ผมไปสลับยางที่ระยะ 10000 km. มาแล้วแต่ทางร้านเค้าสลับล้อแมกให้ด้วย มันจะมีผลมั๊ยครับเพราะเห็นแต่ละล้อมีเหล็กถ่วงล้ออยู่ด้วย และความรู้สึกเวลาขับรู้สึกเปลี่ยนไป

โดย: ต้อม   วันที่: 6 Jan 2006 - 09:00

 ความคิดเห็นที่: 1 / 14 : 165060

โดย: j

มันจะดูโด่งๆใช่มั้ยกั๊บ และพวงมาลัยจะเบาขึ้น

 ความคิดเห็นที่: 2 / 14 : 165063

โดย: Nuay@Protege

เวลาเค้าบอกกันว่าสลับยางๆ เนี่ย ก็หมายถึงว่า ถอดล้อหลัง ไปใส่ล้อหน้า ถอดล้อหน้า มาใส่ล้อหลัง อาจจะถ่วงหรือไม่ถ่วงใหม่ก็แล้วแต่ครับ แต่ไม่ได้หมายถึงการถอดยางออกจากวงล้อแม็กแล้วสลับแค่ตัวยางครับ

ความรุ้สึกเปลี่ยนไปแน่นอน เพราะยางที่ดอกหนากว่า สดกว่า มาอยู่ที่ด้านหน้าแทน

ส่วนเรื่องตะกั่วถ่วงล้อนี่ ไม่ต้องห่วงครับ เค้าถ่วงเพื่อความสมดุลแต่ละวงของล้อแม็ก เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องถ่วงใหม่ครับ

 ความคิดเห็นที่: 3 / 14 : 165095

โดย: ซี

คุณNuay@Protege ตอบถูกต้องแล้วครับ ไม่ต้องไปกลัวนะครับ

 ความคิดเห็นที่: 4 / 14 : 165239

โดย: kkoo

ถ้าขับแล้วพวงมะลัยไม่สั่นก็okครับ ถ้าสั่นก็เอาไปถ่วงจี้เพิ่มเติมอะครับ

 ความคิดเห็นที่: 5 / 14 : 165304

โดย: ~!GunGGinG!~

แร๊ววมานจำเป็นแค่ไหนอ่ะ สลับยางเนี่ย 20000ก่าแร๊ว ยังมะได้สลับเรย

 ความคิดเห็นที่: 6 / 14 : 165310

โดย: buggi

ยังมะได้สลับเลยอ่ะหมื่นกว่าๆแระ

666

 ความคิดเห็นที่: 7 / 14 : 165311

โดย: Nuay@Protege

สลับเลยพี่กิ๋ง..

จำเป็นเพราะว่าดอกยางล้อหน้า กับ หลัง จะสึกไม่เท่ากันครับ สลับไว้หน่อยก็ดี จะได้เอายางหลังที่มีดอกหนากว่า เกาะถนนได้ดีกว่า มาไว้ล้อหน้า

 ความคิดเห็นที่: 8 / 14 : 165369

โดย: ps

ถ้าจะเปลี่ยนยางใหม่ลองใช้บริการของ เชลล์ออโต้เสิร์ฟ เขาบริการสลับยางฟรีพร้อมกับถ่วงยางให้ใหม่ด้วยทุก5000กม. บริการดีรวดเร็ว

 ความคิดเห็นที่: 9 / 14 : 165399

โดย: ~!GunGGinG!~

ขอบจายหลายเนยจ๋า

งุงิๆ ดีเหมือนกาน

หาเรื่องเอารถเข้าปายจาได้เจอช่างหล่อๆมั่ง 555+

 ความคิดเห็นที่: 10 / 14 : 165408

โดย: เด็กบ้าน...ค่ะ

ไปสลับมาแล้วที่ เชลล์ออโต้เสิร์ฟ 550 บาทค่ะ รวมค่าตั้งศูนย์ใหม่แล้วค่ะ
( สลับยางเส้นละ50 x4 =200 + ตั้งศูนย์350 ) ...ไม่รู้แพงเป่านะ
แต่ขับแล้วรู้สึกดีขึ้นจริงๆ

 ความคิดเห็นที่: 11 / 14 : 165575

โดย: *~B3S~*

เนย ดอกยางไม่ได้ช่วยเรื่องการเกาะถนนน่ะ ดอกยางน่ะ มีไว้เพื่อประโยชน์ในการีดน้ำ

ยางที่เกาะถนนได้ดีที่สุดคือ ยางที่ไม่มีดอก แบบอย่าง F1 น่ะ

แต่ในรถที่ขับขี่ทั่วไป ทำไม่ได้เพราะว่าจะไปเจอถนนแบบไหนก็ไม่รู้ จึงต้องออกแบบให้ยางมีดอก เพื่อประโยชน์ในการรีดน้ำ และลดเสียงของยางในการบดถนนลง

ประโยชน์ของการสลับยาง ก็เพื่อให้เราได้ใช้ยางทั้ง 4 เส้นได้อย่างคุ้มค่าครับ เพราะธรรมชาติของรถแล้ว ยางคู่หน้า จะมีการลึกเร็วกว่ายางคู่หลัง ดังนั้นที่สลับขึ้นมาเพื่อให้สึกได้เท่ากัน เพื่อเวลายางหมดอายุจะได้สึกเท่า ๆ กัน หรือก็แปลได้ว่า เราได้ใช้ยางทุกเส้นอย่างคุ้มเท่า ๆ กันแล้วครับ

วิธีการสลับยาง จริง ก็มีอยู่เยอะเช่น สลับ 4 เส้น หรือ สลับ 5 เส้น (นับยางอะไหล่ด้วย แบบนี้คุ้มจริง ๆ)

แต่ว่า..โดยทั่วไปแล้ว เราจะทำกันแค่ 4 เส้นแค่นั้นเอง เพราะไอ้ยางอะไหล่น่ะ มักเป็นยางห่วย ๆ หรือคนยางคนละแบบกับที่ใช้จริง ๆ (คือไม่เหมือนกันนั้นแหละ) วิธีการสลับก็จะมีสองวิธีที่นิยม ตามแต่ยางที่ใช้ครับ

ถ้าเป็นยางแบบมีทิศทางกำกับ (Rataional Tire) พวกนี้หน้ายาง หรือดอกจากจะเป็นคลาย ๆ ลูกศรครับ ต้องให้ หัวลูกศรหมุนไปข้างหน้าเสมอ จึงใส่กลับทิศไม่ได้ ที่แก้มยางจะมีเขียนไว้ชัดเจนว่า ต้องหมุนไปทิศใด ดังนั้น ในการใส่ยาง ลง ล้อ ก็ต้องใส่ตามที่กำลับ ดังนั้นเวลาสลับยาง จึงทำได้แค่ สลับยาง(ล้อ)คู่หน้า กับคู่หลังแค่นั้น ทำมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะมีทิศกำกับ

ส่วนยางประเภทที่ไม่มีทิศกำกับ แบบนี้จะเปลี่ยนได้สองแบบคือ แบบหน้าหลัง อย่างข้างบนแล้ว ก็สามารถสลับไขว้ได้อีกด้วย การสลับไขว้ก็คือ นอกจากการ นำคู่หน้า มาไว้คู่หลังแล้ว ก็จะย้ายล้อข้างซ้ายมาใส่ข้างขวาด้วย เพื่อให้ยางมีการใช้งานได้ครบถ้วนจริง ๆ ถ้ามีทิศกำกับแล้วสลับซ้ายขวา จะทำให้กลับทิศจึงทำไม่ได้ ยกเว้นการถอดยางออกจาล้อ ซึ่งไม่นิยม

เพราะการถอดล้อออกจากยางนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริง ๆ เช่น ต้องปะยาง (เดี๋ยวนี้ก็ปะได้โดยไม่ต้องถอดแล้ว) หรือต้องเปลี่ยนจุ๊บลม เนื่องจากมันเสื่อม เพราะในยางที่ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว ขอบยาง จะแนบชิดกับขอบล้อหรือกะทะล้อ จนบางครั้งมันแข็งติดกับไปแล้ว การไปถอดมันออกบางครั้งจะมีเศษยางแนบติดกับล้อไม่ออกมาด้วย ทำให้ขอบยางบิ่น นึกถึงยางรถจักรยานก็ได้ครับ จะเป็นคราวดำ ๆ เวลาเราถอดมันมาเปลี่ยนยางใน แต่รถจักรยางไม่เป็นไรเพราะใช้ยางในเป็นตัวเก็บลม แต่รถยนต์ไม่มียางใน ดังนั้น เมื่อขอบปิ่นไปแล้ว ไม่เรียบย่อมทำให้มีการรั่วซึมได้ ซึ่งเหตุผลนี้ร้านส่วนมากไม่รับประกันครับว่า การถอดยางแล้วนั้น จะไม่มีการรั่วซึมเกิดขึ้น โดยเฉพาะยางที่เก่า ๆ มาก ๆ อายุเกิน 1 ปีก็เสี่ยงแล้วครับ

ว่ากันยาวเชียว...สรุปว่าใครไม่เคยสลับยาง ก็ไปสลับซะนะครับ อายุยางเฉลียคือ 20,000-30,000 กม. หรือราว ๆ 2 ปีแค่นั้น จากนั้นมันก็จะเริ่มดัง การยึดเกาะจะไม่ดี เนื่องจากเนื้อยางจะแข็งตัว ไม่ยืดหยุ่นแล้ว และรถที่จอดไว้นาน ๆ ยางจะหมดอายุเร็วกว่ารถที่วิ่งทุกวัน (วิ่งไปก็นวดยางไปด้วย) ถ้าต้องจดรถนาน ๆ เป็นเดือน ๆ โดยไม่วิ่งเลย ควรถอดยางไว้ข้างนอก วางไว้กับพื้น และไม่ควรเก็บยางโดยการตั้ง เพราะจะทำให้ยางด้านล้างที่ติดกับพื้น แข็งจะตายได้ง่าย (เนื่องจากแรงกดทับ) เวลาเอาวิ่งอีกจะกระเทือนและมีเสียง เพราะเนื้อยางนิ่มไม่เท่ากันแล้ว (ก็มันแข็งตายไปส่วนหนึ่งแล้ว) และเวลาเก็บยางนาน ๆ ไม่ควรวางซ้อนกันเกินกว่า 2 วง เพราะจะรับน้ำหนกที่แก้มยางมากเกินไป และควรเติมลมให้มาก ๆ ไว้ก่อน (40-45 psi) จะเก็บยางได้นานกว่า ยางที่ไม่มีลมหรือลมอ่อน และอยากนึกว่ายางหมดอายุแค่เพียง ดอกยางสึกจนหมดแค่นั้นนะครับ ความหยืดหยุ่นหรือความความแข็งของยางคืออีกปัจจัยที่สำคัญ

 ความคิดเห็นที่: 12 / 14 : 165592

โดย: Nuay@Protege

มันก็จริงที่ดอกยางมีไว้เพื่อการรีดน้ำและลดเสียงรบกวนเวลายางบดกับท้องถนน

แต่อย่าลืมว่า เนื้อยางของรถที่ใช้ทั่วไป กับ F1 มันไม่เหมือนกันนะครับ

ยางรถยนต์ปกติ ยางชั้นด้านในก็เป็นยางที่แข็งกระด้าง ต่างจากที่หน้าดอกยางที่มักจะมีความนุ่มนวลมากกว่า ซึ่งจะเกิดจากความร้อนหรือคุณสมบัติการทำยางแบบ Overlay เป็นชั้นๆ ก็แล้วแต่

ความแข็งกระด้างเนี่ยแหละ ที่จะทำให้เกาะถนนไม่อยู่ เบรคไม่อยู่ ออกตัวล้อฟรีทิ้ง เพราะมันเกิดการลื่นไถลได้ง่าย เพราะ"การคืนตัว"กลับของยางมันแทบจะไม่เหลือแล้ว

 ความคิดเห็นที่: 13 / 14 : 165601

โดย: ~!GunGGinG!~

ขอบคุงทั้งพี่ภู แระน้องเนยมากค่ะ เข้าจายอารายมากขึ้น
เพราะปกติ ก็เถียงคุงแควนตลอดมะค่อยฝังที่เค้าบอก
ที่เค้าพูดมานี่เจงหมดเรยแฮะ เหอ เหอ อายจัง

 ความคิดเห็นที่: 14 / 14 : 165704

โดย: เลิศ

ที่คุณ B3S เขียนอ่านเข้าใจง่ายและเคลียดีครับ
.....ขอคัดลอกไปเป็นบทความอ้างอิงหน่อยนะครับ ขอคุณครับ