Close this window

สตาร์ทรถตอนเครื่องร้อนไม่ติด
อาการนะครับตอนเช้าสตาร์ทปกติ แต่พอจอดเมื่อไหร่่ดับเครื่องแล้วสตาร์ทภายในไม่เกิน 5 นาที สตาร์ทไม่ติดซะงั้น เสียงดังอืด อืดดด แล้วก็หมดแรงไป ต้องรอประมาณ15นาทีถึงจะสตาร์ติด หรือถ้าเปิดฝากระโปรงรถจะเร็วกว่านี้ ผมต้องเช็คที่ตัวไหนก่อนครับ (protege 1.6 mt) รบกวนช่วยหน่อยครับ

ปล.ช่วงนี้รถออกอาการเกเรบ่อยเหลือเกิน วันนี้ก็เพิ่งปะหม้อน้ำไป ปลั๊กคอยล์ก็หลวม เดือนก่อนก็พัดลมหม้อน้ำ เฮ้อสงสัยเดือนนี้กระเป๋าคงเบาสบายตั้งแต่กลางเดือนเลย
โดย: tonต้น   วันที่: 11 Sep 2014 - 22:06


 ความคิดเห็นที่: 1 / 20 : 819798
โดย: พีระพล
เช็คไฟที่ออกจากจานจ่ายไปหัวเทียนก่อน
วันที่: 12 Sep 14 - 14:24

 ความคิดเห็นที่: 2 / 20 : 819809
โดย: tonต้น
จานจ่ายอยู่ตรงไหนอะครับ เหมือนจำได้ว่าprotege 1.6 ไม่มีจานจ่ายนะ

ตอนนี้หาข้อมูลในเนตมา คิดว่าน่าจะเกิดจากไดสตาร์ทหรือแบตเตอรี่ ตอนนี้แบตเตอรี่ใช้ขนาด 45 แอมป์ มันน้อยเกินไปรึป่าวครับ
วันที่: 12 Sep 14 - 16:05

 ความคิดเห็นที่: 3 / 20 : 819815
โดย: พีระพล
งั้นน่าจะเป็นที่แบตฯ ตอนนั้นกำลังตก ก็ต้องไปพิจารณาไดชาร์ทหรือระบบไฟ
ตอนนันแบตฯร้อนมากหรือเปล่าครับ อาจจะชาร์ทแรงจนเดือด
แบตฯ 45 แอมป์ไม่น้อยครับ พอดีแล้ว

ที่บอกเซ็คจานจ่ายด้วยความเชยชินนะ คือเอาง่ายๆเช็คประกายไฟหัวเทียนว่าแรงปล่าว
วันที่: 12 Sep 14 - 16:32

 ความคิดเห็นที่: 4 / 20 : 819816
โดย: tonต้น
ผมก็ยังงงอยู่ว่าพอผ่านไปซะพักกลับมาสตาร์ทติดแบบปกติเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่าจะแวะเข้าร้านแบตเช็คแบตดูก่อนว่าปกติดีมั้ย
เดี๋ยวคืนนี้ถึงบ้านหลังจากจอดรถจะเปิดฝากกระโปรงดูครับว่าแบตร้อนมั้ยอย่างที่ท่านพีระพลแนะนำนะครับ
วันที่: 12 Sep 14 - 16:39

 ความคิดเห็นที่: 5 / 20 : 819817
โดย: พจน์400
ที่เคยเป็น เครื่องร้อนแล้วดับ ต้องรอ 10 นาที, เกิดจาก Camshaft Posision Sensor(เซนเซอร์เพลาลูกเบี้ยว)ที่อยู่ตรงฝาสูบด้านซ้าย(หันหน้าเข้ารถ) แม่เหล็กมันเสือมครับ,
ต้องรอมันเย็นถึงจะสตาร์ทใหม่ได้ , อาการวิ่งยาวๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้ารถติดๆ ความร้อนสะสมละ สักพักดับให้ได้อายกันเลย

เบิกห้างประมาณ 2 พัน รอ 2 วันครับ

หายไวๆ นะครับ
วันที่: 12 Sep 14 - 16:54

 ความคิดเห็นที่: 6 / 20 : 819822
โดย: tonต้น
ของผมพอจอดดับเครื่องลงไปซื้อของใน7-11แล้วกลับมาสตาร์ทไม่ติดครับท่านพจน์ เครื่องไม่ได้ดับเองครับ ต้องรอบุหรี่หมด2ตัวถึงจะสตาร์ทติดครับ
วันที่: 12 Sep 14 - 18:25

 ความคิดเห็นที่: 7 / 20 : 819844
โดย: tonต้น
แล้วไดสตาร์ทของ protege มันหลบอยู่ตรงไหนครับ เห็นแต่ไดชาร์ท ช่วยแนะนำด้วยครับ
วันที่: 12 Sep 14 - 23:21

 ความคิดเห็นที่: 8 / 20 : 819886
โดย: พจน์400
-อาการพวกนี้น่าจะเป็นพวกเซนเซอร์หรือเปล่าครับ?
-ไดสตาร์ท รู้สึกจะอยู่หลังเครื่อง แถวๆ ใต้แบตฯ ครับ
วันที่: 13 Sep 14 - 16:57

 ความคิดเห็นที่: 9 / 20 : 819895
โดย: tonต้น
เห็นมีหลบอยู่หลังเครื่องตัวนึงไม่รู้ใช่มั้ย ต้องมุดเข้าไปถอดใต้รถอะครับ
วันที่: 13 Sep 14 - 19:37

 ความคิดเห็นที่: 10 / 20 : 820095
โดย: srithanon
ลองตรวจหัวฉีดน้ำมันดูก่อนว่ารั่วหรือไม่ เพราะอาการนี้เท่าที่พบเจอจะมาจากหัวฉีดมันรั่ว อาการก็คือหลังจากที่ดับเครื่องยนต์ น้ำมันในท่อรางหัวฉีดยังคงมีแรงดันน้ำมันอยู่ เมื่อหัวฉีดรั่ว จะทำให้น้ำมันไหลหยุดลงไปในห้องสูบและมีไอน้ำมันกระจายไปทั่วท่อไอดี ดังนั้นเมื่อดับเครื่องยนต์แล้วมาสตาร์ทรถหลังจากผ่านไปสักห้าถึงสิบนาที จะสตาร์ทไม่ติด เพราะมีในห้องไอดีมีน้ำมันไอน้ำมากกว่าอัตราส่วนผสม คือมากกว่าอากาศ ทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ติดยาก
หากปล่อยให้เวลาเลยไปสักประมาณ 15-20 นาที ไอน้ำมันที่ค้างอยู่ในม่ิไอดีก็จะระเหยออกไปหมด ก็จะสตาร์ทติดได้ปกติ

อาการนี้ให้ทดลองสตาร์ทเครื่องหลังจากที่ดับเครื่องยนต์ ไม่เกินหนึ่งนาที จะสตาร์ทติด หรือดับเครื่องแล้วสตาร์ททันที เครื่องยนต์ก็จะติด นั้นหมายความว่า ในห้องไอดียังมีน้ำมันที่รั่วจากหัวฉีดเพิ่งเริ่มต้นและยังน้อยอยู่ และเป็นการบอกให้ทราบว่า ระบบเซ็นเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นแคร้งชาร์ปเซ็นเซอร์หรือ TDC sensor ทำงานปกติ

หากเซ็นเซอร์ที่กล่าวมาเสีย อาการของมัน เครื่องยนต์จะดับก็ต่อเมื่อมันเกิดควาทร้อนในตัวมัน ทำให้ขดลวดที่พันอยู่ในตัวมัน ชอรทเทิน เมื่อจุดแกนแท่งแม่เหล็กที่ติดตั้งบนส่วนของเพลาที่หมุนมาตักับขดลวดดังกล่า ก็จะไม่มีสัญญาณพัลส์โวลเต็จ เมื่อไม่มีสัญญาณการบอกตำแหน่งองศาการเคลื่อนที่ของลูกสูบไปให้กล่อง ECU ทาง ECU ก็จะไม่สร้างสัญญาณการจุดระเบิด IGT ไปยังวงจรช่วยจุดระเบิดทำงานสร้างไฟสูงให้กับหัวเทียน ในเวลาร้อนตัวมันหากวัดค่าความต้านทานจะวัดไม่ได้ แต่เมื่อตัวมันเย็นจะวัดได้แระมาณ 600-700 Ohm

ดังนั้นอาการเสียสตาร์ทไม่ติดในกรณ๊นี้ จะต้องรอให้เครื่องยนต์เกิดความเย็นเสียก่อน ประมาณครึ่งชั่งโมงขึ้นไป ถึงจะสตาร์ทติด ซึ่งจะมีความต่างกับอาการที่หัวฉีดน้ำมันรั่ว เพราะหัวฉีดน้ำมันรั่ว จะสตาร์ทติดทันที่หลังจากที่ดับเครื่องยนต์ หรือเพียงไม่เกิน1-2 นาที ก็จะติดทันที และเครื่องยนต์จะไม่ดับเอง ส่วนกรณีเป็นที่ตัวเซ็นเซอร์ดังกล่าว เครื่องยนต์จะดับเอง ก็ลองทดสอบตามที่ผมกล่าวดูก่อนครับว่าใช่หรือไม่ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ สิ่งที่ว่าใช่ก็อาจจะไม่ใช่ ในระบบอีเลคโทรนิคส์ ไม่ได้ตายตัว แต่สิ่งที่บอกให้รู้ก็คือต้องมีเครื่องมือตรวจสอบที่พร้อม ถึงจะแก้ัญหาได้จตรงประเด็น.......srithanon
ั้
วันที่: 15 Sep 14 - 17:29

 ความคิดเห็นที่: 11 / 20 : 820130
โดย: tonต้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

เครื่องไม่เคยดับเองครับ
ส่วนอาการสตาร์ทไม่ติดนั้นตอนดับเครื่องแล้วสตาร์ททันทีเลยจะไม่ติดครับ แต่เมื่อวานผมลองจับอาการดู จะสังเกตได้ว่าถ้าดับเครื่องหลังจากพัดลมหม้อน้ำหยุดทำงานแล้ว พอสตาร์ทใหม่อีกทีจะติดปกติ แต่เสียงสตาร์ทดูไม่ค่อยฟิตเท่าไหร่เหมือนมอเตอร์สตาร์ทแรงไม่เหมือนสตาร์ทตอนเช้า
และถ้าดับเครื่องขณะที่พัดลมหม้อน้ำทำงานอยู่ ส่วนมากเกิน 80% จะสตาร์ทไม่ติด
ถ้าใช้รถวิ่งใกล้ๆ10-15นาที จะไม่มีปัญหา ส่วนถ้าเจอรถติดหรือวิ่งระยะไกลประมาณครึ่งชม. จะเกิดอาการสตาร์ทไม่ติด
แต่ถ้าสตาร์ทไม่ติดแล้วเดินลงมาเปิดฝากระโปรงหน้าแล้วเดินมามาบิดกุญแจก็ติด แต่เหมือนมอเตอร์สตาร์ทจะหมุนไม่ค่อยดี ดังอืดๆ
รถผมติด lpg หัวฉีดสตาร์ทน้ำมัน ดับเครื่องด้วยแก๊ส
ใช้แบต ขนาด 45 แอมป์ แบบธรรมดาอายุแบตประมาณ 2 ปี
ตอนนี้ผมกำลังสงสัยมอเตอร์สตาร์ทว่าน่าจะเกิดอาการน่าจะเสีย กับตัวเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิหม้อน้ำ และแบตเตอรี่ที่ใกล้เสื่อม แต่ผมอยาากจะเอาให้ตรงจุดก่อนเพราะช่วงนี้งบน้อยมาก เดี๋ยวต้องไปเช็คสภาพก่อนครับว่ามันเสื่อมหรือไม่ จะเอาไปเช็คหลายวันแล้วแต่ติดงานตลอด สงสัยงวดนี้คงจะเสียเงินค่าเปลี่ยนแบต ล้างมอเตอร์สตาร์ทแล้วเปลี่ยนแปรงถ่านไปเลย กระเป๋าแบนอีกแล้ว
วันที่: 16 Sep 14 - 08:53

 ความคิดเห็นที่: 12 / 20 : 820136
โดย: srithanon
ข้อมูลที่ให้ใหม่นี้ แสดงว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่มาจากหัวฉีดรั่ว ตามที่ผมเช้าใจ ผมนึกว่าใช้ระบบน้ำมันตลอด การที่ใช้ระบบแก็สก็มีปัญหาเช่นเดียวกันกับ ระบบหัวฉีดน้ำมัน คือมีปริมาณแกสหนาหรือ *_* วฉีดแก็สรั่ว หลังจากที่ดับเครื่องยนต์ เมื่อเวลาสตาร์ทด้วยระบบน้ำมัน ก็ยิ่งมีปริมาณเชื้อเพลิง แกส + กับน้ำมัน มากในอัตราส่วนผสม สตาร์ทติดยาก

เพื่อให้หายสงสัยในกรณีนี้ ให้คุณลองใช้ระบบน้ำมันอย่างเดียว แล้วลองดับเครื่องยนต์ แล้วสตาร์ทดูครับ หากสตาร์ทติดได้ปกติ แสดงว่าการใช้ระบบแกสมีปัญหา หัวฉีดแกสรั่ว ที่คุณบอกว่า หากดับเครื่องแล้วเปิดฝากระโปรงรถไว้สักพัก แแล้งกลับมาสตาร์เครื่องยนต์ติด เพราะว่าไอแกสในท่อไอดีถูกระบายออกจากห้องไอดี เวลสสตาร์ทน้ำมันจึงติด

กับสิ่งที่บอกว่าหากดับเครื่องแล้ว จะสตาร์ทเครื่องยต์ไม่ติดหากพัดลมหม้อทำงาน ตรงนี้ผมไม่เข้าใจว่าระบบระบายความร้อนหม้อน้ำรถคุณ หลังจากที่ดับเครื่องยนต์แล้วพัดลมหม้อน้ำยังทำงานอยู่อีกระยะหนึ่งหรือครับ ปกติดับเครื่องยนต์พัดลมก็ต้องหยุดหมุน เพราะไม่มีไฟจ่ายให้กับมอเตอร์พัดลม หากมาดูการวิเคราะห์ปัญหาแล้ว ทำให้สงสัยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งประเด็น คือในขณะที่พัดลมทำงานจะใช้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่ ประมาณ 5-6 Amp หรือมากกว่านั้น เป็นไปได้ว่าแบ็ตเตอรี่รถของคุณ อาจจะเก็บกระแสไฟไม่เต็มที่ คือเสื่อม ทำให้กระแสไฟที่ใช้ในการสตาร์ท ไม่ค่อยพอจ่ายให้กับมอเตอร์สตาร์ท มอเตอร์จึงไม่ค่อยมีกำลังในหารขับฟลายวีลให้เครื่องยนต์ติด

กับกรณีที่กำลังสตาร์ทในขณะนั้น ไฟในหม้อแบ็ตเตอรี่ จะมีแรงเคลื่นโวลเต็จลดลงมามาก อาจจะเหลือแค่ 7 volt ทำให้ไปจุดระเบิดมีไฟสูงลดลง ก็ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก

สิ่งที่ควจจะตรวจสอบในปัญหานี้ก็คือ
ประการแรก ให้ทดลองใช้ระบบน้ำมันอย่างเดียว ทั้งสตาร์ทและดับเครื่อง หากสตาร์ทติดง่ายไม่เกี่ยวกับว่าจะต้องรอให้เครื่องเย็นแล้วถึงสตาร์ทติด หากปกติให้มุ่งไปที่ประเด็นระบบแกสมีปัญหา หากยังมีอาการเหมือนเดิม ให้ทำในขั้นตอนต่อไป
ประเด็นที่สอง กรณีที่สวสัยมาจากระบบแกส คาดว่ารั่วจากหัวฉีดแกส เมื่อกลับมาใช้ระบบแกส หลังจากที่ดับเครื่องยนต์ ให้ถอดกรองอากาศออก แล้วเหยียบคันเร่งให้สุด เพื่อใให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดสุด เราจะได้กลิ่แกสที่ท่อเข้ากรองอากาศ และเป็นการระบายไอแกสออกทันที สักประมาณ 1-2 นาที แล้วรีบใส่กรองอากาศ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ทันที หากติดก็มั่นใจว่าหัวฉีดแกสรั่ว แค่เอากรองอากาศออกและได้กลิ่นแกสก็ค่อนข้างแน่ใจได้แล้วว่าหัวฉีดแกสรั่ว

ในกรณีที่สงสัยเรื่องแบ็ตเตอรี่เสื่อม เก็ไฟไม่อยู่ ก็ให้ถอดแบ็ตเอาไปให้ร้านแบ็ตชาร์จใให้เต็มและวัดกระแสไฟเอาไว้ว่า มีกระแสไฟวัดได้กี่แอมป์ จากนั้นเอาแบ็ตปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน อย่าเพิ่งใส่กลับเข้าที่เดิม ในตอนเช้าเอาแบ็ตมาวัดกระแสไฟอีกครั้งว่ามีกระแสอยู่เท่าเดิมหรือไม่ หรือหากแบ็ตเสื่อม จะวัดได้กระต่ำลงมาก เช่นวัดตอนแย็ตเต็ม ได้ 45 amp แต่พอข้ามคืนวัดได้ 20 กว่าแอมป์ ประเภทนี้ แสดงว่าแบ็ตเสื่อมเก็บกระแสไฟไม่อยู่

สำหรับมอเตอร์สตาร์ท คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะว่าในขณะที่ทำการสตร์ทเครื่องยนต์ หากแบ็ตมีไฟไม่ตก จะได้ยินเสียงมอเตอร์สตาร์ททำงานหมุนจานฟลายวีลเครื่องยนต์ได้ ถือว่าปกติ แต่ที่ไม่ติดก็เพราะสาเหตุที่กล่าวมาข้างบน

สำหรับในกรณีที่คิดว่าปัญหามาจากระบบแคร้งชาร์ปเซ็นเซอร์ หากดับเครื่องยนต์ และหรือเมือใช้รถจนเครื่องร้อน แล้วสตาร์ทไม่ติด ให้ทำการดึงปลั๊กสายไฟสัญญาณที่ไปเข้าตัวแคร้งชาร์ปเซ็นเซอร์ ออกมาวัดค่าโอมห์ หากวัดไม่ขึ้นแสดงว่าเสีย และในกรณีตัวเครื่องยนต์เย็นลง หากวัดค่าโอมห์(ค่าความต้านทานในตัวเซ็นเซอร์) จะวัดได้600-700 Ohm ปกติแล้วไม่ว่าจะร้อนหรือเย็นต้องวัดค่าความต้านทานขึ้นเท่ากันตลอด ก็เป็นการตรวจสอบตัวแคร้งชาร์ปเซ็นเซวอร์ ในกรณีที่คิดว่ามันเสีย

ก็ลองตรวจสอบตามที่ผมแนะนำอีกครั้ง อาจจะเจอปัญหาก็ได้ครับ ......Srithanon
วันที่: 16 Sep 14 - 10:51

 ความคิดเห็นที่: 13 / 20 : 820139
โดย: พีระพล
ตามที่เล่ามา น่าจะเปลี่ยนแบตฯเป็นลำดับแรก
ผมเคยเจอสตาร์ทไม่ค่อยติดกับตาตี่ แบตฯประมาณครึ่งปี ตอนเช้าสตาร์ทไม่ค่อยจะติด แล้วต่อๆมาจะไม่ค่อยอยากจะติดทุกเวลาที่ดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ ล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนถ่านไดสตาร์ทก็แล้ว เพิ่มตัวช่วยสตาร์ทก็แล้ว สุดท้ายกัดฟันเปลี่ยนแบตฯที่อายุไม่ถึงปีนี่แหละ หายสนิทเลยครับ
สู้ สู้ สู้
วันที่: 16 Sep 14 - 11:17

 ความคิดเห็นที่: 14 / 20 : 820146
โดย: tonต้น
ขอบคุณท่านSrithanon กับท่าน พีระพล ครับ

แล้วแบตผมใส่รุ่นไหนถึงจะพอดีกับฐานรองครับ ตอนนี้จากที่ผมดูแบบเติมน้ำกลั่นธรรมดาไม่มีขนาดที่ลงได้พอดีเลย ลองเปลี่ยนแบตดูก่อนไหนๆก็ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว จัดการแบตก่อนดีกว่า
วันที่: 16 Sep 14 - 11:44

 ความคิดเห็นที่: 15 / 20 : 820160
โดย: tonต้น
เมื่อสักครู่ไปถอดกรองอากาศมาเป่าฝุ่น ก็เลยเหลือบไปดูแบตซะหน่อยว่าพอจะวางใหญ่กว่าเดิมได้มั้ย ปรากฎว่าน่าจะวางไม่ได้ครับเพราะติดท่อแก๊สที่มันล้ำเข้ามาในฐานแบต คงต้อง 45แอมป์ลูกเล็กเท่าเดิม ไม่งั้นต้องมาย้ายท่อแก๊สอีก แล้งก็เช็คน้ำกลั่นแบตซะหน่อยเพราะไม่ค่อยไว้ใจตาแมวซะเท่าไหร่ เช็คมาถึงช่องสุดท้ายอะไรมาดลใจให้ไปมองวันเดือนปีของแบตที่ตอกไว้ก็ไม่รู้ ปรากฎว่าแบตลูกนี้ใช้มาตั้งแต่ต้นเดือน 4 ปี 2011 เกือบ 3 ปีครึ่งเข้าไปแล้ว อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สตาร์ทไม่ค่อยติดก็เป็นได้ เดี๋ยวรอเปลี่ยนแบตแล้วจะมาแจ้งความคืบหน้าอีกครั้งนึงครับ
วันที่: 16 Sep 14 - 13:55

 ความคิดเห็นที่: 16 / 20 : 820213
โดย: tonต้น
จากเมื่อวานที่ถอดกรองอากาศออกมาเคาะและเป่าฝุ่นออก ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเมื่อเช้าไม่ว่าจะสตาร์ทรถตอนไหน เครื่องเย็น เครื่องร้อน สตาร์ทเป็นปกติดี ไม่มีปัญหาใดๆเลย อาจจะเป็นเพราะกรองอากาศสกปรกอุดตัน ทำให้อากาศเข้าน้อยไป และอัตราเร่งดีขึ้นมาทันตาเห็นด้วย
เดี๋ยวผมจะดูอาการอีกซะอาทิตย์นึงว่าจะมีอาการสตาร์ทไม่ติดอีกมั้ย
ถ้าปัญหาเกิดจากกรองอากาศเป็นปัญหาที่ปลายจมูกจริงๆครับ
ช่วงนี้ผมขับรถผ่านแถวๆดาวคะนองแยกมไหสวรรย์ทุกวัน คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำใให้กรองอากาศสกปรกเร็วขึ้นเพราะมีการก่อสร้างถนนอยู่แถวๆนั้น
เดี๋ยวผมจะมารายงานผลอีกครั้งนะครับ เสาร์นี้จะเอารถไปลองขับทุกสภาวะดูว่าจะเกิดอาการสตาร์ทไม่ติดอีกมั้ย
วันที่: 17 Sep 14 - 07:50

 ความคิดเห็นที่: 17 / 20 : 820332
โดย: พจน์400

ผ่านทางเดียวกันเลย, ต้องดูแลกรองบ้างแล้ว
วันที่: 18 Sep 14 - 20:27

 ความคิดเห็นที่: 18 / 20 : 820549
โดย: tonต้น
กลับมารายงานผลครับ
หลังจากที่ได้เคาะทำความสะอาดกรองอากาศไป รถก็สตาร์ทเป็นปกติได้ไม่กี่วันอาการเดิมก็กลับมาอีก และเมื่อวันเสาร์ได้เทสรถอย่างหนักหน่วงบนถนนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตกในช่วงกลางวันลมีอาการรถอืดขึ้น และลองขับรถชึ้นไปที่ลานจอดรถเดอะมอลล์บางแคพบว่ากำลังรถตกลงไปจากปกติ พอดับเครื่องแล้งสตาร์ทก็ดังอืดๆแล้งก็ไม่ติด ก็เลยไปเดินเล่นหาของกินกับท่านผบ.ซะพักใหญ่ แล้วกลับมาสตาร์ทก็ปกติ
ผมเลยตัดปัญหาไดสตาร์ทเสียออกไป เมื่อขับกลับมาเห็ร้านแบตเปิดอยู่ก็เลยแวะซะหน่อย จับวัดค่านู่นค่านี่ออกมาก็ปกติดีแต่็อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรเปลี่ยนได้แล้ว พอดีกระเป๋าแบนก็เลยยังไม่เปลี่ยนก็เลยถามที่ร้านไปเค้าก็บอกว่าใช้ได้อีกพักนึงซะ2-3 ก็เลยตัดปัญหาเรื่องแบตกับไดชาร์ทไป แล้วก็ไปนั่งงงอยู่ที่บ้านท่านผบ.อีกพักใหญ่ จนท่านบอกว่าให้ตัดใจขายทิ้งไปดีกว่า แล้วผมก็ขับกลับบ้านตัวเอง ไม่รู้คิดยังไงแวะเข้าปั๊มเติมน้ำมันแล้วก็วิ่งน้ำมันกลับบ้าน ในขณะวิ่งบนกลางทางเครื่องได้กระตุกงิ่งไม่ครบสูบที่เกียร์5 พอเอาลงมาเกียร์4 กดคันเร่งลงไปแรงๆประมาณ10วินาที รถก็กลับมาวิ่งปกติอีกครั้ง แล้วก็สับเป็นแก๊สทันทีก็ปกติจนถึงบ้าน เริ่มคิดว่าเป็นที่คอยล์จุดระเบิดแล้ว

งันอาทิตย์เอารถวิ่งจาบ้านที่พระราม3ไปหาญาติที่มหาชัยได้โอกาสวิ่งยาวๆดูอีกครั้ง งิ่งถึงเมืองใหม่อาการเดิมกับเมื่อคืนกลับมาอีกแล้วที่เกียร์5 ประมาณ80กม/ชม. ก็เลยจัดการเข้าเกียร์4 กดคันเร่งแรงๆแล้วก็หาย ขากลับรู้สึกว่าเครื่องมันอืดๆไปสูบนึง แวะกินข้าวแล้วกลับมาสตาร์ทเหมือนแรงจุดระเบิดไม่ค่อยดีมีวูบต้องเหยียบคันเร่งไว้ถึงตอนนี้ผมคิดถึงหัวเทียนขึ้นมาทันที วันนี้ตอนเย็นหลังเลิกงานถือหัวเทียนมา4หัวให้ช่างประจำเปลี่ยนให้ พอถอดของเก่าออกมาเป็ดไปตามคาด มีบอด1หัว และอีกหัวก็เริ่มออกอาการ
เมื่อเปลี่ยนเสร็จก็วิ่งทดสอบ ก็ออกมาปกติทุกอย่างทั้งอัตราเร่ง อาการเดินไม่ครบสูบ และลองดับสตาร์ทดู 5 ครั้งก็ปกติทุกครั้ง

ตอนนี้สรุปเบื้องต้นอาการสตาร์ทไม่ติดเกิดจากแค่หัวเทียนหัวเดียว
อาการเร่งแล้วอืดก็เกิดจากหัวเทียนหัวเดียวเช่นกัน
อาการวิ่งๆอยู่แล้ววูบวิ่งไม่ครบสูบก็หัวเทียนหัวเดียวเช่นกันตอนแรกออกทะเลไปที่ปลั๊กคอยล์ซะงั้น
ตอนนี้ลองวิ่งดูอีกซะพักแล้วจะถอดออกมาดูหัวเทียนเพื่อจะดูว่าเกิดปัญหาภายในหรือไม่ แล้วจะมาแจ้งผลให้ทราบอีกที
วันที่: 22 Sep 14 - 20:20

 ความคิดเห็นที่: 19 / 20 : 820595
โดย: tonต้น
ตอนนี้อาการเดิมก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิมครับ อาการสตาร์ทไม่ติดหลังจากดับเครื่องแล้วสตาร์ทเลยยังคงอยู่
อาการวิ่งไม่ครบสูบตอนผ่อนคันเร่งก็ยังโผล่มาให้เห็นเมื่อคืนตอนกลับบ้านพอกดคันแรงแรงๆหน่อยก็หายไป (ใช้น้ำมันวิ่ง)
ขณะนี้ได้เปลี่ยนคอยล์ที่สงสัยว่าจะเสียแล้วเมื่อกี้แล้ววิ่งเทสดูก็ยังไม่เกิดอาการผิดปกติ เดี๋ยวจะลองคืนนี้ดูอีกรอบว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้เริ่มคิดเอนเอียงไปหาที่หัวฉีดรั่วแล้วครับ เพราะหัวเทียนที่ถอดมาเมื่อวานมีคราบเขม่าดำติดอยู่
วันที่: 23 Sep 14 - 13:51

 ความคิดเห็นที่: 20 / 20 : 820766
โดย: tonต้น
อาการทุกอย่างตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้งแล้วครับ

เริ่มจากสตาร์ทไม่ติดก่อนนะครับ
เมื่อวานผมได้เปลี่ยนแบตใหม่ อาการสตาร์ทไม่ติด ไดสตาร์ทหมุนเอื่อยๆ ได้หายไปทันที
จุดสังเกตุ
ตอนกลางวันเมื่อใช้งานรถ แล้วจอดกลับมาสตาร์ทใหม่ บิดกุญแจไปที่ on เสียงตึ้งๆๆๆๆ ดับแล้วจึงค่อยสตาร์ท พอสตาร์ทติดเสียงตึ้งๆๆๆๆกลับมาดังอีกรอบ เหมือนกับไฟมันไม่พอ แต่ไดสตาร์ทหมุนไปแล้วมีแรงพอทำให้รถเครื่องติดได้ แต่ไฟที่แบตแรงมันหายไปแล้ว ดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ดังอืด อืด สองทีเงียบ ต้องนั่งรอสักพัก ถึงสตาร์ทติด พอตอนกลางคืนใช้รถเปิดไฟทุกอย่างเต็มที่ จอดดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ ดังอืด อืด สองทีเงียบ รอสักพักสตาร์ทอีกทีติดแบบอาการเดิมๆ ตอนเช้าสตาร์ทรถติดก็ติดแบบเกือบไม่ติดพอวิ่งมาถึงทำงานตอนสายๆมาวัดดวงดูเปิดไฟเปิดแอร์หมดทั้งคันรถซะนาทีนึงบิดกุญแจสตาร์ทเสียงดังอืดแบบหมดแรงสุดๆแค่ทีเดียวแล้วเงียบเลย ชัดเจนเลยครับ แบตไฟหมดแล้ว ก็เลยหารถคันอื่นมาพวงแบตซะหน่อย สตาร์ทติดแบบที่ไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้มานาน ไดสตาร์ทหมุนแน่นมาก ก็เลยโทรไปร้านแบตให้เตรียมแบตไว้เพื่อตอนเย็นจะเข้าไปเปลี่ยน หลังจากนั้นตอนเย็นก็เข้าไปเปลี่ยนแบตสตาร์ติดแบบไร้กังวล เครื่องนิ่งขึ้น เสียงเครื่องตอนเดินเบาดังน้อยลง น่าจะเกิดจากการที่ไดชาร์จทำงานน้อยลง เรื่องสตาร์ทไม่ติดจึงจบไป

อาการวิ่งแล้วเครื่องอืด ขณะวิ่งอยู่ที่เกียร์5 แล้วก็วูบลงเหมือนเดินไม่เต็มสูบ คล้ายๆอาการคอยล์เสีย แต่พอทอนเกียร์ลงมาที่เกียร์4 แล้วกดคันเร่งแรงๆแล้วหาย
เกิดจากคอยล์เสียจริงๆครับ แต่มันไม่ได้เสียแบบว่าจบเลย เหมือนมันเสื่อมสภาพมากกว่า จ่ายไฟนิ่งบ้างไม่นิ่งบ้าง หลังจากที่ผมเปลี่ยนคอยล์ใหม่เมื่อวันก่อน จนถึงวันนี้ยังไม่เกิดอาการนั้นให้เห็นอีกเลย ตอนนี้ยิ่งเปลี่ยนแบตมาใหม่ด้วย กดคันเร่งเบาๆรถก็พุ่งแล้วครับ

สรุปค่าเสียหายในครั้งนี้
1.ค่าแบตเตอรี่ FB 45 แอมป์ 1600 บาท
2.ค่าหัวเทียน KJ16CR L11 หัวละ 60 บาท 4 หัวก็ 240 บาท
3.คอยล์จุดระเบิด 1 ตัว อันนี้ซื้อไว้ตั้งแต่ตุลาปีที่แล้ว เป็นของไต้หวันมือ1 ที่ร้านบางไผ่ตากสิน 900 บาท จริงๆแล้วผมเอามาเก็บสำรองไว้ในรถ เผื่อไว้ยามฉุกเฉินกลางทางตอนไปตจว.
4.ค่าวุ้นเย็นๆตอนนั่งรอเครื่องเย็นเพื่อเปลี่ยนหัวเทียนกับคอยล์ประระมาณ 200 บาท

ทั้งหมดก็ 2940 บาท
ช่วงนี้เดินตัวเบาเลยครับ ยังดีที่ใกล้สิ้นเดือนแล้ว
วันที่: 25 Sep 14 - 11:07