Close this window

..." ไอ้เด็กขี้ขโมย"......
"อย่าหนีนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย"


เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้
อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า



"อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ"

"ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ"

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม' เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่ มีฐานะจัดว่า
ดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ แถมปาก
จัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป หรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ ป้าแกจะโวยวายชนิดต้อง
รีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว



เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ
ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ แม่จึงเดินเข้าไปถามี้



"พี่หนอม มีไรหรอคะ"


"ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่
จ่าย"

พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

"ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ"

แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

"เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอน ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว
ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ"



ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น
ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่าาง


"อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ กี่
บาทกันละ"

ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจาก
ตลาด แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่่



"ใจดีกับเด็กขี้โขมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ"

แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่าง จากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

"ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ"

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่าล้ว

"แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง..."

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า

"ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ
นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไป ฝากคุณแม่ซิ คนป่วยนะต้องกิน
ผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย"



แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป

หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

"ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ"

แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่านนัน

"ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก
แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง"



"แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่"

ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่าวย

"แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ กับลูก จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ
รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน และคนที่มีความรับผิดชอบนะ
จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น"


ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่าา

"แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า"

"ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร"

"แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอ บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่"

"ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยัง
ได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก"



แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

"จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่า
แกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้"



แล้วแม่ก็พูดต่อว่าะ


"ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียง แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ บ้าง อย่า
คิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ"



หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ กันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิด
ขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ



หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรง
งานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก ฉันก็เลย
ขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้า เพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปีเพื่อส่ง
ฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่บอกว่า
ถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่



ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ ไม่กี่วันก็หาย
หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง
หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ
จะได้หายเร็วๆน



หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้
ประมาณหนึ่งเดือน แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ยาที่เคยกินแล้วได้ผล
มาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย ฉันกังวลใจมาก พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด



หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากหมอตรวจแล้ว
บอกว่ามีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้
หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที แต่หมอบอกว่าโรง
พยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งมีชื่อ
เสียงมากกว่า ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง



หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวล
ใจอยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่ และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบ
าลแห่งนี้ หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก โอกาสที่คนไข้จะ
เสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้
างสูง เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท



ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าห
มื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง



หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ และไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ
ทางโรง พยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้ ทางโรงพยาบาลแจ้งราย
การค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฎว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่า
นั้น



ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัด และเป็นเจ้าของ
ไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อ
ขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกั
บการผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่ โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้
ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลไ
ด้



เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้
อมกัน เนื้อความในจดหมายมีดังนี้พ



'ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์ ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้ง
หมดดังนี้


ค่าผ่าตัด 0 บาท
ค่ายาทั้งหมด 0 บาทาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท


ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

คัดลอกมาจากเมล์ที่ได้รับเมื่อเช้าครับ

แอบน้ำตาซึมรึเปล่า.....โดยเฉพาะ ยัยกวาง กะ หนิง
โดย: ทวีรัฐ   วันที่: 21 Nov 2005 - 12:56

หน้าที่: 1   [2]

 ความคิดเห็นที่: 21 / 37 : 150226
โดย: mart
แคร๊งงงงงงง......เอ้ย พรึ้บบบบ
วันที่: 21 Nov 05 - 22:12

 ความคิดเห็นที่: 22 / 37 : 150235
โดย: ทวีรัฐ
จากประโยคนี้มั๊งเนย
"ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ
นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไป ฝากคุณแม่ซิ คนป่วยนะต้องกิน
ผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย"


หรือเปล่า....ไม่รู้แฮะ


ขี้สงสัยจัง ให้ดูภาพรวม(เฟ้ย) มะช่ายรายละเอียด

ตอบ ตา mart เจ้าของลิขสิทธิ์ ยังไม่มา
วันที่: 21 Nov 05 - 22:31

 ความคิดเห็นที่: 23 / 37 : 150293
โดย: mart
อิอิ พิมพ์ผิดเล็กน้อยแต่จงใจไม่แก้อ่ะคับ ป๋าวี อิอิ
วันที่: 21 Nov 05 - 23:37

 ความคิดเห็นที่: 24 / 37 : 150333
โดย: แตะเองรู
ผ่านมาดู....(หิวไก่ย่างว่ะ)
วันที่: 22 Nov 05 - 08:03

 ความคิดเห็นที่: 25 / 37 : 150413
โดย: ทวีรัฐ
นั่นไง พูดถึงก็มาเลย (มึม)ไปทวงค่าลิขสิทธิ์ จากตา mart เอาเลย
เป็นค่า ไก่ย่าง (ถนนหน้าบ้าน มึม ฝั่งตรงข้ามก็มี สเต็กเนื้อนกกระจอกเทศ ก็อร่อยดี )


เพราะหิวรึเปล่าไม่รู้ เสร็จจากออกรอบก็มากินน่ะ
วันที่: 22 Nov 05 - 09:57

 ความคิดเห็นที่: 26 / 37 : 150422
โดย: ตูเองแหละ....อิอิ
ไรว่ะ...มะด้ายจดลิขสิทธิ์(ว๊อย)...อ้ายโอมาน...เคร๊งงงงงงงง..บ่อยกว่า(กรู)อีก

หุหุ.....(มึม)มะทันสมัยเรย...หน้าบ้านตูฯมานต้อง Cool - Eye - 4 (ต้มยำอีกตะหาก)

555 มะเชื่อถามทั่นรองฯกะเหรัญ(ยิกๆ)กะดึกดูจิ...ปายหม่ำมาแล้น
วันที่: 22 Nov 05 - 10:05

 ความคิดเห็นที่: 27 / 37 : 150428
โดย: ทวีรัฐ
เฮ้ย ใครว่าไม่ทันสมัย ไปซัดมาแย้ว....อร่อยดี
วันที่: 22 Nov 05 - 10:13

 ความคิดเห็นที่: 28 / 37 : 150449
โดย: ตูเองแหละ....อิอิ
น้าน....ป๊าดดดดดดดดดด

ตาแก่...มะยอมตกเทรนด์
วันที่: 22 Nov 05 - 11:34

 ความคิดเห็นที่: 29 / 37 : 151147
โดย: A-MT
โธ่...!!! ซึ้งอยู่ดี กลายเป็นสองผู้เฒ่า เม้าท์กันซะแล้ว


พี่ทวีฯ ผมเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วประมาณปีกว่าๆ แต่กลับมาอ่านอีกที่ก็ยังซึ้งอยู่นะครับ
วันที่: 22 Nov 05 - 23:07

 ความคิดเห็นที่: 30 / 37 : 151192
โดย: ทวีรัฐ
อ้าว ตั้งปีนึง เมล์นี้ถึงเดินทางมาถึงผมเหรอเนี่ย

ช้าจัง
วันที่: 23 Nov 05 - 00:54

 ความคิดเห็นที่: 31 / 37 : 151222
โดย: *~ชั่วโมงต้องมนต์~*
มันเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของอายุค่ะป๋าวี
วันที่: 23 Nov 05 - 01:45

 ความคิดเห็นที่: 32 / 37 : 151278
โดย: ตูเองแหละ....อิอิ
555 เฒ่าวี

เจ๊หนุงหนิงเค้าแปลว่า(มึมน่ะ) "แก่"
วันที่: 23 Nov 05 - 07:41

 ความคิดเห็นที่: 33 / 37 : 151330
โดย: ทวีรัฐ
(ไอ้) คห ข้างบนกระผมนี่(แม่มมม) โค-ตร หนุ่มน้อยเลยนะครับท่าน หุ หุ


หนิงจ๋า ปกติ ประโยคนี้นี่ เค๊าใช้เปรียบเทียบกับอะไรเหรอ...
" มันเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของอายุค่ะ"

คุ้นๆ นะ...อุ๊ฟ...XXXXX
วันที่: 23 Nov 05 - 08:58

 ความคิดเห็นที่: 34 / 37 : 151369
โดย: ตูเองแหละ....อิอิ
" มันเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของอายุ"

นี่เค้าใช้เปรียบกะผักผลไม้ประเภทฟักแฟง...มะละกอ อย่างงี้ด้วยอ๊ะป่าวอ่ะ?
วันที่: 23 Nov 05 - 10:12

 ความคิดเห็นที่: 35 / 37 : 151771
โดย: RollriderS
อย่างนั้นของพี่ตูก็เข้าขาฃ่ายด้วยอ๊ะดิ
วันที่: 23 Nov 05 - 22:27

 ความคิดเห็นที่: 36 / 37 : 151816
โดย: ต้องมนต์~*
ฮ่าๆ no comment มาขำเฉยๆดีก่า
วันที่: 23 Nov 05 - 22:54

 ความคิดเห็นที่: 37 / 37 : 151855
โดย: RollriderS
เจ๊หนิงเอารูปแมวมาขำด้วยอ๊ะดิ








ปล.พี่ตูเข้าข่ายจิงๆนะเหอๆๆๆ
วันที่: 23 Nov 05 - 23:28

หน้าที่: 1   [2]