Close this window

เอาไว้อ่านเล่นๆครับ
> : ได้เวลาหยุดคิด
> นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอเมริกา
>
> A man came out of his home to admire his new truck. To his puzzlement,his
> three-year-old son was happily hammering dents into the shiny paint of
the truck.
> ผู้ชายคนหนึ่งออกมาชื่นชมรถกระบะคันใหม่หน้าบ้าน
> แต่แล้วก็ต้องเป็นเง็งเมื่อเห็นลูกชายวัย 3 ขวบของเขา
> กำลังบันเทิงอยู่กับการเอาฆ้อนทุบให้รถบุบเล่น
>
> The man ran to his son, knocked him away, hammered the little boy's hands
> into pulp as punishment.
> เขาถลันไปที่ลูกชาย ผลักลูกกระเด็น
> แล้วคว้าฆ้อนมาทุบมือลูกจนน่วมเป็นการลงโทษ
>
> When the father calmed down, he rushed his son to the hospital.Although
the
> doctor tried desperately to save the crushed bones, he finally had to
> amputate the fingers from both the boy's hands.
> พอหายสติแตก พ่อก็ตาลีตาเหลือกพาลูกไปโรงพยาบาล
> แต่แม้ว่าหมอจะพยายามแบบสุดๆ
> แล้ว ก็ไม่สามารถกู้กระดูกที่แหลกเหลวกลับคืนมาได้
> จนสุดท้ายก็ต้องจำใจตัดนิ้วเด็กทิ้งจากทั้ง 2 มือ
>
> When the boy woke up from the surgery & saw his bandaged stubs, he
> innocently said, " Daddy, I'm sorry about your truck." Then he asked,"but
> when are my fingers going to grow back?"
> พอเด็กชายฟื้นจากการผ่าตัดและเห็นมือของเขาที่กลายเป็นตอกุดๆ พันผ้าพันแผล
> เขาก็พูดกับพ่ออย่างใส ซื่อว่า
> "พ่อครับ ผมขอโทษเรื่องรถกระบะของพ่อนะครับ" แล้วเขาก็ถามต่อว่า "ว่าแต่
> เมื่อไหร่นิ้วของผมจะงอกใหม่อ่ะ?"
>
> The father went home & committed suicide.
> พ่อกลับบ้าน แล้วก็ฆ่าตัวตาย
>
> Think about this story the next time someone steps on your feet or u wish
to
> take revenge.Think first before u lose your patience with someone u love.
> Trucks can be repaired.. Broken bones & hurt feelings often can't.
> ครั้งต่อไปที่มีใครมาเหยียบเท้าเรา หรือเราคิดถึงการแก้แค้นเอาคืน
> ขอให้คิดถึงเรื่องนี้นะ คิด ก่อนที่จะหมดความอดทนกับใครสักคนที่เรารัก
> รถกระบะซ่อมได้ ..
> แต่กระดูกหัก & ใจเจ็บที่ ชอกช้ำน่ะ เยียวยาไม่ได้แล้ว
>
> Too often we fail to recognise the difference between the person and the
> performance. We forget that forgiveness is greater than revenge.
> บ่อยครั้งที่เราลืมความแตกต่างระหว่างตัวบุคคลกับการกระทำ เราลืมไปว่า
> การให้อภัยนั้น ยิ่งใหญ่กว่า การแก้แค้น
>
> People make mistakes. We are allowed to make mistakes. But the actions we
> take while in a rage will haunt us forever.
> เป็นคนก็ต้องมีพลั้งพลาด คนเราทำผิดทำพลาดกันได้
> แต่สิ่งที่เราทำขณะตกอยู่ในโทสะจริตนั้น
> จะตามหลอกหลอนเราไปตลอดกาล
>
> Pause and ponder. Think before you act. Be patient. Forgive & forget.
> หยุดคิด ตรึกตรอง คิดก่อนทำ เย็นๆ ไว้ รู้จักอภัยและหัดลืม
>
> Love one and all.
> รักให้ทั่วหน้า ทั่วหล้า
>
> If you judge people, you have no time to love them.
> ถ้าเรามัวแต่คิดตัดสินคนอื่น (ว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
> สมควรโดนอย่างนี้อย่างนั้น ฯลฯ)
> เราก็ไม่เหลือเวลาที่จะรักเขาได้เลย
>
>
> ขอบคุณที่รักกัน.
....ก้อปเค้ามา.....คิดเองไม่ค่อยได้...เวลาโมโหทีไร..หน้ามืดทุกที...
โดย: กุ้ง01....   วันที่: 30 Nov 2004 - 11:09


 ความคิดเห็นที่: 1 / 3 : 020090
โดย: Jack The Infernal Creator
ไม่ต้องห่วงครับ ก่อนผมจะแค้น ผมคิดดีแล้ว ถ้าผมจะลงมือ ไม่มีความปราณี ที่แน่ๆ ไม่มีการมาพูดเรียกความสงสารที่หลังแน่

สบายมากๆ

แต่ก็ขอบคุณ

มาร่วมกันทำตนให้ดี อย่ากวนโทษะจริต หรือ ทำการใดๆที่ก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่นจะดีกว่าครับ

เพราะผลร้ายที่คาดไม่ถึงอาจจะตามมา เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่า คุณอาจจะยั่วเสือหลับอยู่ก็ได้

เมต้นที่การให้ ไม่ใช่เรียกร้องให้คนให้อภัยเรา ทุกอยากเป็นเหตุเป็นผล คนโดนผมเตะ ก็เพราะมันน่าเตะ ไม่ใช่เพราะผมชอบเตะคน คนที่ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่นอ่ะ อาการออกแล้วครับ

มาเมต้นกันอย่างถูกจุดดีกว่านะครับ อย่าหวังการให้อภัย อย่าพยายามทำผิดจะดีที่สุด!!!
วันที่: 30 Nov 04 - 11:27

 ความคิดเห็นที่: 2 / 3 : 020099
โดย: Amy
งั้นไว้ใจได้จ๊ะ ...เพราะ พวกพี่ ๆ ในคลับ ล้วนแล้วแต่คิดก่อนทำจ๊ะ ไม่งั้น (ไอ้นั้น) มันจมดินไปแล้ว
วันที่: 30 Nov 04 - 11:51

 ความคิดเห็นที่: 3 / 3 : 020126
โดย: Astina in Lampang
คุณพ่อเป็นคนรักการอ่านรักหนังสือมากๆ คุณพ่อสะสมหนังสือ มีห้องสมุดไว้เก็บหนังสือที่พ่อสะสมมากมาย คุณพ่อมีลูกชายวัยกำลังซนน่ารัก คุณพ่อมักจะเรียกลูกชายมาบอกเสมอก่อนไปทำงานว่าอย่ามายุ่งกับหนังสือของพ่อนะลูก ลูกชายตัวน้อยจะพยักหน้ารับทุกครั้ง
วันหนึ่ง คุณพ่อกลับจากที่ทำงาน ไปเจอลูกชายตัวน้อยในห้องสมุด เจ้าตัวดีตกใจรีบเอาหนังสือไปซ่อนไว้ข้างหลังเมื่อเห็นพ่อเข้าห้องมา คุณพ่อมองเห็นว่านั่นคือหนังสือเล่มโปรดที่มีรอยปากกาเมจิกเต็มไปหมด เด็กน้อยหน้าจ๋อย เมื่อเห็นสีหน้าของคุณพ่อ ผมขอโทษครับ เด็กน้อยบอกมาจ๋อยๆ
คุณพ่อเดินไปหยิบหนังสือที่ลูกซ่อนไว้ข้างหลัง เอาปากกาเมจิกจากมือลูก เขียนยิกๆ ลงบนปกหนังสือ เด็กน้อยสงสัยท่าทีของพ่อจึงถาม พ่อทำอะไรครับ ไม่ตีผมเหรอ คุณพ่อบอกลูกชายว่าเขียนบันทึก แล้วเข้าไปกอดลูก บนหน้าปกหนังสือที่มีลายเส้นเมจิกยุ่งเหยิง มีลายมือคุณพ่อเขียนไว้ "ลายมือลูกชายสุดที่รักเมื่อตอนอายุ 2ขวบครึ่ง" ...
วันที่: 30 Nov 04 - 14:02