยส่ายเวลาผ่านทางครุคระ (เค้าว่างั้นค่ะ?)

ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจนจบ อยากเล่าสู่กันฟังค่ะ เห็นพี่ๆบางท่านมีอาการปล่อยพวงมาลัยแล้ว เด้งไปมา แต่ถ้าจับแล้ว รถไม่ส่าย รถไม่สั่น ก็อาจจะเป็นเพราะยางเหมือนกันก็ได้นะคะ

(คิดอีกที ทนขับต่อก็คงจะดีมั้ง จะได้ไม่ต้องเสียเงินหมืน i-i)
รถเป็น โปรทีเจ้ 2.0 GT ค่ะ อยู่เชียงใหม่ค่ะ
โดย: โบ ค่ะ   วันที่: 22 Dec 2008 - 10:48


 ความคิดเห็นที่: 1 / 10 : 415298
โดย: Yut13
ตอนยางใกล้หมดอายุมันจะดังขึ้นและรู้สึกกระด้าง 4 ปีใช้ไป 16000 กิโลแสดงว่าไม่ค่อยไปไหนเลยนะของผมปีกับ 6 เดือนซัดไป 40000
วันที่: 22 Dec 08 - 11:02

 ความคิดเห็นที่: 2 / 10 : 415303
โดย: Switch_ON!
ผมว่าแบบนี้น่ามาจากเรื่องของศูนย์ล้อมากกว่านะ

อาการแบบนี้เรียกว่าหน้าไวครับ หรือหักทางไกนก็วูบไปทางนั้นเลย ปกติจะตั้งมุมโทเพื่อช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ได้
วันที่: 22 Dec 08 - 11:09

 ความคิดเห็นที่: 3 / 10 : 415305
โดย: นายหนึ่ง
คิดเหมือนท่านมาสเตอร์

แต่ยางครบ 4 ปี เปลี่ยนเสียก็ไม่ได้ได้เกินกว่าเหตุครับ

สรุป ยินดีด้วยครับ
วันที่: 22 Dec 08 - 11:14

 ความคิดเห็นที่: 4 / 10 : 415314
โดย: หนุ่ม Cronos 5D V6 + LPG
วันที่: 22 Dec 08 - 11:32

 ความคิดเห็นที่: 5 / 10 : 415332
โดย: totsaporn
แล้วตอนแรกที่บอกว่าเปลี่ยนบูชปีกนกเนี่ย....
วันที่: 22 Dec 08 - 12:12

 ความคิดเห็นที่: 6 / 10 : 415375
โดย: Aneka
ดีใจด้วยครับ ที่เปลี่ยนแล้วหายเลย
ได้ความรู้เพิ่ม จริงๆก็คิดเหมือนช่างนะว่าน่าจะเป็นพวก บุชหรือ ลูกหมากต่างๆ
วันที่: 22 Dec 08 - 16:14

 ความคิดเห็นที่: 7 / 10 : 415388
โดย: โบ ค่ะ
ถูกอย่างคุณ Switch_ON! บอกค่ะ
มีบางประโยคที่ได้ยินมา
ช่างบอกว่า ยางเก่า แข็งและกลมแล้ว
เลยทำให้มุมโทเปลี่ยน ตั้งศูนย์ช่วยได้ แต่ไม่จบ

ฟังๆดูแล้ว โบก็เลยงง (มุมโทมันคืออะไร?)
กลัวว่ามันจะทำอะไรรถเราหรือเปล่า? (ถ้าเป็นที่ยางก็แก้ที่ยางซิ?)
เห็นว่าไม่จบ ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนมันเลยดีกว่า

จากเรื่องที่เล่ามาข้างต้นแล้ว + ฟังจากคุณ Switch_ON! แล้ว
i-i x2 รู้งี้ตั้งศูนย์ให้พอวิ่งได้แล้วใช้ไปก่อนดีกว่า
เพราะว่าไม่ค่อยได้ไปไหนอยู่แล้ว

ขอบคุณมากค่ะ i-i.............
วันที่: 22 Dec 08 - 17:10

 ความคิดเห็นที่: 8 / 10 : 415517
โดย: sawa
วันที่: 23 Dec 08 - 09:06

 ความคิดเห็นที่: 9 / 10 : 415573
โดย: อะตอม
"ให้ลองเปลี่ยน".....(มึนๆ)
เปลี่ยนแล้วหายนะคะ?....(งงๆ)
เดี๋ยวหนูเอาเรื่องนะคะ...(ชอบตรงนี้แหละ)
ปรึกษากันใหม่....(ทำไม?...ไม่ทำแต่แรกหว่า)
"ยอมเชื่อ" ไปลองเปลี่ยนยางดู....(เสี่ยงเป็นเสี่ยง สู้ตายคะ)

ดีใจด้วยคับ

(คิดอีกที ทนขับต่อก็คงจะดีมั้ง จะได้ไม่ต้องเสียเงินหมืน i-i) .... (อันนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ)
วันที่: 23 Dec 08 - 11:42

 ความคิดเห็นที่: 10 / 10 : 417320
โดย: sanroof
ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านเท่าไรนัก แวบๆอยู่แต่ห้อง classified ซะมากกว่า

ขอบคุณที่นำข้อมูล เรื่องดีๆมาเผยแพร่กัน คนอื่นจะได้นำไปใช้บ้าง เมื่อพบปัญหา

ที่คุณเล่ามา ช่างก็ทำถูกวิธีขั้นตอนแล้ว คือยกรถตรวจเช็คช่วงล่าง
เมื่อไม่พบสิ่งหรือชิ้นส่วนที่ชำรุดเสียหาย ก็ต้องอาศัยประสพการณ์ คาดเดาจากจุดนั้นจุดนี้
โดยจากสิ่งเล็ก ง่ายๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน แล้วนำเสนอกับลูกค้าก่อนเพื่อร่วมกันตัดสินใจ
ดีกว่าบางอู่ เข้าไปแล้วจับเปลี่ยนอะไหล่ไปเลย อาจไม่หายด้วยซ้ำ
สิ่งที่น่าเจ็บใจคือ เสียเงินฟรี เสียอะไล่ของแท้ที่ติดมากับรถ แต่ได้อะไหล่เทียมใส่แทน
แบบนี้มีมามากนักต่อนักแล้ว เพราะช่างก็หวังว่าจะหาย

เช่นเดียวกับปวดหัว ไปพบหมอ หมอก็จ่ายยาแก้ปวด อาจหายบ้าง ไม่หายบ้าง
ไม่หายก็กลับไปใหม่ รับยาใหม่ เสียเงินใหม่ นานเข้าอาจต้องเปลี่ยน คลินิค หรือ รพ.อีกที่
กว่าจะพบต้นเหตุ บางทีก็ต้องหลายหมอก็มี
แต่ค่าใช้จ่ายก็ต้องรับกันไป อย่างดีก็เสียศรัทธากันไปแค่นั้นเอง

ขอชมเชยช่างที่นั่น.....ที่ยังหารือกัน แบบทีมฟุตบอล ที่คุณบอกมา หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว
วันที่: 30 Dec 08 - 09:12