โดย: manut
|
|
ผมมีข้อเสนอนะครับ(หยิบของคนอื่นมาเล่า)ตอนนี้ผมก็ติดแก๊สอยู่.......
ประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์
-มันสามารถพาเราไปเที่ยวได้ทุกที่ ยกเว้นบนท้องฟ้า และใต้บาดาล ที่มาของการติดตั้งระบบแก๊ส LPG
-น้ำมันขึ้นราคาเรื่อยๆ จนขณะนี้ไม่เหมาะกับการซื้อหาให้บริโภค เพราะเรามีทางเลือกที่ประหยัดกว่า ด้วยการใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิง โดยขณะนี้แก๊สยังไม่แพงเท่าไร หรือถ้าแพงรัฐก็น่าจะอุ้มตลอดไปเพราะเป็นปัจจัยการบริโภคขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทย ซึ่งมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียนกัน (ขณะตัดสินใจติดแก๊ส ราคาน้ำมัน ๑๔.xx บาท แก๊สราคา ๗.๘๐ บาท)
-เวลาไปเที่ยวเติมน้ำมันบ่อยมาก เวลาไปตามเส้นทางทุรกันดารเจอปั๊มหลอดก็ต้องเติม และต้องเสียเงินซ่อมบำรุงระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในภายหลัง เพราะน้ำมันตัน
-เพื่อความประหยัดในการใช้จ่ายโดยรวมของมนุษย์เงินเดือน
-ด้วยความเคียดแค้นไม่อยากตกเป็นทาสทางเศรษฐกิจประเทศอาหรับกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน ทั้งๆที่มันมีน้ำมันขายเพียงอย่างเดียว ข้าวและหลายสิ่งหลายอย่างซื้อจากเราประเทศไทย
ข้อดี และข้อไม่ดี ในการใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิงของรถยนต์ อีก ๑ ระบบ ร่วมกับ น้ำมันเบนซิน
ข้อดี
-ประหยัดเงินในการใช้เชื้อเพลิงขับเคลื่อนรถยนต์ ก.ม.ละ ๑ - ๒ บาท อย่างแน่นอน เช่น ๑ ปี ใช้รถ ๕๐,๐๐๐ ก.ม. จะมีเงินเหลือจากที่เคยใช้น้ำมันเบนซิน ๕๐,๐๐๐ ๑๐๐.๐๐๐ บาท
ตัวอย่าง สมมุติว่ารถกินน้ำมันประมาณ ๖ ก.ม./ลิตร วิ่ง ๓๕๐ ก.ม.ต้องเติมน้ำมันประมาณ ๕๘ ลิตร เป็นเงินประมาณ ๑,๐๕๕ บาท ถ้าเติมแก๊ส ๕๘ ลิตร จะเป็นเงินประมาณ ๕๓๖ บาท จะประหยัดเงินทันที ๕๑๙ บาท ซึ่งท่านอาจจะสงสัยว่ารถกินแก๊สกับน้ำมันเท่ากันหรือไง จริงๆ แล้วไม่เท่ากันหรอกครับ แต่เราสามารถบังคับให้กินเท่ากันได้ด้วยการปรับแก๊สให้สิ้นเปลืองอัตราเดียวกับน้ำมัน โดยยอมให้กำลังของเครื่องน้อยลงไปกว่าน้ำมันพอสมควร ซึ่งตามปกติแล้วแก๊สจะให้พลังงานในขอบเขตจำกัด ไม่มีทางที่จะเท่าน้ำมันหรือใกล้เคียงน้ำมันในรอบสูงได้ ผมขอยืนยัน เพราะเท่าที่ทดสอบมาใกล้เคียงน้ำมันในช่วงเกียร์ ๑, ๒ และ ๓ เท่านั้น ส่วนในช่วงตีนปลายให้ความเร็วเท่าที่เรารับได้คือประมาณ ๒,๐๐๐ ๒,๕๐๐ รอบ ซึ่งจะให้ความประหยัดสูงสุด แต่ถ้าเราจะปรับให้รถสามารถวิ่งเร็วขึ้นเป็น ๓,๐๐๐ ๔,๐๐๐ รอบ ก็ทำได้ แต่รถจะกินแก๊สมาก ทำให้ขณะเครื่องเดินเบาจะเหม็นแก๊ส เพราะเผาไหม้แก๊สไม่หมด ถ้าจะวิ่งเร็วๆ ก็สับสวิทช์ใช้น้ำมันไปเลยจะดีกว่า ตามอัตราการสิ้นเปลืองนี้ เป็นการใช้รถระหว่างในเมืองและนอกเมืองผสมกัน ถ้าใช้ในเมืองเพียงอย่างเดียวอัตราการสิ้นเปลืองจะมากกว่านี้ คือประมาณ ๕.๒ ๕.๖ ก.ม./ลิตร แต่จะได้ความประหยัดมากว่าใช้น้ำมันนอกเมือง โดยจะประหยัดเงินถึง ก.ม.ละ ๑.๕๐ ๒.๐๐ บาท เลยทีเดียว (ไม่เชื่อลองเปรียบเทียบกัน แล้วนำมาคิดเป็นเงินดูซิ)
-ช่วยลดมลภาวะในอากาศ (ไม่มีแหล่งอ้างอิง ฟังเขามา)
-รู้สึกว่ารถของเราเจ๋งกว่าคนอื่น เพราะใช้น้ำมันก็ได้ ใช้แก๊สก็ได้ แล้วแต่อารมณ์และความเหมาะสม
-ไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อยๆ ไม่ต้องกลัวน้ำมันหมด และไม่ต้องเติมน้ำมันที่ปั๊มหลอดในเส้นทางทุรกันดาร ให้เกิดความสกปรกในระบบเก็บและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและทำให้เราเสียเงินในภายหลัง เพราะว่าเรามีแก๊สเชื้อเพลิงตุนอยู่ในระบบเชื้อเพลิงของเราอีก ๕๐ ลิตร ถึง ๙๐ ลิตร ตามขนาดของถังแก๊สที่ติดตั้งเพิ่มเอาไว้ ถ้าเราบริหารการใช้เชื้อเพลิงตามเส้นทางที่จะไปให้ดี
-ขณะที่เราใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงนั้น ไม่ต้องพะวงเกี่ยวกับเรื่องปั๊มติ๊กจะเสีย, กรองน้ำมันจะตัน หรือปัญหาการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจาก อี ซี ยู ขณะที่รถกำลังวิ่งเพราะไม่เกี่ยวกัน การใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงเป็นระบบง่ายๆ โดยแรงดันจากถังแก๊ส ดันแก๊สมาจากถัง ผ่านกรอง เข้าไปในหม้อต้มเพื่อลดแรงดันให้พอเหมาะ จากนั้นก็จ่ายเข้าไปในระบบไอดี โดยเครื่องจะดูดเข้าไปพร้อมอากาศที่เหมาะสม และจุดระเบิดเป็นพลังงาน เหมาะกับการใช้รถในเมืองที่การจราจรคับคั่งและบุกป่าเป็นอย่างมาก ไม่ต้องกลัวรถดับจากระบบเชื้อเพลิง
ข้อไม่ดี (ไม่ใช่ข้อเสีย)
-จะมีถังแก๊สวางไว้หลังเบาะด้านหลัง ทำให้เสียพื้นที่ไปพอสมควร แต่เสียความรู้สึกในหลายๆด้านเยอะมาก........ดังนี้.-
-แก๊สจะรั่วหรือจะระเบิดหรือเปล่าว๊ะ อันตรายจริงๆ เพราะว่ามันอยู่กับผู้โดยสารในห้องโดยสารเลยครับ
-ใครมาชะโงกเห็นถังแก๊สก็มักจะตำหนิว่าอันตรายมาก แต่คนที่ใช้แก๊สจริงๆ เมื่อเห็นจะชมว่าถังใบใหญ่ดีบรรจุแก๊สได้เยอะ ถังนี้ไปได้ถึงไหนครับ
-เวลาขับรถไปก็จะมีเสียงดังเล็กน้อย ออกมาจากถังแก๊ส คือมันดังมาจากลูกลอยในถังแก๊ส สังเกตุดีๆจะได้ยิน แต่ก็จะชินไปเอง เพราะว่าความสิ้นเปลืองอยู่ที่ ๑.๓๐ บาท ๑.๘๐ บาท ต่อกิโลเมตร ไม่ใช่ ๒.๕๐ บาท ถึง ๓.๘๐ บาท (ราคาปัจจุบัน) ต่อกิโลเมตร ทำให้หูไม่ได้ยินเสียงดังกล่าวได้
-ทำให้รถที่รักของเรามีรูเพิ่มในห้องโดยสารจากมาตรฐานเดิมประมาณ ๖ รู คือรูน๊อตยึดถังแก๊สและรูสอดท่อแก๊สอยู่ที่บริเวณที่ติดตั้งถังแก๊ส ซึ่งควรจะอุดเสียให้เรียบร้อย หลังจากติดตั้งระบบแล้ว
การเสื่อมสภาพของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งนั้น ไม่มีสเป๊คกำหนดเวลาการใช้งานที่แน่นอน และเราไม่ทราบว่าจะไปหาความรู้ได้จากที่ไหน เพราะผู้ประกอบการก็ไม่รู้ และบอกว่าถ้าพังก็มาซ่อมก็แล้วกัน ฮา
-การติดตั้งระบบนั้น ผมไม่ทราบว่าในเมืองไทยนั้นมีระบบหรือหน่วยงานที่ควบคุมและรับรองเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นได้ แต่สิ่งที่ได้มาคือราคาที่ถูก เท่าที่ทราบในต่างประเทศถ้าเพิ่มระบบแก๊สเข้าไปในรถยนต์จะมีราคาแพงในระดับ ๑๐๐,๐๐๐ กว่าบาทเลยทีเดียว
-ในปัจจุบัน ไม่มีอุปกรณ์เกี่ยวกับแก๊สรถยนต์สำหรับเครื่องยนต์เกิน ๒,๐๐๐ ซีซี ที่ผลิตในประเทศไทย คงมีแต่สำหรับเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน ๒,๐๐๐ ซีซี ทำให้รถของเราซึ่งมีขนาดเกินกว่า ๒,๐๐๐ ซีซี จึงต้องใช้ของเก่าจากต่างประเทศ(ส่วนมากเป็นของประเทศญี่ปุ่นทุกชิ้น) ซึ่งบางครั้งอาจจะมีชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพได้
สิ่งที่ผมยังพิสูจน์และยืนยันไม่ได้ โดยได้รับการท้วงติงจากผู้อื่น
-การสึกหรอของเครื่องยนต์ ตามที่คน(ไม่เคยใช้แก๊ส) ท้วงติงว่าจะทำให้เครื่องร้อน, ฝืด, สึกหรอเร็ว แหวนบาง บ่าวาล์วและวาล์วสึกหรอมาก เครื่องโทรมเร็ว ซึ่งเท่าที่ใช้มา ก็คือร้อนเหมือนเดิม เปิดฝาสูบออกมาดูตอนที่ครบ ๓๐,๐๐๐ ก.ม. ยังไม่พบความสึกหรอ ปัจจุบันใช้ครบ ๖๐,๐๐๐ ก.ม.แล้ว รวมทั้งสิ้น ๑๒๐,๐๐๐ ก.ม. รถของผมยังเป็นปกติ โดยไม่ได้ใส่น้ำมันออโตลู้ปในท่อไอดีแต่อย่างใด เพราะเท่าที่ศึกษาดูแล้ว ปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องยนต์ได้ผลิตเครื่องยนต์ที่ทนทานต่อการสึกหรอจากการใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังใช้ไอน้ำมันเครื่องเข้าไปช่วยหล่อลื่นในฝาวาล์วอีกด้วย และผมก็ใช้พวกหัวเชื้อที่มีสารช่วยหล่อลื่นและเคลือบภายในเครื่องยนต์และเกี่ยวกับวาล์วและบ่าวาล์ว เติมเข้าไปในเครื่องยนต์เป็นปกติปีละ ๑ ๒ ครั้ง
-มีโอกาสถังแก๊สระเบิด, แก๊สรั่ว ตอนนี้ยังไม่พบว่าถังแก๊สระเบิด ถ้าพบจะรายงานให้ทราบในชาติหน้า เพราะผมนั่งอยู่กับมันทุกวันเลย เท่าที่ศึกษาดูพบว่าถังแก๊สมีระบบความปลอดภัยที่ดีกว่าถังน้ำมัน ส่วนเรื่องแก๊สรั่วนั้น มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ แต่มีทางแก้ไข คือเมื่อได้กลิ่นก็ปิดแก๊สเสีย ใช้น้ำมันตามปกติ แล้วหาสาเหตุ เพื่อแก้ไข แต่ตามปกติแล้วถ้าแก๊สรั่ว เซฟตี้วาล์วจะตัดแก๊สในทันที ซึ่งเซฟตี้วาล์วนี้ จะมีแต่ถังแก๊สรถยนต์เท่านั้น ถังแก๊สหุงต้มไม่มี หรือจะให้ชัวร์ก็ติดตั้งตัวเซนเซอร์แก๊สในห้องโดยสารด้วย แต่จริงๆแล้วในเรื่องนี้ถ้าถังแก๊สผลิตได้ตามมาตราฐานของโรงงานผู้ผลิตและกฎหมายแล้ว ปัญหาเรื่องถังแก๊สระเบิดก็หมดไป คงเหลือแต่เรื่องแก๊สรั่ว ซึ่งมีโอกาสรั่วจากระบบเดินท่อแก๊สไปยังระบบการจ่ายเชื้อเพลิงเท่านั้น ด้วยภูมิปัญญาของตัวเราเอง, ช่าง และความแข็งแรงของวัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานประเทศไทย ผมว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ไม่ยากครับ
ข้อคิดเห็นและเสนอแนะ
-ให้คิดเสมอว่าการใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์นั้น ถึงแม้จะราคาถูก แต่ก็จะให้พลังงานในขอบเขตจำกัดเท่านั้น ไม่อาจจะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงน้ำมัน เพียงแต่สามารถใช้ทดแทนน้ำมันได้เป็นอย่างดี ในขอบเขตที่จำกัดในการประหยัดพลังงาน ซึ่งถึงแม้ว่าจะใช้น้ำมันก็ไม่อาจจะใช้พลังงานจากน้ำมันให้เต็มที่ได้ การใช้แก๊สจึงเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสมที่สุด
-ตั้งแต่ติดแก๊สมายังไม่เคยถูกผู้ที่เคยใช้แก๊สและกำลังใช้แก๊สในรถยนต์ตำหนิ มีแต่บอกว่าคิดถูกแล้วครับ โดยเฉพาะเพื่อนของผมที่เป็นวิศวกรบริษัทแก๊สแห่งหนึ่ง ก็ใช้แก๊ส และได้บอกว่าแก๊สนั้นเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกมาก ขณะที่เราไม่ได้ใช้สมรรถนะสูงสุดของเครื่องยนต์แล้ว แก๊สเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด เพราะว่ามีการเผาไหม้ได้หมดจด ไม่สร้างมลภาวะ และประหยัดเงินค่าน้ำมันถึงเท่าตัว ค่าติดตั้งก็ถูกกว่าต่างประเทศถึง ๑๐ เท่าตัว ส่วนผู้ที่ตำหนิติเตียนมาก็คือคนที่ไม่เคยใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลงรถยนต์มาเลยในชีวิตไม่ทราบว่านำข้อมูลมาจากที่ใด ส่วนข้อมูลที่ทำให้ผมตัดสินใจติดแก๊สนั้น ผมได้มาจากแหล่งต่างๆตามที่กล่าวมาแล้ว
-การใช้แก๊สในรถยนต์ที่พูดคุยกันอยู่ของพวกเรานั้น แท้จริงแล้ว เป็นการเพิ่มระบบการจ่ายเชื้อเพลิงเข้าไปจุดระเบิดอีก ๑ ระบบ เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่แล้ว เป็น ๒ ระบบ ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนไปใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว โดยที่เราสามารถจะเลือกใช้ระบบใดก็ได้ในขณะขับขี่รถ จึงไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย และน่าจะเป็นข้อได้เปรียบกว่ารถที่ไม่ได้ติดตั้งระบบแก๊สเพิ่มเติม เพราะมีเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น มีทางเลือกในการขับขี่ให้ประหยัดเงินค่าเชื้อเพลิงมากขึ้น ถ้าเราไม่พอใจหรือไม่สะใจในการขับขี่ เราก็สับสวิทช์ไปที่ระบบที่เราต้องการเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องหยุดรถ หรือดับเครื่องด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ต้องสนใจเกี่ยวกับเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ว่าจะแรงแค่ไหน เพียงไรเมื่อใช้แก๊ส และเมื่อเราติดตั้งระบบแก๊สไปแล้ว ก็ปรับให้ประหยัดและมีสมรรถนะตามต้องการภายใต้ขอบเขตการให้พลังงานของแก๊ส ซึ่งมันก็จะเป็นโหมดประหยัด ส่วนน้ำมันก็ยังเป็นปกติเหมือนเดิม เมื่อเราต้องการความแรงและไม่ประหยัดเราก็สับสวิทช์ไปใช้น้ำมัน จี๊ปคันเก่งของเราก็สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ของมันได้ตามปกติ
-เมื่อเราติดตั้งระบบเชื้อเพลิงเข้าไป ๒ ระบบ ดังกล่าวแล้ว จะมีปัญหานิดหน่อย ขณะที่เราใช้น้ำมันคือ หลังจากติดตั้งระบบแก๊สแล้ว จะมีช่องอากาศที่อแดปเตอร์ครอบช่องไอดี เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ นิ้ว เท่านั้น ซึ่งจะไม่เกิดปัญหาขณะใช้แก๊ส เพราะแก๊สต้องการอากาศไม่มาก แต่เมื่อเวลาที่เราสับสวิทช์ไปใช้น้ำมันนั้น ช่องอากาศดังกล่าวจะเล็กเกินไป(คล้ายกับกรองอากาศตัน) อากาศจะเข้าไปผสมกับน้ำมันไม่ถูกต้อง ตามเสป็คของรถอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้การเผาไหม้ในเครื่องยนต์ไม่ถูกต้อง ทำให้รถไม่มีแรง, กินน้ำมัน และควันดำ เราจึงควรหาวิธีหรือหาร้านที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ มิฉะนั้น จะทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเมื่อแก๊สหมด แล้วเราสับสวิทช์มาใช้น้ำมัน วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือ ค่อยๆขับที่รอบเครื่องไม่สูง หรือถ้าเป็นระยะทางไกลจำเป็นต้องขับเร็ว ก็จอดรถแล้วเอาอแดปเตอร์ตัวดังกล่าวออก เครื่องยนต์ก็จะทำงานตามปกติ
-ระบบแก๊ส NGV ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าใช้มาก แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีศักยภาพที่จะให้เลือก และคงต้องรออีกนาน ถึงนานมาก จนไม่อาจจะประมาณได้ เพื่อนๆคิดดูก็แล้วกัน ว่าแก๊ส LPG นี้ เริ่มใช้กันครั้งแรก เมื่อประมาณ ๒๕ ปี ที่แล้ว คือตอนที่ผมยังขับรถยนต์คันแรกในชีวิต ปัจจุบันเพิ่งพัฒนาได้เท่านี้ ดีอย่างเดียวคือราคาติดตั้งเท่าเดิม ๑๒,๐๐๐ บาท ถ้ารอแก๊ส NGV รถคงพังไปก่อนแล้ว หรือถ้าใครมีอายุเท่าผมอาจจะตายเสียก่อนได้มีโอกาสใช้แก๊ส NGV ก็ได้ ฮา
-การบริหารงานของผู้บริหารประเทศทุกสมัยนั้น อย่างเราๆ ต้องขอบอกว่ายากรู้หยั่งถึง คาดเดาไม่ได้เลย
-เมื่อเราติดตั้งไประบบแก๊สไปแล้ว เมื่อต้องการเลิกก็รื้อระบบออก นำอุปกรณ์ไปขายให้กับร้านแก๊สฯ แล้วกลบเกลื่อนร่องรอยเสียให้เรียบร้อย เพราะมีไม่มากตามที่เล่าให้ฟังแล้ว
สรุป
-ข้อความข้างต้นนี้ ผมเขียนจากความรู้สึกส่วนตัว โดยไม่ได้เป็นวิศวกร หรือช่างเทคนิคผู้มีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์หรือเครื่องยนต์แต่ประการใด เขียนมาจากความเป็นผู้ใช้และชอบการขับขี่รถยนต์คนหนึ่ง โดยเฉพาะการเที่ยวไกลๆ และเป็นผู้ที่รักรถจี๊ป จึงคิดว่ารถจี๊ปขนาด ๔,๐๐๐ ซีซี ที่มีอยู่ในมือคันนี้ น่าจะเหมาะสำหรับติดตั้งระบบแก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิง เพิ่มเติมอีก ๑ ระบบ โดยจะได้เปรียบมากกว่าเสียหายตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้นและพอจะสรุปได้อีกครั้งต่อไปนี้
๑.ประหยัดเงินค่าน้ำมัน ในบางโอกาสที่เราไม่ควรจะเสีย และสามารถนำเงินที่เราไม่ได้เสียไปกับค่าน้ำมันไปใช้อย่างอื่นได้อีกมาก โดยเฉลี่ยแล้ว ก.ม.ละ ๑ บาท เลยทีเดียว
๒.เมื่อสับสวิทช์ไปใช้แก๊สแล้ว พลังที่เราได้มาจากเครื่องยนต์เสียไปไม่มาก ในช่วงเกียร์ ๑ ๓ นั้นเหนือกว่าดีเซล ๓,๐๐๐ ซีซี อย่างแน่นอน แต่ราคาเชื้อเพลิงพอๆกับรถยนต์ดีเซลขับเคลื่อน ๒ ล้อ ขนาด ๒,๕๐๐ ซีซี โดยที่ความรู้สึกหรือฟิลลิ่งในการขับขี่ยังคงเป็นจี๊ปเหมือนเดิม โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนจากเกียร์ ซึ่งเป็นทีเด็ดของจี๊ป ยังอยู่ครับ ไม่หายไปเหมือนกับการเปลี่ยนเครื่องเป็นเครื่องยนต์ดีเซลหรือเครื่องอื่นๆที่ต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วย
๓.เรื่องความเสียหายและความสึกหรอในระยะยาวของเครื่องยนต์นั้นผมต้องขออภัยด้วย ยังไม่อาจให้ข้อสรุปได้ เพราะเพิ่งใช้รถไปรวม ๑๒๐,๐๐๐ ก.ม. และใช้เฉพาะแก๊ส ประมาณ ๖๐,๐๐๐ ก.ม. แต่ผมมั่นใจว่าผ่าน ๒๐๐,๐๐๐ ก.ม.อย่างแน่นอน หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นต้องเปิดฝาสูบเมื่อใด จะตรวจสอบและนำมาพูดคุยกันอีกครั้ง
๔.เรื่องความปลอดภัย ต้องบอกตามตรงว่าวัดดวงตามมาตรฐานคนไทย ขณะนี้ยังไม่พบปัญหา ตรงนี้ถ้ากลัวก็ไม่ต้องคิดหรือศึกษาว่าจะติดตั้งเลยครับ จิตหลอนเปล่าๆ ผมจะใช้วิธีดูแลการติดตั้งให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งดีและมาตรฐานกว่ารถแท็กซี่ที่วิ่งรับผู้โดยสารบนท้องถนนทั่วไปหลายเท่าตัว และเชื่อว่าในปัจจุบันนี้วัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศมีประสิทธิภาพเชื่อถือได้
๕.ข้อเสนอแนะนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้รถจี๊ปเดือนละไม่เกิน ๑,๐๐๐ ก.ม.หรือผู้ที่มีรถหลายคันและชอบขับรถคันอื่นโดยไม่ได้ขับรถจี๊ปเป็นหลัก
๖.ปัจจุบันรถของผมสิ้นเปลืองประมาณ ๖ ก.ม./ลิตร โดยเฉลี่ยในเมือง ๔๐ เปอร์เซ็นต์ นอกเมือง ๖๐ เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงิน ก.ม.ละ ๑.๖๕ บาท ขับปกติ คิกดาวน์ที่เกือบ ๓,๐๐๐ รอบ ขับนอกเมือง ความเร็ว ๑๒๐ กม./ชม. ยางเบอร์ ๓๐ MT ยังไม่ได้บวกส่วนต่างของเบอร์ยาง
๗.ขอย้ำว่าที่เขียนมานี้ เป็นประสบการณ์, ความรู้สึก และความเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับ ผมเห็นว่าสมาชิกสนใจในเรื่องนี้หลายท่าน ซึ่งผมก็เป็นผู้หนึ่งที่มีประสบการณ์จึงพยายามนั่งเขียน นอนเขียน มาให้อ่านเพื่อเสริมกับผู้รู้ท่านอื่น และเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงมือลงไม้กับรถคันเก่งของเรา โดยยังไม่พบข้อเสียที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายแก่ตัวเรา และรถของเราได้ ถ้ากลัวจะเกิดอันตรายแก่ตัวเราหรือตัวรถ โดยจะทราบหรือไม่ทราบแหล่งข้อมูลที่มา ก็อย่าติดตั้งเลยครับ เพื่อความสบายใจ
๘.ผมวิเคราะห์ว่า ถ้าใครคิดจะติดให้รีบเสียก่อนที่ราคาติดตั้งและราคาแก๊ส LPG จะขึ้นไปมากกว่านี้ เท่าที่ทราบราคาติดตั้งเริ่มขยับแล้ว เมื่อประมาณ ๒๕ ปี ที่แล้ว ราคาติดตั้งก็อยู่ที่ ๑๒,๐๐๐ บาท นี้แหละ ในตอนนั้น น้ำมันซุปเปอร์ ลิตรละ ๑๒ บาท แก๊ส LPG จำไม่ได้ แต่จำได้ว่าเมื่อใช้แก๊สจะประหยัดกว่าน้ำมันเพียง ๓๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนน้ำมันดีเซลประหยัดกว่า ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ในปัจจุบันราคาติดตั้ง ๑๒,๐๐๐ บาท เท่าเดิม ราคาแก๊ส LPG ถูกกว่าน้ำมันประมาณ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ผมว่าเป็นตัวเลขที่คุ้มค่าครับ
๙.ผมรู้เท่านี้และบอกหมดใส้หมดพุงแล้วครับ คงจะเหลือแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆขณะใช้รถครับ คงต้องค่อยๆถามกันไป
|