Close this window

รบกวนขอคำปรึกษาและความเห็น ซ่อมต่อไป VS ยกเครื่องใหม่
เริ่มจากสังเกตุเห็นว่าน้ำในหม้อพักมันมันยอมไหลกลับตอนเครื่องเย็น เช้าเปิดฝาหม้อน้ำมีแรงดันน้ำล้นออก สตาร์เครื่องมีฟองอากาศอันไปที่หม้อพักเรื่อยๆ แต่ยังไม่เจอน้ำมันเครื่องปนกับน้ำหล่อเย็นหรือน้ำหล่อเย็นเข้าไปผสมกับน้ำมันเครื่อง สงสัยว่าประเก็นฝาสูบจะมีปัญหา ปรึกษาช่างบอกว่าถ้าเปิดมาแล้วก็ควรจะเช็คไปด้วยเลยว่าฝาโก่งหรือไม่ อาจจะโก่งเล็กน้อยก็ได้
อยากขอคำแนะนำว่าจะซ่อมแก้ไขเรื่องฝาสูบหรือประเก็นไปก่อน หรือจะใช้ให้มันพังแล้วยกเครื่งใหม่ไปเลย เนื่องจากตอนนี้รถวิ่งมา 250,000 กม. แล้ว เกียร์ออโต้ก็เริ่มมีอาการไม่ค่อยดี ซีลทอล์ครั่ว โอริงของเกียร์ข้างบนสองตัวก็น้ำมันซึม เครื่องเย็นใส่เกียร์ D ไม่ยอมวิ่งเป็นบางครั้งแล้ว

- ถ้าซ่อม ค่าประเก็นฝาสูบคงไม่เกิน 2,000 ค่ายางตีนวาล์ว 16*300 = 4,800 ค่าปาดฝา+ค่าแรง ซัก 2,000 รวมๆ ก็คงซัก 9,000 - 10,000 บาท และอนาคตคงต้องยกเกียร์ อีกซัก 15,000 บาท รวมก็ราว 25,000
- ยกเครื่องใหม่เท่าที่คุยกับช่าง เครื่องบล็อคเดิม bp-1800 ตาตี่ พร้อมเกียร์ น่าจะจบไม่เกิน 40,000 บาท ส่วนต่าง 15,000 บาท ได้ความสดของเครื่องมาแทน

รถผมเป็นตาตี่ '97 ไมเนอร์ฯ เป็นตัวเกียร์ไฟฟ้า จานจ่ายปลั๊กเดียวแล้ว ช่างแนะนำว่าถ้ายกใหม่ให้ใช้ตัวก่อนไมเนอร์ดีกว่า อะไหล่หาง่ายกว่า

พี่ๆ เพื่อนๆ คิดว่าเลือกทางไหนดีครับ ตอนนี้รถก็ยังใช้ได้ปกติอยู่ ก็มีแต่เจ้าฟองอากาศที่ดันไปหม้อพักเรื่อยๆ แต่น้ำไม่ล้นออก ความร้อนไม่ผิดปกติอะไร
โดย: Triple "C"   วันที่: 7 Dec 2009 - 14:30


 ความคิดเห็นที่: 1 / 11 : 527896
โดย: Triple "C"
อ้อ.. มันต้องบดวาล์วด้วยใช่มั๊ยครับ รถกินแก๊สยิ่งสมควรจะต้องบดใช่มั๊ยเพราะบ่าวาล์วสึกมากกว่า แต่รวมๆ ก็คงไม่เกิน 10,000 น่าจะอยู่ใช่มั๊ยครับ แล้วกรณีปาดฝาเนี่ยจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมั๊ยครับ เช่น ความร้อนขึ้น, กินน้ำมันมากกว่าเดิม หรือปัญหาอื่นๆ อีก

ลป. ถ้าเปลี่ยนฝาเลยก็ไม่ต้องบดวาล์วและเปลี่ยนยางตีนวาล์วใช่มั๊ยครับ ระหว่างปาดฝากับเปลี่ยนฝาราคาก็คงพอกันรึป่าวครับ ... การเปลี่ยนฝาน่าจะเป็นอีกทางเลือกรึป่าวครับ แต่เห็นช่างบอกว่าช่วงนี้ฝา bp หายากหน่อย ส่วนใหญ่มันยกมาทั้งเครื่อง ถ้าเปลี่ยนฝาเป็นฝาเครื่องยกลงก็กลัวจะไม่จบอีกน่ะครับ
วันที่: 07 Dec 09 - 14:41

 ความคิดเห็นที่: 2 / 11 : 527899
โดย: _god_
ยกเครื่องเลยดีกว่าครับ ของผมก็เล็งๆอยู่อยากจะลง v6 แต่งบไม่ถึง ค่าเครื่องประมาณนั้น ค่าวางตรงรุ่นน่าจะถูกกว่านี้เพราะไม่ต้องเดินระบบไฟใหม่(คิดว่าอย่างนั้นนะครับ)แต่รวมๆแล้วก็ประมาณนั้นละครับ ค่าของเหลว แอร์ ของผมก็แย่แต่ขับได้ขับไปก่อนครับ เงินทองหายาก รอจังหวะดีๆ มีคนยกเครื่องลง โพสขายถูกๆ จะได้ประหยัดเงิน ปล.ถ้ามีเครื่องมาต้องแย่งกับผมหน่อยละ ตาตี่เหมือนกันครับ แต่เกียร์รรมดา
วันที่: 07 Dec 09 - 15:04

 ความคิดเห็นที่: 3 / 11 : 527901
โดย: Triple "C"
อึม.. งั้นถ้ายกเครื่องผมเปลี่ยนเป็นเกียร์แมนฯ มั้งก็ดีเนอะ จะได้แย่งกะคุณ _god_ น่ะ

... ครับกาตังค์หายาก ค่อยๆคิด ไปเรื่อยๆ ก่อนระหว่างที่มันยังใช้ได้อยู่

... คนรอบข้างก็ยุให้ขายจั๊ง (มิรู้หรอกว่าขายก็ได้แค่ค่าซ่อม กะค่าทำนิดๆหน่อยๆคืนเองอ่ะ)
วันที่: 07 Dec 09 - 15:14

 ความคิดเห็นที่: 4 / 11 : 527934
โดย: nu_rayong
ผมยกเครื่องใหม่มาครับ เครื่องเก่า heat จนไปที่ชอบแล้ว ยกเครื่องใหม่แล้วเครื่องเงียบกว่าเมื่อก่อนมากๆๆๆๆๆ เอารถไปทำที่ไหนทุกคนถามหมดว่าวางเครื่องใหม่หรอ เพราะตอนติดเครื่องทิ้งไว้แทบไม่ได้ยินเสียง แต่เครื่องผมให้พี่แดงแกหาให้นะครับไม่ได้เลือกเอง ไม่รู้ว่าจะได้อย่างนี้ทุกเครื่องรึเปล่า
วันที่: 07 Dec 09 - 19:01

 ความคิดเห็นที่: 5 / 11 : 527941
โดย: Switch_ON!
แล้วเอาไปวัดกำลังอัดกระบอกสูบดูรึยังครับ ถ้ากำลังอัดปกติ และทิ้งเอาไว้สักพักกำลังอัดไปลดลงเร็วจนเกินระดับมาตราฐาน ก็ไม่ต้องไปทำอะไรกะมันหรอกครับ กังวลเกิดเหตุไปก็ไม่ได้ (แต่ถ้ายังสงสัย ก็มั่นเช็คน้ำทุก ๆ เช้าก็พอ)

ถ้าฝาสูบมีปัญหาจริงล่ะก็ กำลังอัดไม่ปกติแน่ ๆ ครับ เพราะมันรั่วออกไปทางหม้อน้ำได้ส่วนนึงแล้ว
วันที่: 07 Dec 09 - 19:23

 ความคิดเห็นที่: 6 / 11 : 527954
โดย: Méchant (charu)
บีพีที.....บีพีที...... บิพีที ฮู้เล่ๆฮ่าๆ
วันที่: 07 Dec 09 - 19:55

 ความคิดเห็นที่: 7 / 11 : 527978
โดย: Triple "C"
ยังไม่ได้วัดเลยครับพี่ภู ตอนแรกตั้งใจว่าจะวัดดำลังอัดดูก่อน คุยๆ กับช่างไปเรื่อยๆ พลานลืมไปเลย ทั้งๆที่ตอนแรกคุยกับลูกน้องเค้าก็บอกว่าคงต้องวัดกำลังอัดดูก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้วัด เดี๋ยวจะลองไปวัดดูโดยเฉพาะเลยดีก่า ... ผมก็คิดเหมือนกันว่าผมกังวลเกินเหตุ วิตกจริตรึป่าวเนี่ย ตั้งแต่เจอหม้อน้ำรั่วไปสองใบใน 3 เดือน และเจอพัดลมเดี้ยงอีกใน 2 เดือนถัดมา เลยกลายเป็นโรคจิตไปแล้ว ขับรถต้องเหล่เกจ์วัดความร้อนถี่พอๆ กะมองกระจกข้างเลยเหอะ และดูน้ำในหม้อพักทุกวันถึงได้เจอว่าน้ำในหม้อพักมันไม่ลดลงน่ะครับ เลยประสาทกินหนักเข้าไปอีกเลยทีนี้

ขอบคุณคับทุกความเห็นนะครับ

ส่วน BP-T นี่ต้องขอ bye แหละคับ คุณ Méchant ใจน่ะอยากนะ หรือจะ KF / KL ก็อยากทั้งนั้นแหละครับ แต่กาตังค์ในเป๋าไม่อาจสนองตันหาได้นะครับ

... เดี๋ยวไปหากระทู้ป๋ายุทธก่อนเห็นแกโพสต์ ไว้ว่ากะลังอัดมันควรจะเป็นเท่าไหร่ แต่ละสูบไม่ควรต่างกันเท่าไหร่

จะพยายามคิดให้ได้ว่า ... มีให้ใช้ก็ใช้ไป
วันที่: 07 Dec 09 - 20:48

 ความคิดเห็นที่: 8 / 11 : 527996
โดย: Triple "C"
แง่ว... หาที่ป๋ายุทธโพสต์ไว้ไม่เจอ แต่คุ้นๆว่าความต่างของแต่ละสูบไม่ควรเกิน 28 ประมาณนั้น
หาเจอแต่ที่คุณบอลเคยวัดไว้ว่าเคยได้ถึง 180-190 ตอนซื้อรถมา และ เหลือ 170-180 ก่อนเครื่องฮีท หลังฮีท เหลือ 120-140
ใครพอทราบมั้งครับว่าค่าที่อยู่ในเกณฑ์ปกติของตาตี่มันควรอยู่ที่เท่าไหร่ครับ
วันที่: 07 Dec 09 - 21:43

 ความคิดเห็นที่: 9 / 11 : 528005
โดย: T
ถ้าออยล์เกียร์ที่อยู่ในหม้อน้ำรั่ว มันจะเป็นยังไงครับ น้ำมันเกียร์เข้าหม้อน้ำ / น้ำหล่อเย็นเข้าเกียร์ แรงดันในท่อออลย์เกียร์ ก็ไม่น่าจะดันเป็นฟองอากาศเนอะ เฮ้อ ... ประสาทแล้วเรา เลิกคิดไปนอนเก็บแรงไว้หาตังค์ซ่อมรถดีก่า ...
วันที่: 07 Dec 09 - 22:05

 ความคิดเห็นที่: 10 / 11 : 528490
โดย: Triple "C"
พรุ่งนี้จะไปวัดกำลังอัดดูอีกที สมมติว่ากำลังอัดยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ผิดปกติมาก จะเป็นไปได้มั๊ยครับว่ามีปัญหาแค่ประเก็นฝาสูบ เผื่อว่าจะแค่เปิดออกมาเปลี่ยนประเก็นอย่างเดียว ไม่ปาดฝา ไม่บดวาล์ว ไม่เปลี่ยนยางซีลวาล์ว
... เค้าทำกันรึป่าวครับ เผื่อจะทู่ซี้ใช้ไปได้อีกซักพักใหญ่ๆ ให้เกียร์พังไปด้วยเลย เพราะลองถามโกดังพี่สุดก็ไม่มีฝาสูบซะด้วยซิ ถ้าจะเอาฝาของเครื่องยกลงก็ไม่อยากเสี่ยง
วันที่: 09 Dec 09 - 22:28

 ความคิดเห็นที่: 11 / 11 : 528512
โดย: Triple "C"
Title: ปัญหา ประเก็นฝาสูบแตก/ฝาโก่ง

>> ฝาสูบโก่งก่อนละกันครับ
1. สาเหตุคืออะไรบ้างครับ
>> ความร้อนที่มากเกินไปไงครับ (เค้าตอบมากันทุกคนแล้ว.... :3-1:) กับเกลียวยึดฝาสูบรูดหรือสลักเกลียวขาดอันนี้มักจะเกิดกับเครื่องที่เคยเปิดฝามาแล้ว (และประกอบกลับโดยละเลย ไม่ยอมทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด) หรือโมมาหนักเกิน (16ลิ้นแนบหอยนี่ ระวังเด้อ....อ....) หรือ อัดซะ....ะ.....ะ......(คนขับโมมาแรง)

2. วิธีป้องกัน
>> ดูแลระบบระบายความร้อนไงครับ และถ้าเปิดฝาสูบมาแล้ว ตอนประกอบต้องทำตามขั้นตอนของคำแนะนำจากผู้ผลิตโดยเคร่งครัดครับ :09: อ้อ...เข็มวัดความร้อนในรถน่ะ พอมีอายุระดับ 10 ปีขึ้นนั้น แค่พอ"ดูได้" เท่านั้นนะครับ ถ้ามีโอกาสได้เข้าอู่ VW ให้ช่างเค้าเสียบ VAG COM วัดเพื่อเทียบกับเข็มดูบ้างนะครับ อาจเจอกับอาการให้น่าตกใจเล็กน้อย ที่ว่าเข็มนิ่งๆที่ 90 นั้น ของจริงอาจไม่ใช่ 90 นะครับ จะโก่งได้ 100% ก็คืออัดๆอยู่แล้วน้ำ"แห้ง"แล้วยังอัดอยู่ครับ โก่งแน่ๆ โก่งชัวร์ๆครับ

3. สามารถเช็คได้ยังไง
>> คือตามปกตินะครับ ถ้าฝาโก่งโดยที่ประเก็นฝาสูบไม่แตกนี่ เราไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะมันยังมีน๊อตฝาสูบยึดไว้อยู่ ถ้าสลักฝาสูบ+น๊อตยังดีอยู่ เราจะรู้ว่าโก่งก็ต่อเมื่อถอดออกมาแล้วถึงจะวัดได้ครับ

4. อาการเวลาขับเป็นยังไง
>> จากข้อ 3. ก็คงพอจะนึกออกนะครับ ว่าเวลาขับ อาการก็เหมือนปกติทุกอย่าง จนกระทั่งประเก็นฝาสูบแตกนั่นแหละครับ

5. แล้วจะซ่อมหรือเปลี่ยนยังไง อะไรบ้าง
>> ก็ตามอาการแหละครับ เปิดฝาสูบออกมาแล้ววัดดู ถ้าโก่งไม่เกินค่าที่กำหนดโดยผู้ผลิต ก็ไม่ต้องทำอะไรใช้ฝาเดิมได้(แต่ต้องดูเรื่องร้าว/แตก ด้วยนะครับ) แต่ส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะให้เปลี่ยน สลักเกลียวยึดฝาสูบใหม่ทุกครั้งที่มีการเปิดฝาสูบครับ เนื่องจากมันอาจสูญเสียความแข็งแรงไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถรับแรงได้เหมือนเดิม ทำให้ยืดตัว(แต่ไม่ขาด) หรือ ขาด หรือเกลียวรูด ขณะใช้งานได้ครับ ทำให้แรงกด ณ จุดนั้นหายไป ประเก็นตรงจุดนั้นจึงไม่แนบสนิทกับฝาสูบและเสื้อสูบแน่นพอที่จะสามารถระบายความร้อนได้ทัน เนื่องจากประเก็นส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่ทนความร้อนได้น้อยกว่าฝาและเสื้อ จึงไหม้และ"แตก"
>> แต่ถ้าโก่ง ก็ต้องปรับให้เรียบครับ จะปาด หรือ ไส หรือ ขัด หรือ เจียร์ ก็ว่ากันไป ในรถ OHC (Over Head Camshaft) ทั้งหลาย ทั้งแคมคู่และใน...เอ๊ย....เดี่ยว (ในยุคหนึ่ง GM มีเครื่องที่ตั้งชื่อว่า Cam In Head ก็รวมอยู่ด้วย) การปาดฝานอกจากจะทำให้กำลังอัดเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้องศาการเปิดและปิดวาล์ว ช้าลงด้วยนะครับ แล้วถ้ามี Camshaft Position Sensor เกาะอยู่กับแคมด้วยหล่ะก็ จะเจออาการไฟอ่อนพ่วงไปด้วย ล้วนแต่เป็นอาการที่ทำให้ความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติทั้งหมดครับ ส่วนเครื่องตะเกียบทั้งหลาย นอกจากกำลังอัดที่เพิ่มขึ้นแล้วที่เหลือไม่มีผลครับ กำลังอัดที่สูงขึ้นสามารถแก้ได้ด้วยการ"ปาด"ผนังห้องเผาไหม้หรือหัวลูกสูบ(ต้องดูว่าตรงไหน หนา พอด้วยไม่งั้น"ทะลุ")ออก ให้มีปริมาตรมากเท่าเดิม(และต้องเท่าๆกันทุกสูบด้วย) ส่วนใหญ่ก็ใช้หินเจียร์หัวเล็กๆธรรมดานี่แหละครับ แต่บางเครื่องหัวลูกสูบ"ยื่น"เข้าไปในห้องเผาไหม้ด้วย อันนั้นคงต้องพึ่งแท่นคว้านครับ ส่วนองศาแคม ต้องทำแบบรถแต่งไงครับ โดยการใช้"ลิ่มเยื้อง" หรือ เปลี่ยนเฟืองแคม ให้เป็นแบบ "สไลด์"เฟืองแคมได้ ทำให้สามารถปรับองศาการเปิด/ปิดวาล์วสัมพันธ์กันกับระยะของฝาสูบที่ถูกปาดทิ้งไปได้อย่างถูกต้อง การแก้ไขที่ว่ามาทั้งหมดนั้น "ทำ" ได้ไม่ยากครับ แต่จะ"วัด"ให้ได้ค่าที่ถูกต้องนั้น หาคนทำได้ในราคาที่ถูกใจได้ยากมากครับ

>> ส่วนประเก็นฝาสูบแตกนั้น
1. สาเหตุคืออะไรบ้างครับ
>> นอกจากหมดอายุคือโดนน้ำที่มีสนิม(เพราะไม่มีน้ำยาระบายความร้อน)กัดเซาะ หรือ ถูกกัดกร่อนจากการผสม น้ำยาระบายความร้อนต่างสีเข้าด้วยกัน (เช่นผสม VW สีฟ้า (G11) กับ VW สีแดง (G12) เข้าด้วยกัน) แล้ว ก็มาจากข้างบนแหละครับ เนื่องจากได้รับความร้อนสูงเกินจุดที่มันจะรับได้ ทำให้มันไหม้จน"แตก"หักเสียหายครับ

2. วิธีป้องกัน
>> ตามเรื่องฝาสูบโก่งข้างบนครับ

3. สามารถเช็คได้ยังไง
>> เนื่องจากประเก็นฝาสูบส่วนใหญ่จะต้อง"ซีล"ของไหล 3 อย่างไม่ให้ออกไปข้างนอกเครื่องยนต์โดยไม่ต้องการ และ ไม่ให้พบกัน ของไหลที่ว่าก็คือ
>> 1. ไอดี/แรงอัด/ไอเสีย ในห้องเผาไหม้
>> 2. น้ำระบายความร้อน
>> 3. น้ำมันเครื่อง
>> ดังนั้นการเช็ค หรือตรวตสอบก็ต้องอาศัยการสังเกตจากการผสมกันของ 3 ของไหลข้างต้นคือ
>> 1 เจอ 2 เราจะสามารถสังเกตได้ก่อนว่า น้ำระบายความร้อนหายไปโดยไม่รั่วออกมาข้างนอกให้เห็นร่องรอย แต่สิ่งที่บ่งบอกเรื่องนี้ได้ชัดที่สุดคือ"กลิ่น"ควันไฟ หรือ กลิ่นการเผาไหม้ในระบบระบายความร้อนโดย"ดมกลิ่น"น้ำในระบบ (ก็เปิดฝาหม้อน้ำ หรือ หม้อพักไง) เรียกว่าสำหรับหม้อยุโรป ให้เปิดฝาเติมน้ำ แล้วดมน้ำในหม้อ ถ้ามีกลิ่นที่ว่าหล่ะก็ ชัวร์ครับ โดนมาแล้วแน่นอน พออาการหนักมากๆ จะเดินเบาไม่เรียบ(กำลังอัดรั่วเฉพาะสูบที่แตก) พร้อมมีหยดน้ำกระเด็นออกมาทางท่อไอเสีย
>> 1 เจอ 3 อันนี้ในขั้นต้นเราดูลำบากมาก เพราะรถยนต์ยุคนี้ เอาไอน้ำมันเครื่องไปเผาไหม้ซะหมด แล้วก็ดูจากควันท่อไอเสียไม่ออกด้วย เพราะมันยังน้อยๆอยู่ นอกจากเราจะซน ไปเปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องตอนเครื่องติดและร้อนแล้ว จะพบไอน้ำมันเครื่องพุ่งออกมาเยอะมากกว่าปกติ (แต่ถ้าไม่เคยเปิดดูในลักษณะนี้มาก่อน ก็อาจไม่ทราบว่าผิดปกติก็ได้ครับ) ซึ่งเป็นอาการเดียวกันกับแหวนหลวม ดังนั้นถ้าเริ่มแตก อาการจะยังไม่ออกจนกว่าจะแตกใหญ่พอที่จะทำให้ เดินเบาไม่เรียบ น้ำมันเครื่องหายเร็วโดยไม่รั่ว เราก็จะรู้สึกได้ว่าผิดปกติ
>> 2 เจอ 3 สังเกตได้ง่ายที่สุด เราจะพบชาใส่นม หรือ กาแฟใส่นมในอ่างน้ำมันเครื่องครับ บวกกับน้ำมันในหม้อน้ำ หรือ หม้อพักน้ำ

4. อาการเวลาขับเป็นยังไง
>> 1 เจอ 2 และ 2 เจอ 3 จะมีผลทำให้ความร้อนขึ้นสูงเมื่อขับเร็ว หรือ อัดหนักๆ ส่วน 1 เจอ 3 นั้นน่าจะมีอาการควันออกท่ออุ่ยๆตลอดเวลาที่เครื่องร้อนได้บ้างครับ แต่ทั้ง 3 แบบ การขับขี่จะไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มแรก ต้องอาศํยความรัก ดูแล เอาใจใส่ ตรวจสอบอย่างดี จึงจะพบอาการครับ

5. แล้วจะซ่อมหรือเปลี่ยนยังไง อะไรบ้าง
>> 1 เจอ 2 และ 1 เจอ 3 ก็คงแค่เปลี่ยนประเก็นฝาสูบและอะไหล่พ่วง(ชิ้นส่วนที่ผู้ผลิตกำหนดนั่นแหละครับ) ส่วน 2 เจอ 3 คงต้องมีรายการล้างเครื่อง (Flushing) ล้างระบบระบายความร้อน เปลี่ยนท่อยางระบบระบายความร้อน และแน่นอน ประเก็นฝาสูบและอะไหล่พ่วง รวมถึง น้ำมันเครื่อง+ไส้กรองด้วยนะครับ

Post by: คนรักรถ on September 23, 2009, 09:25:18 PM
VW WaterCooler Club!

เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ บ้างนะครับ
วันที่: 10 Dec 09 - 00:26