หากวัดเทสการจ่ายกระแสไฟ โดยไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ ก็หมายความว่า มีกระแสไฟรั่วลงกราวด์แน่นอน ปกติแล้วเราจะวัดได้ไม่เกินสองสามร้อยมิลลิแอมป์ ที่วัดได้แค่นี้เพราะว่า มีการใช้ไฟของเครื่องป้องกันขโมย และไฟที่จ่ายแบ็คอัพพวกเมมโมรี่โปรแกรมของเครื่องเสียงและวิทยุ
ในกรณีที่คิดว่าเป็นที่ตัวไดน์ชาร์จ ในระหว่างที่ทำการวัดกระแสไฟต่อแอมป์มิเตอร์อนุกรมหรือซีรี่เข้ากับขั่วลบของแบ็ต ให้เราถอดสายไฟเส้น +B ที่ตูดไดน์ชาร์จที่ต่อไฟไปชาร์จที่ขั่วบวกของแบ็ตออก แล้วดูว่าที่ตัวแอมป์มิเตอร์มีกระแสไฟลดลงหรือไม่ หากลดลงมาเหลือประมาณสามร้อยมิลลิแอป์ ก็แสดงว่าที่ตัวไดน์ชาร์จ มีไดโอดเร็คติฟลายชอร์ทบางตัวลงกราวด์
หากเอาสายไ ฟ+B ออกแล้วยังวัดกระแสได้เท่าเดิม แสดงว่าชอร์ทที่วงจรไฟอื่น ให้ทดลองดึงฟิวส์ในกล่องหน้ารถออกทีละตัว และที่กล่องฟิวส์ใต้แผงหน้าปัทม์ดู หากดึงตัวไหนแล้วทำให้แอมป์มิเตอร์ลดลงมาตามที่กล่าวข้างบน ให้ตรวจสอบไล่สายไฟจากฟิว์ตัวนั้นไปว่านำไปใช้กับอะไรที่ไหนก็จะพบตัวที่ทำให้ไฟชอร์ทลงกราด์
การซ่อมตัวไดน์ชาร์จ หากเปลี่ยนตัวซิลิคอนเร็คติฟลาย ไม่แพงตัวละสามสี่สิบบาท แต่ค่่่แรงจะแพง แต่ถ้าช่างไม่มีลูกเล่นว่าซ่อมไม่ได้ ต้องเปลี่ยนอย่างเดียว ก็สามพันกว่าบาทมือสอง โดยมากช่างจะใช้วิธีหลัง เพราะนั่นมันหมูเข้าปากหมาแล้ว หากโกงไปโกงมา ก็น่าจะอยู่ในราวห้าหกร้อยบาท แล้วแต่ช่างแต่ละที่ ช่างที่ดีกับลูกค้าก็มี ดีน้อยก็มี เอาเปรียบลูกค้าอย่างเดียวก็มี แล้วแต่โชคทีได้พบเจอครับ.....sriithanon
|