Close this window

ช่วยด้วยครับ เครื่องสะดุด ยังแก้ไม่ตกเลย
ตามนี้ครับ พอดีตั้งผิดที่ รบกวนด้วยครับ http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=66030
โดย: yar   วันที่: 18 Jul 2010 - 05:44


 ความคิดเห็นที่: 1 / 10 : 578423
โดย: notable
งืมๆๆ ลองถอดหัวเทียนมาดูยังครับผม ลองเปลี่ยนใหม่ดุ ว่าแต่ถ้าขับปกติสะดุดตลอดเปล่าครับ
วันที่: 18 Jul 10 - 11:18

 ความคิดเห็นที่: 2 / 10 : 578615
โดย: yar
ตอนขับปรกติครับไม่มีสะดุด จะเป็นตอนจอดอยู่กับที่(เรื่องเดินเบาที่ 800ถึง 1000รอบ บางทีต้องตั้งไว้ที่1100 1200 ไม่งั้นออกตัวไม่มั่นใจครับ) หัวเทียนเปลี่ยนแล้วครับ
วันที่: 19 Jul 10 - 09:38

 ความคิดเห็นที่: 3 / 10 : 579053
โดย: yar
ลองค้นอ่านจากกระทู้อื่นๆในเวปนี้ เลยไม่แน่ใจว่า อาการที่รถผมเป็นอยู่ อาจจะเกิดจากแอร์โฟร์หรือเปล่าไม่แน่ใจอ่ะครับ(สะดุดเป็นเฉพาะตอนเครื่องเดินเบา) เราจะมีวิธีเช็คได้อย่างไรครับว่า แอร์โฟร์ที่ใช้อยู่ยังอยู่และทำงานได้ตามปรกติของมันหรือไม่ครับ
วันที่: 20 Jul 10 - 14:37

 ความคิดเห็นที่: 4 / 10 : 579244
โดย: notable
วันที่: 21 Jul 10 - 00:43

 ความคิดเห็นที่: 5 / 10 : 579255
โดย: notable
หรืออีกกระทู้นึงน่าสนใจมาก อาการคล้ายๆกัน

http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=12094&sh=%C5%E9%D2%A7%E1%CD%C3%EC%E2%BF


สู้ๆ
วันที่: 21 Jul 10 - 01:15

 ความคิดเห็นที่: 6 / 10 : 579462
โดย: yar
ขอบคุณมากครับ อ่านดูทั้งหมดแล้วผมยัง งงๆ อยู่ ศัพท์ทางช่างเยอะจัง เดี๋ยวขอกลับไปอ่านอีกสัก2-3รอบละกัน พรุ่งนี้จะลองถอดแอร์โฟร์มาดูก่อนละกัน
วันที่: 21 Jul 10 - 21:01

 ความคิดเห็นที่: 7 / 10 : 580111
โดย: yar
ลองถอดดูแล้วครับ แอร์ฟร์ดำปี๋ เลยเอาสเปร์ยที่ว่ามาฉีด ค่อยเห็นสีสรรหน่อย แต่เรื่องสะดุดก็ยังเป็นอยู่นะครับ แต่ถ้าเปิดเป็นใช้น้ำมัน รู้สึกว่าสะดุดน้อยลงกว่าเดิม เวลาใช้แก๊สรู้สึกว่ามันเปลืองแก๊สเหมือนกันนะครับ น่าจะโลละ2บาทนิดๆด้วยซ้ำ กินมากไปไหมครับ สำหรับเครื่อง 1.6
วันที่: 24 Jul 10 - 16:39

 ความคิดเห็นที่: 8 / 10 : 580193
โดย: notable
ใช้แก้ซ ก็คงต้องจูนแก้ซด้วยจิ - -" ตอบมะถูกหละ เรื่องแก้ซต้องถามผู้รู้
วันที่: 25 Jul 10 - 01:08

 ความคิดเห็นที่: 9 / 10 : 580509
โดย: yar
ลองโพสหาวิธีจูนแก๊ส เจอแล้วครับ มีคนโพสไว้จูนแก๊สรุ่นนี้พอดีเลย วันหยุดนี้จะลองครับ
วันที่: 26 Jul 10 - 18:13

 ความคิดเห็นที่: 10 / 10 : 580510
โดย: yar
ขอลอกพี่เค้ามาละกัน(ขอเป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจนะคร้าบพี่)
ผมก็ใช้รุ่นนี้เหมือนกันแต่ปี94 ผมจะเล่าประวัติรถผมก่อนนะครับเดี๋ยวจะแนะนำให้ลองทำดู รถผมตอนแรกที่ติดใหม่ๆก็ไม่มีปัญหาอะไรพอใช้ไปได้ประมาณ 10 เดือนเริ่มมีอาการแบ็คไฟร์เกิดขึ้นครับแบ็คช่วงแรกๆก็แค่ท่ออากาศหลุดพอใส่กลับก็วิ่งต่อได้ แต่พอช่วงหลังๆเริ่มหนักขึ้นแอร์โฟลว พังเลยครับวิ่งน้ำมันไม่ได้เลยแต่วิ่งแก็สได้ หาซื้อก็ยากมากของใหม่ราคา 2 หมื่นกว่า แต่โชคดีหาของเชียงกงได้ราคา 2500 บาท ลองผิดลองถูกอยู่ตั้งนานสุดท้ายมารู้สาเหตุเป็นเพราะว่าสายหัวเทียนรั่ว จึงยอมลงทุนเปลี่ยนสายหัวเทียนใหม่ หัวเทียนใหม่ และเปลี่ยนคอยส์ของเชียงกงใหม่ ตอนนี้หายแล้วครับ เล่าสู่กันฟังนะครับ ยังงัยก็ดูอุปกรณ์พวกนี้ด้วยมันมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดแบ็คไฟล์ ถ้าอย่างลองปรับจูนเองต้องรู้จักปุ่มidle ,sensitivity และ power valve ก่อนนะครับถึงจะจูนได้ ถ้าไม่รู้จักแนะนำไปให้ร้านเก่งปรับจูนให้จะดีกว่าครับ
วิธีการจูนแก็สแบบย่อๆ ใช้ได้ทั้งแบบสองปุ่มกับแบบปุ่มเดียว เอาแบบสองปุ่มก่อน
1.ปิด idle จนสุด
2.จูน sensitivity เข้าออก จนเดินเบานิ่งที่สุด
3. หมุน sensitivity เข้า จนรอบเริ่มตก ประมาณ 1-200 รอบ
4.คลาย idle ออก จนเดินเบาเรียบ ก็จบในขั้นตอนของหม้อต้ม
5.เร่งรอบประมาณ 3,000 รอบ หมุน power valve เข้าออก
จนได้รอบสูงสุด คราวนี้จบจริงๆแล้ว
มีแค่ 5 ขั้นตอน ในการจูนมาตรฐาน
ส่วนหม้อต้ม ที่มีปุ่มเดียว ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เหลีอแค่ 2 ขั้นตอน
1.ปรับ idle
2.ปรับ power valve ที่ 3,000 รอบ
ต่อไปเป็นการ fine tune ถ้ายังพอมีแรงเหลือ
1.ถ้าต้องการจะประหยัด ให้หมุน power valve เข้าอีกซักครึ่งถึงหนึ่งรอบ แต่ถ้าต้องการ performance ให้ข้ามข้อนี้ไป

สมมุติเพื่อง่ายต่อการอธิบาย ว่าหมุน power valve เข้า จนบางเกินไปแล้วสั่นอยู่ที่ ๓ นาฬิกา หมุนกลับจนหนาเกินไปแล้วสั่น อยู่ที่ ๙ นาฬิกา จุดที่ power peak อยู่ที่ ๑๒ นาฬิกา ถ้าอยากประหยัด อย่าทิ้งไว้ที่ ๑๒ นาฬิกา ถึงแม้จุดนั้นจะเป็นจุดที่ได้ Peak Power ก็ตาม แต่ Fuel Efficiency ห่วยแตก ส่วนผสมจะค่อนข้างหนา 1:12 ประมาณนี้ เป็นส่วนผสมที่ อยู่ในช่วง Power Band รีดแรงจากเครื่องแบบเต็มพิกัดหากส่วนผสมอยู่ที่ 1:14-15 จะมี Power Drop แค่ 4-5% แต่จะได้ Fuel Efficiency กลับมาอีกจม จำตัวเลขเด๊ะๆไม่ได้ รู้สึกจะกว่า 12-15% up เพราะฉะนั้น จุดที่เหมาะสม จะอยู่ประมาณ 13:00-14:00 นาฬิกา แล้วแต่สไตล์การขับขี่และความชอบส่วนตัว
2.ให้จำลองการเร่งเครื่องแบบทันทีทันใด
ถ้าไม่ฟอด ก็ไปข้อ 3 แต่ถ้ามีอาการฟอด ให้เพิ่ม sensitivity (หมุนออก ทวนเข็มนาฬิกา) จนหายฟอด
3.ลด idle หมุนเข้า ตามเข็ม จนเริ่มสะดุด แล้วค่อยหมุนออกจนหายสะดุด
4.ขั้นตอนสำคัญที่สุด คือการลองขับ และปรับไปด้วยครับ เพื่อเป็นการ fine tuning อย่างแท้จริง
ส่วน 5 ข้อแรก อยากจะแหกโผ ก็ได้นะครับ ให้หมุน sensitivity จนสุด แล้วมาจูน idle ก่อน นิ่งแล้ว ค่อยหมุนเข้าจนรอบตก 1-200 รอบ แล้วชดเชยรอบด้วยการคลายปุ่ม sensitivity ออก จนเดินเบาจนนิ่ง ค่อยไปปรับ power valve

การกินแกสเยอะกว่าปกติผิดหูผิดตานั้น หากจำกัดตัวแปรอื่นๆได้แล้ว ปัญหาจะมาจากพื้นฐานแทบทั้งสิ้น
๑.กรองอากาศต้องเนี๊ยบ เพราะจะส่งผลต่อความหนาบางที่หม้อต้มจ่ายให้มิกเซ่อร ์ ไม่เหมือนตอนใช้น้ำมันที่เป็นระบบหัวฉีด มีการชดเชยกรองอากาศสกปรก, แหวนหลวม, cylinder liner กร่อน
๒.หัวเทียนต้องดีเยี่ยม หมั่นดูมันบ้าง
๓.คอยล์ต้องดีด้วย แรงๆเกิน 40,000V ยิ่งดี คอยล์ไม่ค่อยแรง ก็ปรับ spark plug ให้แคบเข้ามาหน่อย
๔.เบรกติด มุมโทผิด ศูนย์เสีย ท่อไอเสีย/หม้อพักผุ (เครื่องคาร์บกินเห็นๆเลย เจอมากับตัวแล้ว)
๕.ล้างชุดปีกผีเสื้อบ้าง ทำเองไม่ยาก ถือโอกาสล้างชุดช่วยรอบเดินเบาด้วย ถ้าไม่ติดแบบหัวฉีดละก็ ช่องทางเดินอากาศ จะมีคราบเหนียวๆ จากของแถมใน LPG ทำให้เดินเบากระตุก กระเพื่อมได้ง่าย โดยเฉพาะมอเตอร์ช่วยรอบเดินเบา ที่เป็นโรตารี่ เช่นของ Honda Civic
๖.ถ้าเป็นเครื่องอื่นทีปรับองศาจุดระเบิดได้ ไฟแก่อีกสัก 3-5 องศา จะวิ่งดีกว่าเดิมพอควรเลยแหละ ประหยัดเพิ่มด้วย
๗.เปิดดูหม้อต้มบ้าง ถ่ายขี้แกสบ้าง 10,000-15,000 Km ครั้ง เมืองไทยแกสค่อนข้างจะสกปรก

สาเหตุbackfire
1.จุดระเบิดไม่ดี ไล่มาจากคอยล์เริ่มเสื่อม โดยเฉพาะคอยล์แยกแต่ละสูบ หรือสายหัวเทียนไม่ดี หัวเทียนไม่ดี

2.จูนบาง พวกที่ติดแกสใหม่ๆ แล้วอยากลองวิ่งดูว่าหมดถังวิ่งได้ไกลเท่าไหร่ ให้ระวัง เพราะตอนแกสจะหมดถัง โอกาสส่วนผสมจะบางจนเกิด backfire มีมาก

3.วาวล์เครื่องยนต์รั่วหรือปิดไม่สนิท ในบางจังหวะ รถใหม่ๆก็เป็นได้นะครับ
วันที่: 26 Jul 10 - 18:21