Close this window

โครโนสเครื่องสั่นมากในรอบเดินเบา
เปลี่ยนยางแท่นเกียร์และยางแท่นเครื่อง 2 ชิ้นแต่ยังไม่ดีขึ้น ขอคำแนะนำด้วยครับ
โดย: Jam144   วันที่: 24 Jan 2012 - 23:02


 ความคิดเห็นที่: 1 / 7 : 689362
โดย: pok8pok9
มารอฟังคำตอบเปนเพื่อนแระกันน เพราะสั่นเหมือนกัน 555
วันที่: 25 Jan 12 - 10:48

 ความคิดเห็นที่: 2 / 7 : 689384
โดย: notable
ของท่านป้อกอะสั่นสู้
วันที่: 25 Jan 12 - 12:39

 ความคิดเห็นที่: 3 / 7 : 689415
โดย: srithanon
ก็ขอเข้ามาตอบอีกสักกระทู้ ก่อนที่จะหยุดไปสามอาทิตย์ แล้วค่อยกลับมาพบกันใหม่
อาการเครื่องยนต์รถของท่านเจ้าของกระทู้ ที่บอกว่าเครื่องสั่นเมื่ออยู่ที่รอบเดินเบา แสดงว่ามันไม่เกี่ยวกับยางรองแท่นเครื่องอะไรตามที่คุณคิด มันเป็นอาการของเครื่องยนต์ที่มีความผิดปกติในระบบการคอนโทรของรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ ซึ่งมาจากหลายส่วน แต่ก่อนอื่นอยากจะแนะนำว่า ให้ทำการตรวจระบบไฟจุดระเบิดก่อน ที่ตรวจดังนี้เพราะว่า หากส่วนที่ควบคุมรอบเดินเบาที่มาจาก อากาศช่วยรอบเดินเบาทำงานไม่ปกติ หรือระบบน้ำมัน มันจะไม่แสดงอาการออกอย่างนี้
ทันที ที่คุณสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ติดรอบเดินเบาเครื่องยนต์ก็ตกและสั่นทันที่ มันเป็นอาการของระบบไฟจุดระเบิด มาจากสาเหตุที่บางสูบมีหัวเทียนบอด หรือมีระบบไฟสูงรั่วหรือลีคลงกราวด์ที่ตัวจานจ่าย ทำให้ไฟสูงที่ป้อนเข้าหัวเทียนเพื่อจุดระเบิดต่ำ ทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง รอบตกเครื่องสั่น
ทดลองโดยสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบา แล้งให้ดึงสายหัวเทียนของสูบหนึ่งสูบใดก็ได้ ออกที่ละสูบ หรือจะไล่จากสูบซ้ายไปขวาก็ได้ ในขณะที่เราดึงปลั๊กสายหัวเทียนออก ให้สังเกตว่ามีรอบเครื่องยนต์ตกลงกว่าเดิมหรือไม่ ในกรณีที่เครื่องยนต์คุณมีรอบเดินเบาต่ำอยู่แล้วเครื่องยนต์อาจจะดับทันที่ ในกรณีอย่างนี้แสดงว่า หัวเทียนของสูบนั้นทำงานปกติ
หากในสูบต่อไปใช้วิธีการเดียวกันนี้ หากดึงปล๊กหัวเทียนออก แล้วรอบเครื่องยนต์ไม่ตก หรือตกนิดเดียว แสดงว่า ผิดปกติ หัวเทียนอาจจะบอด หรือสายไฟหัวเทียนนั้น ที่มีค่าแรงเคลื่อนโวลเต็จสูงในสภาวะปกติ กลับไม่ค่อยมีไฟสูงออก เพราะสายไฟหัวเทียนนั้น เกิดค่าความต้านทานเพิ่มขึ้นในสาย ทำให้เกิดโวลเต็จดร๊อปค่าความต้านทานที่เกิดขึ้นในสาย ทำให้แรงเคลื่อนโวลเต็จที่จะจ่ายให้กับหัวเทียนมีน้อย
ในระหว่างที่ดึงปลั้กหัวเทียนออกของสูบนั้นออก แล้วรู้ว่าไม่มีรอบเครื่องตกลง ให้ทำการดับเครื่องยนต์ แล้วเอาไขควงที่ป็นโลหะเสียบเข้าที่ปลั๊กเสียบหัวเทียน แล้วเอามาวางใกล้ๆกับตัวเครื่องยนต์หรือกราวด์ตัวถังรถ แล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่อีกครัง เมื่อเครื่องยนต์ติด ให้สังเกตดูว่าที่โลหะของไขควงมีประกายไฟออกมาสูงหรือไม่ หากออกมาสูงแสดงว่าระบบไฟสูงปกติ ก็ให้แน่ใจว่าหัวเทียนของสูบนั้นกลับบ้านเก่าครับ ก็เปลี่ยนใหม่
ในกรณีที่ไฟสูงเกิดประกายไฟทีโลหะไขควงมีน้อย ไม่ค่อยมีไฟ ก็มีสองสถานะ คือสายหัวเทียนมีความต้านทานสูง หรือที่ตัวจานจ่ายมีไฟสูงลีคลงกราวด์ ลองตรวจสอบดูครับ (ตรวจสอบหัวเทียนทุกหัวด้วย)
สำหรับในกรณีที่ระบบไฟปกติ สิ่งที่ควรจะตรวจสอบคือตัว Map sensor หรือแว็คคั่มเซ็นเวอร์ รวมไปถึงตัวแอร์โฟลว์ด้วย
สำหรับตัวแอร์โฟลว์ให้ทดลองดึงปลั๊กเสียบออก ในขณะที่เครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบา หากดึงออกแล้วไม่มีผล ให้สงสัยว่าเสีย ขณะนี้เครื่องยนต์รถคุณมีรอบเดินเบาต่ำอยู่แล้ว หากดึงออกไม่มีผลก็คืออาจจะเสีย หากดึงออกแล้วเครื่องดับ ถือว่าปกติ อาการของแอร์โฟลว์เสีย มันจะมีผลต่อรอบเดินเบาและไม่ค่อยตอบสนองในอัตราเร่ง
ที่ตัวแว็คคั่มก็เช่นกัน หากดึงปลั๊กออกเครื่องยนต์รอบจะตกทันที่และอาจจะดับ ถือว่าปกติ หากดึงออกแล้วรอบเครื่องไม่ตกหรือดับ ก็น่าจะกลับบ้านเก่า สำหรับตัวช่วยอากาศเรื่องรอบเดินเบา ที่มีตัว โซลินอยวาวล์ มาทำหน้าที่บายพาสอากาศเข้าห้องไอดีช่วยรอบเดินเบา ก็ต้องตรวจสอบว่ามันทำงานปกติหรือไม่
แต่เท่าที่ตรวจพบในอาการที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนมากมาจากระบบไฟและหัวเทียน ก็ลองตรวจตามที่แนะมาก่อนครับ เพราะหากไม่ใช้เครื่องมือทางอีเลคโทรนิคส์ตรวจสอบ บางครั้งก็หลงประเด็นได้ครับ……srithanon
วันที่: 25 Jan 12 - 14:14

 ความคิดเห็นที่: 4 / 7 : 689487
โดย: Jam144
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ละเอียดมากครับ จะลองไปตรวจสอบครับ
วันที่: 25 Jan 12 - 21:15

 ความคิดเห็นที่: 5 / 7 : 689510
โดย: srithanon
ขอเพิ่มเติมอีกหนึ่งประเด็น ที่มีส่วนเป็นไปได้ ก็คือถ้าหากวทดสอบเรื่องดึงสายหัวเทียนออก สูบใดสูบหนึ่งแล้วเครื่องไม่ค่อยมีผลต่อรอบเดินเบา คือยังเหมือนเดิม หลังจากที่คิดว่าหัวเทียนบอด แล้วเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ แล้วก็ยังมีรอบเครื่องยนต์รอบตกเครื่องสั่น หากเป็นตามที่ว่านี้ แสดงว่าปะเก็นฝาสูบมันรั่วระหว่างลูกสูบที่อยู่ติดกัน ทำให้กำลังอัดทั้งสองสูบที่ติดกัน ไม่มีกำลังอัด ถึงไฟหัวเทียนจะปกติมีไฟสูงก็ตาม หากมันรั่วทะลุถึงกันไม่มาก ก็ยังพอทำเนา แต่ถ้ามันมีช่องที่ทะลุถึงกันมาก เหมือนกับว่าเครื่องยนต์เดินสองสูบ ถ้าทะลุไม่มาก ก็เป็นอาการแบบเดียวกับเครื่องยนต์ของรถคุณในขณะนี้ ลองทำตามที่แนะนำในช่วงแรก แล้วมาสรุปผลดังที่ผมกล่าวมานี้ ปะเก็นฝาสูบที่มีลูกสูบติดกันรั่วถึงกัน อาจจะเป็นสูบที่ 1 กับสูบที่ 3 หรือ 4 กับ 2 ก็เข้ามาฝากไว้ให้ตรวจสอบอีกหนึ่งประเด็นครับ....srithanon
วันที่: 25 Jan 12 - 23:03

 ความคิดเห็นที่: 6 / 7 : 689590
โดย: pok8pok9
แหมมม น้าบอลก็ เอาฟามจริงมาเผากันได้ ผมแค่สั่นสู้ แต่ พี่ป๊อบลำแดง เค้าผงกสู้เรยทีเดียว
วันที่: 26 Jan 12 - 14:20

 ความคิดเห็นที่: 7 / 7 : 689591
โดย: pok8pok9
ขอบคุณ ข้อมูล คุณ srithanon ด้วยครับ ยอดเยี่ยมเหมือนเคย
วันที่: 26 Jan 12 - 14:24