ยี่ห้ออะไร ไม่สำคัญเลยครับ
ให้ดูสองอย่างคือ ราคาและคุณภาพเสียงที่คุณได้ฟังเองกะหู ฟังจากปากคนอื่นอย่างไปเชื่อครับ
เพราะหูคนรับรู้ได้ไม่เท่ากัน
ถ้าคุณภาพเสียงที่คุณได้ยินเป็นที่พอใจของคุณ (ตามร้านจะมีห้อง demo ให้ลอง ถ้าไม่มีเปลี่ยนร้านได้เลยครับ) เทียบกับราคาค่าตัว
วิธีเลือกง่าย ๆ นะครับ
1. ไม่ต้องสนราคาก่อน ฟังมันให้หมดทุกรุ่นที่สนใจ (ตรงนี้อาจจะบอกงบประมาณให้ร้านทราบ เพื่อขอคำแนะนำว่าราคาช่วงเนียซื้อรุ่นไหนได้บ้าง แต่ไม่ต้องคิดมากก่อน) แล้วตัดให้เหลือตัวที่ปิ๊งโดนใจจริง ๆ แค่ 2-3 ตัวครับ
2. จากนั้นค่อยเทียบคุณภาพเสียงกับราคา ในกรณีที่ราคาห่างกันพอสมควร เพราะถ้าไม่หากกันมาก ก็ให้ชิงเลือกตัวที่โดนใจที่สุดไปเลย ไม่ต้องเทียบราคาแล้ว แต่ถ้าราคากระโดดกัยเยอะเช่น กรณีลำโพง ฟังรุ่น A 8000 ให้คุณภาพเสียงที่คุณฟังแล้วคุณก็ไม่เห็นมันจะต่างกะรุ่น B ที่ราคาแค่ 6000 ตรงไหน กรณีนี้ให้เลือกรุ่น B พอครับ (เว้นแต่ว่าไอ้รุ่น B เนียมันดูแล้วไม่น่าทน กิ๊กก๊อกกว่าจริง ๆ ซื้อแล้วทำใจไม่ได้)
3.การเทียบราคาควรเทียบด้วย option ที่เหมือนกัน เช่นลำโพง ถ้าแยกชิ้น ควรดูเทียบกะแยกชิ้น ถ้าเป็นรวมชิ้น ก็เทียบกะรวมชิ้น แต่ไม่ต้องคิดมากอีกแหละเพราะถึงยังไง ส่วนมากแล้ว แยกชิ้นมากเสียงดีกว่ารวมชิ้น เว้นแต่ว่า กรณีเลือกคู่หลัง แล้วเราจะไม่ลง sub การเลือกคู่หลังแบบ 3 ทาง (low-mid-hi) จะให้ความสมบูรณ์ของเสียงได้มากกว่า แยกชิ้น เพราะจะให้ได้แค่ สองทาง (mid-hi) แต่ถ้าจะลง sub อยู่แล้วให้เลือก แยกชิ้นไว้ครับ เพราะยังไงเสียงต่ำ จะได้รับการชดเชยจาก sub อยู่แล้ว
4. ยี่ห้อไม่สำคัญนักครับ เพราะเครื่องเสียงดี ๆ ราคาพอประมาณ ก็มักเป็นยี่ห้อที่เราไม่คุ้นเคยครับ ตรงนี้ให้เทียบจากเงื่อนไขการรับประกัน และดูในเรื่องของผู้แทนจำหน่ายในบ้านเราพอ ถ้าร้านหิ้วเองเอาเข้าเองก็ไม่ดีครับ ถ้ามันเจ๋งอะไหล่คงไม่มีเปลี่ยนเป็นแน่
ก็ขอแนะนำเท่านี้เลยครับครับ
|