ขอขอบคุณ คุณโต้ง Mazda 3 อีกครั้ง
กับเนื้อหาในหัวข้อนี้ครับ

โดย: จะเด็ด   วันที่: 14 Mar 2010 - 22:17

 ความคิดเห็นที่: 1 / 15 : 550260

โดย: จะเด็ด

หลายคนอาจจะคิดว่ารถแรงม้าเยอะ เหยียบแล้วจะพุ่งเลย แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้น
ความรู้สึกที่ว่ารถพุ่ง นี่มาจากแรงบิด ไม่ใช่แรงม้า

หลายสำนักทั้งในและนอก เวลาออกแบบเครื่องยนต์ หากเป็นเครื่องลงสนามแข่ง จำเป็นต้องขับที่รอบสูงเพื่อรีดม้าให้ได้มากที่สุด
จะไม่แคร์ ม้าและแรงบิดที่รอบต่ำ เพราะใช้แค่ตอนออกตัวจุด start แค่ครั้งเดียว
ต่างกับ street car ซึ่งต้องออกตัวบ่อยครั้ง จึงต้องให้แรงบิดมาเร็วกว่ารถในสนามแข่ง

 ความคิดเห็นที่: 2 / 15 : 550261

โดย: จะเด็ด

อย่างในรูปเป็น Street Performance Engine
Max HP 205HP@7700 rpm
Max Torque 213N-m@6400 rpm
จูนมาเพื่อให้ลงสนามได้ ขับบนถนนพอได้

 ความคิดเห็นที่: 3 / 15 : 550262

โดย: จะเด็ด

หน้าตาเครื่องแบบนี้ สเปกแบบนี้

 ความคิดเห็นที่: 4 / 15 : 550263

โดย: จะเด็ด

จะเห็นว่าแรงบิดสูงสุดมาที่รอบ 6400rpm ที ที่ประมาณ 213 N-m@Fly wheel (ประมาณ 159.75N-m หรือ 16.28 Kg-m ที่ล้อหากเป็นเกียร์ออโต้)
ในขณะที่แรงบิดที่ 4500 รอบ อยู่ที่ 185 N-m@Fly wheel (ประมาณ 138.75N-m หรือ 14.14 Kg-m ที่ล้อหากเป็นเกียร์ออโต้)
ถ้าเป็นแถว 3500 รอบ อยู่ที่ 180 N-m@Fly wheel (ประมาณ 135N-m หรือ 13.76 Kg-m ที่ล้อหากเป็นเกียร์ออโต้)

จะเห็นว่าเครื่องที่แต่งมาแบบ Street นั้น หากเหยียบไม่เกิน 4500-5000 รอบ ขึ้นไป แทบจะไม่ต่างจากเครื่องโรงงานเลย หรืออาจจะดีกว่าแค่นิดหน่อย

 ความคิดเห็นที่: 5 / 15 : 550265

โดย: จะเด็ด

คราวนี้มาดูเครื่องสำหรับลงสนามแข่งบ้าง

 ความคิดเห็นที่: 6 / 15 : 550266

โดย: จะเด็ด

Max HP 255HP@8200 rpm
Max Torque 234N-m@7400 rpm

 ความคิดเห็นที่: 7 / 15 : 550267

โดย: จะเด็ด

จะเห็นว่าแรงบิดสูงสุดมาที่รอบ 7400 rpm อีกที ที่ประมาณ 234 N-m@Fly wheel (ประมาณ 175.5N-m หรือ 17.89 Kg-m ที่ล้อหากเป็นเกียร์ออโต้)
ในขณะที่แรงบิดที่ 4500 รอบ อยู่ที่ 185 N-m@Fly wheel (ประมาณ 138.75N-m หรือ 14.14 Kg-m ที่ล้อหากเป็นเกียร์ออโต้) พอๆ กับเครื่องแบบ street
ถ้าเป็นแถว 3500 รอบ อยู่ที่ 172 N-m@Fly wheel (ประมาณ 129N-m หรือ 13.14 Kg-m ที่ล้อหากเป็นเกียร์ออโต้) ซึ่งน้อยกว่าเครื่องแบบ Street และน้อยกว่าเครื่องโรงงานด้วยซ้ำ


ซึ่งเครื่องแต่งในลักษณะนี้ ถูกออกแบบมาให้ลากรอบสูง ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ แบบ Street ควรลากถึง 8200rpm ก่อนเปลี่ยนเกียร์ ในขณะที่แบบเครื่องสนาม ควรลากเกียร์ถึง 8700 rpm
พวกนี้จะไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และกินน้ำมันมาก (เพราะรอบที่เครื่องยนต์ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด อยู่ที่รอบสูง)

 ความคิดเห็นที่: 8 / 15 : 550268

โดย: จะเด็ด

รอบที่เครื่องทำงานได้มีประัสิทธิภาพสูงสุด ก็คือ จุดที่เครื่องมีแรงบิดสูงสุดนั่นเอง เพราะตรงจุดนั้น เป็นจุดที่ค่า VE สูงที่สุด ดูดอากาศได้ดีที่สุด ได้มวลอากาศเยอะสุด
ได้แีีรงบิด แรงม้าคุ้มกับน้ำมันที่จ่ายไปมากที่สุด

โดยปกติการทำเครื่องให้มีแรงม้าสูงขึ้น ทำได้โดย 2 วิธีใหญ่ๆ คือ

เลื่อนแรงบิด ไปให้โผล่รอบท้ายๆ เพราะ
แรงม้า = แรงบิด x รอบเครื่อง

ยิ่งแรงบิดสูงสุดอยู่รอบสูงเท่าไร แรงม้าก็จะยิ่งมาก
วิธีดังกล่าวส่วนใหญ่จะใช้การทำ porting, เปลี่ยนแคม, valve, valve spring, ก้านสูบ, ลูกสูบ ให้สามารถทนการทำงานที่รอบสูงๆ ได้
หรือแบบประหยัดคือ แก้สูตรท่อ เฮดเดอร์ ให้เป็นสูตรตีนปลาย ใช้ SRI (Short Ram Air Intake หรือ กรองเปลือย)
ซึ่งจะช่วยเลื่อน แรงบิดไปโผล่รอบสูงๆ ได้ แต่เนื่องจากไส้ใน ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับรอบสูง
ส่วนใหญ่พอเลื่อนแรงบิดไปโผล่ที่รอบสูงแล้ว แรงบิดสูงสุดจะลดลง ซึ่งอาจจะลดลงต่ำกว่าเครื่องโรงงานอีกก็ได้

 ความคิดเห็นที่: 9 / 15 : 550269

โดย: จะเด็ด

เช่น
หากรถมีแรงบิดสูงสุดที่ 185 Nm ที่ 4500 รอบ และตกลงเหลือ 160Nm ที่ 6500 รอบ
รถคันนี้ก็จะมีแรงม้าประมาณ 158 HP ที่ 6500 รอบ

แต่ถ้าเราเลื่อนให้แรงบิดสูงสุดไปโผล่ที่ 6500 รอบ
แรงม้าที่ 6500 รอบ ก็จะเป็น 183 HP

แต่ในความเป็นจริง เนื่องจากไส้ใน ไม่ได้ออกแบบให้ทำงานที่รอบสูง พอใช้สูตรท่อกับเฮดรอบสูง แรงบิดไปโผล่ที่รอบปลายก็จริง
แต่แรงบิดจะลดลง ส่วนใหญ่จะลดลง 5-15% ถ้าเลื่่อนรอบแรงบิดออกไปไม่เกิน 1500 รอบ
ขึ้นอยู่กับว่าเลื่อนแรงบิดให้ไปโผล่ไกลแค่ไหน ถ้าเลื่อนออกไปมากๆ เกิน 1500 รอบ โดยไม่เปลี่ยนไส้ ก็อาจจะลดลงมากกว่า 15%

ติต่างว่า พอเราเลื่่อนให้แรงบิดสูงสุดไปโผล่ที่ 6500 รอบ แล้ว แรงบิดสูงสุด โผล่ที่ 6500 รอบ แต่ค่าแรงบิดลดไป 10% จาก 185Nm เหลือแค่ 166.5 Nm
ซึ่งแรงบิดก็จะลดลงทั้งย่าน ตั้งแต่รอบต่ำยันสูง
แต่แรงม้าสูงสุดที่ 6500 รอบ ก็จะเพิ่มเป็น 165 Hp จากเดิม 158 Hp
ในขณะที่ในรอบต่ำ แรงม้า และแรงบิดจะลดลงเมื่อเทียบกับของเดิม
ทำให้รู้สึกว่าขับแล้วรถตอบสนองแย่ลงกว่าเดิม ลาก D แล้ววิ่งได้ความเร็วสูงสุด ต่ำกว่าเดิม
(เพราะกล่องตัดรอบเร็วเกินไป ทำให้รอบเครื่องที่เกียร์สูง ตกลงมาต่ำไป แรงบิดไม่พอเพียงสำหรับการเร่งความเร็วขึ้นไปอีก)

ส่วนการเพิ่มแรงม้าอีกแบบนึงคือ การเพิ่มค่า VE (Volumetric efficiency)
หากเป็นแบบดังกล่าว ค่าแรงบิดสูงสุด จะเพิ่มขึ้น หากยังใช้รอบที่ได้แรงบิดสุดสุดรอบเดิม ก็จะได้แรงม้าเพิ่มขึ้น ทุกรอบเครื่อง
ซึ่งการเพิ่มค่า VE ทำได้ยากกว่ามาก เพราะมีข้อจำกัดหลายด้าน สำหรับรถแบบ NA

ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีแรกกันเสียมากกว่า

ไม่ก็เพิ่ม VE โดยใช้การติด Turbo หรือ Supercharge

 ความคิดเห็นที่: 10 / 15 : 550309

โดย: Méchant

เพราะเหตุนี้ผมถึงหลงไหลเครืองคอมม่อนเรล อิอิ มากันครบๆตั้งแต่ยังไม่สองพันรอบเลย เสียแค่ว่ายังติดแอล ไม่ได้เหอๆ

 ความคิดเห็นที่: 11 / 15 : 550353

โดย: Yut13

เครื่อง Cosworth
มีมือสองมั้ยเนี่ยจะได้หา Mazda 3 MT ประมาณปี 2005 มาลง

 ความคิดเห็นที่: 12 / 15 : 550385

โดย: diNk Un LoCk

เยี่ยมเลยครับ

 ความคิดเห็นที่: 13 / 15 : 550569

โดย: ไก่โต้ง

เรื่องนี้เหตุผลเข้าใจง่ายมากเลยครับ ถ้าพูดขึ้นมา 1 คำ คือ

"แรงม้าเฉลี่ย"

รถที่ไม่ใช้เกียร์แบบ CVT หรือ IVT
ใช้รอบเครื่องในการเปลี่ยนความเร็วครับ

ว่าง่ายๆ คือ รอบเครื่องไม่ได้แช่อยู่ที่รอบที่ได้แรงม้าสูงสุด แต่กวาดขึ้นกวาดลง
รถที่มีแรงม้าเฉลี่ยสูง ส่วนใหญ่จะมี Power band กว้าง ย่านที่มีแรงบิดสูงกว้าง

การใช้งานบนถนนทั่วไป ส่วนใหญ่ เราไม่ลากรอบกันจนทะลุ 5000 รอบกันบ่อยๆ

เพราะฉะนั้น รถที่แรงบิดมาเร็ว มาตั้งแต่ต้นๆ แล้วรอบปลายแรงบิดไม่ตกลงไปมาก จะเป็นรถที่ขับสนุก ตอบสนองดีกว่าครับ และแรงม้าเฉลี่ยในย่านที่ใช้งานก็จะสูงกว่าครับ

 ความคิดเห็นที่: 14 / 15 : 550698

โดย: p_protege

ดูเครื่อง COSWORTH กันมาแล้ว

ทีนี้ลองมาดูผลงานเครื่อง COST(O)VER กันบ้าง เป็นเครื่อง 2.0 n/a เหมือนกัน

ลองช่วยให้ความเห็นว่า มันควรจะเป็น street หรือ race ดี???

 ความคิดเห็นที่: 15 / 15 : 550716

โดย: ไก่โต้ง

ผมว่าได้ทั้งคู่นะ Powerband กว้างมากครับ แรงบิดมาเยอะตั้งแต่ก่อน 3000 รอบ

ชอบเครื่องแนวนี้มากเลยครับ ขับถนนก็ดี ลงสนามก็ได้
แต่งอะไรไปบ้างพอบอกได้ไหมครับ?