Close this window

ดิสก์เบรกหลังกับดรัมเบรกหลังต่างกันอย่างไรค่ะ
สงสัยค่ะว่าดิสก์เบรกหลังกับดรัมเบรกหลังต่างกันอย่างไรค่ะ อยากรู้ข้อแตกต่างว่าอันไหนจะปลอดภัยกว่าและเกาะถนนได้ดีกว่า รวมทั้งรับน้ำหนักด้านหลังได้ดีกว่าด้วยค่ะ
โดย: Freedom As 1-2-Call   วันที่: 7 Jan 2005 - 18:56


 ความคิดเห็นที่: 1 / 16 : 027660
โดย: เงินคือพระเจ้า...จอร์จ
คือนะคะ ดิสก์เบรก ราคาแพงกว่า ดรัมเบรค ล่าค่า ก็คิดว่าคงจะดีกว่ามั้งค้า
วันที่: 07 Jan 05 - 20:35

 ความคิดเห็นที่: 2 / 16 : 027662
โดย: เต่าฟ้า
ระบบเบรค (Braking System)
เบรก (Brake) ทำหน้าที่ชลอความเร็วของรถ หรือทำให้รถหยุด ตามความต้องการของผู้ขับรถ รถส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ใช้การถ่ายทอดแรงเหยียบ ที่แป้นเบรค ไปถึงตัวอุปกรณ์หยุดล้อ ด้วยระบบไฮดรอลิกซ์ (Hydraulic)

กล่าวคือ ในขณะที่เราเหยียบเบรคลงที่แป้นเบรค แรงเหยียบนี้ จะถูกส่งไปที่แม่ปั้มน้ำมันเบรค (Master Cylinder) เพื่อทำหน้าที่อัดแรงดันน้ำมันเบรค ออกไปตามท่อน้ำมันเบรค ผ่านวาล์วแยก ส่วนน้ำมันเบรค ไปจนถึงตัวเบรค ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณดุมล้อ และที่ตัวเบรค ก็จะมีลูกปั้มน้ำมันเบรค เมื่อได้รับแรงดันมา ลูกปั้มน้ำมันเบรคจะดันให้ผ้าเบรค ไปเสียดทานกับชุดจานเบรคที่อยู่ใกล้ กับจานดิสก์เบรค หรือ ดรัมเบรค เมื่อเกิดความฝืดขึ้น ล้อก็เริ่มหมุนช้าลง เมื่อเพิ่มน้ำหนัก เหยียบเบรคเข้าไปอีก แรงดันน้ำมันเบรคเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งมีความฝืดที่ล้อเพิ่มขึ้น รถก็จะชลอความเร็วลง จนรถหยุดในที่สุด

ชนิดของเบรค
- ดรัมเบรค (Drum Brake)
- ดิสก์เบรค (Disc Brake)
ดรัมเบรค (Drum Brake)
ในชุดเบรคแบบดรัม ประกอบด้วยตัวดรัม (Drum) เป็นโลหะวงกลมยึดติดกับดุมล้อ หมุนไปพร้อมล้อ และชุดฝักเบรค ซึ่งประกอบด้วยผ้าเบรค กลไกปรับตั้งเบรค สปริงดึงกลับ และลูกสูบปั้มเบรค ซึ่งสายน้ำมันเบรค ก็จะมาเชื่อมต่อกับตัวลูกสูบนี่แหละ ในการดันผ้าเบรคให้ไปเสียดทานกับดรัม เพื่อให้เกิดความฝืด

ดิสก์เบรค (Disc Brake)
ชุดดิสก์เบรค ประกอบด้วย แผ่นจานดิสก์ ติดตั้งลงบนแกนเพลาล้อ เมื่อรถเคลื่อนที่ แผ่นจานดิสก์ จะหมุนไปพร้อมล้อ จากนั้นจะมีอุปกรณ์ที่เราเรียกว่า คาลิปเปอร์ (Caliper) ที่เรียกกันทั่วไปว่า "ก้ามปูเบรค" สำหรับตัวคาลิปเปอร์ จะติดตั้งโดย ครอบลงไปบนจานดิสก์ (ไม่หมุนไปพร้อมล้อ) ภายในคาลิปเปอร์ มีการติดตั้งผ้าเบรคประกอบอยู่ทางด้านซ้าย และขวาของจานดิสก์ และจะมีลูกปั้มน้ำมันเบรคติดตั้งอยู่ด้วย ซึ่งท่อน้ำมันเบรค ก็จะติดตั้งเชื่อมต่อกับลูกปั้มเบรคนี้ เมื่อใดที่มีการเหยียบเบรค ลูกปั้มเบรค ก็จะดันให้ผ้าเบรค เลื่อนเข้าไปเสียดทาน กับเแผ่นจานดิสก์ เพื่อให้เกิดความฝืด

ดรัมเบรค เป็นอุปกรณ์เบรคมาตรฐาน สำหรับรถยนต์ รุ่นเก่าหน่อย ต่อมาเมื่อมีการใช้ดิสก์เบรคกันมากขึ้น ก็จะเห็น ระบบดิสก์เบรคสำหรับล้อคู่หน้า และดรัมเบรคสำหรับล้อคู่หลัง และในปัจจุบัน ก็สามารถเห็นรถยนต์ที่ ติดตั้งดิสก์เบรคมาทั้ง 4 ล้อ แต่อย่างไรก็ตาม การจะใช้ระบบเบรคแบบดิสก์ หรือดรัมนั้น ขึ้นอยู่กับการ ออกแบบ ระบบของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นอยู่แล้ว เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดี

คัดลอกมาจาก : http://www.carscare.com/basic/basic-d1.html ไปหาอ่านเพิ่มเติมได้ครับผม
วันที่: 07 Jan 05 - 20:38

 ความคิดเห็นที่: 3 / 16 : 027663
โดย: O-Omega
ในรถระดับ 1600cc (ต่อให้ถึง 2000cc เลยกะได้)
ที่ขับเคลื่อนล้อหน้า

Disc / Drum ข้างหลัง ไม่ได้ต่างกันมากมายอ่ารายอ่ะคับ
ถ้าขับแบบมนุษย์ธรรมดาอ่า
เวลาเราขับไปข้างหน้าแล้วเบรค เราใช้พลังเบรคหน้าอ่า


สาเหตุหลัก ๆ ที่ รุ่นสูง ๆ ต้องเป็น Disc ก็เพราะ มันดูสวยกว่าอ่า

ปลอดภัย ไม่ต่างอ่ะคับ
เกาะถนน ไม่เกี่ยวมั้งอ่า
รับน้ำหนัก ก็ไม่ต่างอ่า


มอง Option อื่น ๆ แทนละกานคับ ^_^
วันที่: 07 Jan 05 - 20:44

 ความคิดเห็นที่: 4 / 16 : 027668
โดย: เต่าฟ้า
"สาเหตุหลัก ๆ ที่ รุ่นสูง ๆ ต้องเป็น Disc ก็เพราะ มันดูสวยกว่าอ่า"
วันที่: 07 Jan 05 - 20:49

 ความคิดเห็นที่: 5 / 16 : 027695
โดย: I love 3
สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ คือ DRUM BRAKE มันแพ้น้ำท่วมครับ คือ ถ้าน้ำสูงระดับครึ่งล้อ น้ำ มันจะเข้าไปขังอยู่ใน ชุด DRUM ครับ ทีนี้ พอเราพ้นจากน้ำท่วมมาได้ เราก็เพลินครับ ลืมย้ำเบรค ทีนี้ละครับ รู้เลยว่า ทำไมต้อง DISC BRAKE เพราะมันจะเบรคไม่อยู่ครับ เนื่องจากน้ำ มันเข้าไปทำหน้าที่เป็นฟิลม์บางๆกั้นระหว่างหน้าของผ้าเบรคกับหน้าสัมผัสของ DRUM ครับ ยกตัวอย่าง HYDROPLANE หรืออาการเหินน้ำ คือ อาการที่ล้อรถไม่สัมผัสกับพื้นถนนครับ เนื่องจากมีน้ำอยู่ระหว่างหน้ายางของเรากับพื้นถนนครับ ถือว่าไม่เกิดแรงเสียดทาน ที่นี้ก็ต้องลุ้น ครับ
วันที่: 07 Jan 05 - 23:23

 ความคิดเห็นที่: 6 / 16 : 027702
โดย: ไก่น้อย
แล้วถ้าฝนตก ขับเร็วซัก 100 กิโล แล้วเจอหลุมลึก 3-4 เซ็นต์ หรือเนินสูงจากพื้นซัก 3-4 เซ็นต์ ใช้ดรัมเบรคจะเป็นยังไงเหรอครับ?

ถนนประเทศไทยยิ่งไม่ค่อยเรียบอยู่ด้วย มีทั้งเนินทั้งหลุม ฝนตกบ่อยต่างหาก
วันที่: 07 Jan 05 - 23:43

 ความคิดเห็นที่: 7 / 16 : 027709
โดย: julchab
ดรัมเบรคระบายความร้อนได้ช้ากว่าดิสก์ด้วย คับ ดูในรถแข่งสิคับ ดิสค์ล้วนๆ
ดิสก์ทำงานแม่นยำกว่าแต่ไม่นุ่มนวลครับ และถึงล้อหลังเป็นดิสก์ ก็ต้องมีดรัมเบรคมือซ่อนอยู่ข้างในอีกที
แต่เรื่องแรงเบรค ไม่มีปัญหาครับ สิบล้อ สิบแปดล้อใช้ดรัมทั้งนั้น
วันที่: 08 Jan 05 - 00:39

 ความคิดเห็นที่: 8 / 16 : 027712
โดย: หัวงู
Disk Brake มีระยะBrake สั้นกว่า Drum ,
Disk Brake มีโอกาสล้อlock ต่ำกว่าDrum
วันที่: 08 Jan 05 - 00:44

 ความคิดเห็นที่: 9 / 16 : 027726
โดย: ๋Jazzy
เบรคหน้า หน้าที่หลัก หยุด
เบรคหลัง หน้าที่หลัก ชะลอ
วันที่: 08 Jan 05 - 04:36

 ความคิดเห็นที่: 10 / 16 : 027764
โดย: ดรัมแมน
ถ้าฝนตก ขับเร็วซัก 100 กิโล แล้วเจอหลุมลึก 3-4 เซ็นต์ หรือเนินสูงจากพื้นซัก 3-4 เซ็นต์ ใช้ดรัมเบรคจะเป็นยังไง

ที่ความเร็ว 100 กิโล น้ำไม่มีโอกาสเข้าไปในเบรคได้เลยครับ
จึงไม่มีผลต่อระบบเบรค แต่คุณอาจแฉลบตกข้างทางได้ ถ้ายางคุณดอกเหลือน้อยแล้ว
วันที่: 08 Jan 05 - 12:15

 ความคิดเห็นที่: 11 / 16 : 027779
โดย: โดม
คุณ ไก่น้อยนี้เจ้าปัญหาจริงๆเลยนะครับ แล้วตกลงคุณซื้อป่าวงะ MAZDA 3 ไอ้นั้นไม่ดีไอ้นี้ไม่ได้รถเขาทำออกมาเหมาะสมแล้วทุกรุ่นครับ (เสียแต่ได้รถช้า)
วันที่: 08 Jan 05 - 14:28

 ความคิดเห็นที่: 12 / 16 : 027783
โดย: ไก่น้อย
http://www.edmunds.com/ownership/techcenter/articles/43857/article.html
เท่าที่อ่านจากที่นี่ ผมเข้าใจว่าถ้าไม่ได้ขับเร็ว หรือไม่ได้เอาไปขึ้นเขาลงห้วยก็ไม่เป็นไร
ถ้าจำเป็นต้องเบรคกระทันหัน drum จะสู้ disc ไม่ได้ แต่มันก็แค่เสี้ยววินาทีคงไม่เป็นไรหรอกครับ
อีกอย่างคนซื้อมาสด้าคงไม่ได้เอามาขับ Zoom Zoom กันทุกคนอยู่แล้ว
แล้วก็เข้าใจว่าถ้าใช้ engine brake ไม่ได้ใช้ drum หลังก็น่ากลัวอยู่ครับ รุ่น 1.6s manual คงไม่เป็นไร แต่ auto นี่....

One of the first steps taken to improve braking came in the early '70s when manufacturers, on a widespread scale, switched from drum to disc brakes. Since the majority of a vehicle's stopping power is contained in the front wheels, only the front brakes were upgraded to disc during much of this period. Since then, many manufacturers have adopted four-wheel disc brakes on their high-end and performance models as well as their low-line economy cars. Occasionally, however, as in the case of the 1999 Mazda Protege's, a manufacturer will revert from a previous four-wheel disc setup to drum brakes for the rear of the car in order to cut both production costs and purchase price.

Disc brakes
unlike drum brakes, which allow heat to build up inside the drum during heavy braking, the rotor used in disc brakes is fully exposed to outside air. This exposure works to constantly cool the rotor, greatly reducing its tendency to overheat or cause fading. Not surprisingly, it was under racing circumstances that the weaknesses of drum brakes and the strengths of disc brakes were first illustrated. Racers with disc brake systems could carry their speed "deeper" into a corner and apply greater braking force at the last possible second without overheating the components. Eventually, as with so many other automotive advances, this technology filtered down to the cars driven by everyday people on public roads.


Drum brakes

Under high braking conditions, like descending a steep hill with a heavy load or repeated high-speed slow downs, drum brakes would often fade and lose effectiveness. Usually this fading was the result of too much heat build-up within the drum. Remember that the principle of braking involves turning kinetic energy (wheel movement) into thermal energy (heat). For this reason, drum brakes can only operate as long as they can absorb the heat generated by slowing a vehicle's wheels. Once the brake components themselves become saturated with heat, they lose the ability to halt a vehicle, which can be somewhat disconcerting to the vehicle's operator.


Drum vs. Disc: Today

In today's automotive pantheon, it's not uncommon to find four-wheel disc brakes as standard equipment on medium-priced, non performance-oriented models. The majority of new vehicles, however, continue to utilize a front-disc/rear-drum brake setup. What does this say about the current state of braking systems? Are these manufacturers sacrificing vehicle safety in order to save a few bucks by installing disc brakes on only the front wheels?

http://www.ihpva.org/pipermail/trikes/2000q4/005764.html
- disk brakes are less prone to losing braking power due to water. I
used to have a 1962 Plymouth with drum brakes that was so bad it
seemed if you ran through even a small puddle, water would get into
the brake shoes and it would take 15-30 seconds of hard braking
before enough heat built up to boil out the water and actually
provide some braking power. It was terrifying, kind of like trying
to stop a bike with steel rims in the rain. Ironic in that disks get
more water on them, but with drums it seems to hide inside the drum
and won't drain out by itself;

http://www.ultimatecarpage.com/forum/showthread.php?t=8142&page=4
Quote:
Originally Posted by Blue Supra
what is brake fade in drums? ive heard it refer to and i have a slight inkling but im not sure.


It's exactly the same as for disks.
the firction material heats up beyond it's operating range and loses it's friction properties.
As drums are a LOT harder to cool than discs this is a bigger issue with drums. ( Hence why truck drivers will ALWAYS brake using the gears and engine as much as possible )
This has become a more sever problem with the loss of asbestos as friction material as metal sintered material isn't all that clever in drums. I saw an early set of metal sintered shoes STUCK to the drums as they had overheating so much that a layer of metal was melted onto the drum interior and stuck to the metal still in the shoes. Another one of the reasons for NEVER putting on the parkign brake when doign track days ( the main one is the brake can stop working as it cools )
วันที่: 08 Jan 05 - 14:46

 ความคิดเห็นที่: 13 / 16 : 027791
โดย: ไก่น้อย
ชอบรูปร่างมาสด้า 3 มากกว่า แต่ว่าคงรอดู ford focus ก่อนครับ
ถ้า ford เอา focus เครื่อง 2.0 Duratorq TDCi Diesel (Stage III and Stage IV + DPF) มา
ก็ซื้อ ford แทนครับ ถ้าไม่ก็คงกลับมาซื้อ Mazda3 เหมือนเดิมครับ

ป.ล.
ford focus ได้ Immobiliser ตั้งแต่รุ่นต่ำสุดครับ
http://www2.fordconnection.com/fordconnection/multimedia/gbr_en/001/focus_specs.html
Spec Ford Focus ตัวใหม่ 5 ประตู ที่ใช้เครื่อง Duratorq TDCi Euro IV Diesel 1997 cc
136 แรงม้า
มี Diesel Particulate Filter
CO2 emissions: 148 g/km
อัตราการใช้น้ำมัน
ในเมือง 13.5 กิโล/ลิตร
นอกเมือง 21.7 กิโล/ลิตร
ในเมือง-นอกเมือง 17.8 กิโล/ลิตร
ความเร็วสูงสุด: 126 mph
อัตราเร่ง 0-60 mph: 9.3 วินาที

อ๋อเกียร์เป็นแบบ Durashift-6 ครับ เหมือนของ Mazda3 แต่ 6 Speed
วันที่: 08 Jan 05 - 15:56

 ความคิดเห็นที่: 14 / 16 : 027905
โดย: เลิศ
ยิ่งอ่าน ยิ่งเบื่อ......ผมได้ m3 มาใหม่ๆ ก็อยากได้อะไรอะไร เกี่ยวกับ m3 ใว้ใส่สมองหน่อย แ-่มกลับมาเจอไอ้พวกลูกพ่อแม่ไม่.......อีกแล้ว คุณอยากได้ยี่ห้อไหนก็ ไปให้พ้นๆเถอะ
มาอีกเจ้าแล้ว ...........ford focus เขาก็อยู่ของเขาดีๆ
วันที่: 09 Jan 05 - 14:20

 ความคิดเห็นที่: 15 / 16 : 027911
โดย: ไก่น้อย
ผมก็ไม่ได้บอกนะว่าไม่อยากได้ M3 (ก็บอกแล้วว่าชอบทรง M3 มันสวยกว่าเห็นๆ) แต่ว่าถ้าจองตอนนี้แล้วอีก 6 เดือนได้รถ ประกอบกับผมยังไม่รีบใช้รถ ทั้งเพื่อน ทั้งญาติ ก็แนะว่า รอดู ford focus ก่อนก็ไม่เสียหาย ผมก็เห็นว่าที่ญาติกับเพื่อนแนะนำก็มีเหตุผล
แล้วก็ปัญหา brake fade ผมก็เพิ่งรู้ตอนไปคุ้ยข้อมูลในเวปเหมือนกันแหละครับ ถึงได้คำตอบที่น่าพอใจ เพราะคุยกับเซลล์เขาก็บอกแต่ว่าดรัมดีกว่า ค่าดูแลรักษาถูก เบรคอยู่เหมือนกัน รถบรรทุกก็ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้าไม่ได้ไปอ่านตามกระทู้เมืองนอกก็ไม่รู้หรอก ว่าจริงๆ แล้วรถบรรทุกเขาใช้ engine brake เพราะถ้าใช้เบรคบ่อยๆ เบรคจะร้อน เมื่อถึงจุดนึงเบรคก็จะใช้ไม่ได้ เพราะการเบรคเป็นการเปลี่ยนพลังงานจลเป็นความร้อนผ่านตัวเบรค หากเบรคร้อนจัดจนไม่สามารถรับความร้อนเพิ่มได้ ก็จะเกิดปัญหา brake fade (เป็นทั้งในดรัมและดิกส์) แต่ดรัมระบายความร้อนได้แย่กว่าดิสก์มาก ซ้ำเมืองไทยเองก็เป็นเมืองร้อน
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงนะครับ แต่ผมคิดว่ายอมรอหน่อยกับจ่ายเงินเพิ่มนิดหน่อยเพื่อให้ได้ดิสก์หลังจะดีกว่า มันเงินไม่กี่หมื่น ยังดีกว่ามานอนเสียใจในโรงพยาบาลทีหลัง

ป.ล.
อีกอย่างคุณบุญเลิศขับ 4 ประตู สีดำตัวท็อป เบรคหลังมันเป็นดิสก์อยู่แล้วนี่ครับ immobilizer ก็มี...
วันที่: 09 Jan 05 - 15:20

 ความคิดเห็นที่: 16 / 16 : 028012
โดย: ต้น
คุณไก่น้อยครับ drum brake ล้อหลังไม่เกิด brake fade แน่ ในรถขับหน้าล้อหลังทำงานแค่ 20% หรือน้อยกว่า จากการทำงานของ brake โดยรวมครับ อย่างที่คุณ O-Omega เขียนไว้นะถูกแล้ว ผมว่าแทนที่จะมองเรื่องเบรคนะ ดูยางดีกว่า ถ้าเบรดแล้ว lock ง่าย หรือ ABS ทำงานบ่อย ก็แสดงกว่า brake ดีกว่ายาง ให้เปลี่ยนยาง
วันที่: 10 Jan 05 - 08:37