//
ยังไม่ใช่ มัลติลิ้งแท้ๆนะคับเพราะ น้อง3ของเราๆดันเอาโช้คอัพแยกกันกะสปริง เพื่อเพิ่มให้มีเนื้อที่ในห้องโดยสารมากขึ้นในที่นั่งตอนหลัง
//
มันเกี่ยวกันตรงไหนไม่ทราบครับ ว่าแท้หรือไม่แท้ ไม่เกียวกับต่ำแหน่งโช้คที่แยกกะสปริงหรอกครับ
//
.น้อง3ของเราๆที่บอกว่าเข้าโค้งดีนักดีหนานั้น (จะดีสู้ ดับเบิ้ลวิชโบนทั้ง4ล้อได้หรือเปล่าหรือพวกมัลติลิ้ง 4ล้อ) น้อง3ของเราๆนั้นใช้โช้คอัพกะสปริงที่เซ็ตมาค่อนค่างแข็ง ทำให้มีความรู้สึกว่าถ้าเข้าโค้งไม่ถึงกับแรงมาก ทำให้มีความรู้สึกว่าเกาะถนนมากก...... แต่ในกรณีที่รถสูญเสียการทรงตัว ที่เกิดขึ้นกับรถขับหน้านั้น(อาการนี้เรียกว่าอันเดอร์สเตียร์)จะรู้สึกได้ว่าช่วงที่ล้อหลังที่ขนานกับถนนอยู่ดีๆ ก้อเกิดอาการล้อข้างใดข้างหนึ่งอาจจะไม่เกาะติดพื้น(ถ้ามีEPSก้อแล้วไป)อาจทำให้รถหมุนได้ ถ้าไม่แก้พวงมาลัยคืนอาการนี้เกิดขึ้นได้เพราะจากช่วงล่างหลังที่นำโช้คแยกออกจากสปริงนั้น ทำให้กรณีที่เข้าโค้งแรงๆจนเสียการควบคุมนั้นตัวช่วงล่างไม่ได้บิดตัวไปกับตัวถัง(ใครที่ขับรถซิ่งๆไอ้พวกที่ชอบดึงเบรกมือบ่อยๆเข้าโค้งเล่น ลองขับรถเข้าอู่สีใหญ่ให้เค้าลองจับวัดตัวถังรถดูนะรับรองว่าเบี้ยวผิดรูปไปแน่ๆ) แต่ในกรณีรถเก่า10กว่าปีที่ดับเบิ้ลวิชโบนทั้ง4ล้อที่ออกแบบมาโดยไม่ค่อยคำนึงถึงห้องโดยสารกันซักเท่าไรในสมัยนั้น ทำให้สามารถมีเนื้อที่ที่จะสามารถติดตั้งช่วงล่างอิสระแท้ๆลงไปได้ (ผมไม่อยากเขียนลงลึกไปมากกว่านี้นะมันจะยาวอะ) สรุปเอาเป็นว่าง่ายๆก้อคือ รถสมัยนี้ค่อนข้างแข่งกันเรื่องห้องโดยสารเป็นหลักแล้วค่อยมาคิดถึงช่วงล่างทีหลังทำให้ความสามารถในการเข้าโค้งลดลง แต่ชดเชยด้วยการเซ็ตค่าสปริงกับโช้คที่แข็งหน่อย เชื่อไม่เชื่อก้อลองดูพวกไอ้แมงสาบ 3ประตู(ใช้ดับเบิ้ลวิชโบนอิสระ4ล้อ)ของค่ายฮอนด้า ดูถ้าวันใดฟลุ๊กไปเจอพวกแต่งเต็มแล้วละก้อแพ้ทั้งความแรงและช่วงล่าง
แง่ๆ
//
ผิดตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ
พวกนั้นเวลาแต่งเต็มๆ นะน้ำหนักเค้าเบากว่าเยอะนะครับ แถม cg ก็เติ้ยกว่าอีก(เป็นธรรมดาสำหรับรถแต่ง) แต่ civic พอไปแข่งจริงๆ ก็ไม่ได้เร็วเท่าไหร่นะครับ โดยเฉพาะรุ่นหลังๆ ใน US ก็ไม่มีใครเอาไปแข่งในรุ่น touring แล้วครับ แต่เมื่อปี 2004 Mazda3 ก็ชนะในรุ่น showroom scca ที่นั่นนะครับ รถปัจจุบันจะมี cg สูงขึ้นครับในรถบ้านธรรมดาเพราะต้องการห้องโดยสารที่ใหญ่ขึ้น ตัวรถสูงขึ้นกว่าเดิม ใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายกับการเก็บเสียง เยอะครับ ถ้าเอาพวกนี้ออก หายไปหลายร้อยกิโลกรัมเลยครับ mazda3 ไม่ได้มีความสามารถในการเข้าโค้งลดลงนะครับ เพียงแต่ดิบน้อยลง รู้สึกถึงการที่สัมผัสพื้นน้อยลงกว่ารุ่นก่อนๆ เท่านั้นเองครับ จะเห็นได้จากการวัด skidpad นะครับ ได้ 0.87g นี่ไม่น้อยกว่าของเดิมแน่ๆ เท่าที่จำได้นะครับ มี MX-6 เท่านั้นที่ได้มากกว่า ในกรณีเป็นรถขับหน้าของ Mazda เองนะครับ แต่จะให้คล่องตัวเหมือนรถเล็กๆ เมื่อก่อน ในโค้งแคบๆ คงไม่ได้เพราะรถใหญ่กว่าเดิมเยอะ cg ก็สูงกว่าเดิมด้วย wheelbase ก็ยาวกว่าก่อนเยอะ
//
เพราะจากช่วงล่างหลังที่นำโช้คแยกออกจากสปริงนั้น ทำให้กรณีที่เข้าโค้งแรงๆจนเสียการควบคุมนั้นตัวช่วงล่างไม่ได้บิดตัวไปกับตัวถัง
//
ในการ design ใครเค้าก็ทำแบบนั้น ใครต้องการให้ตัวถังบิดครับ มีแต่คนเค้าต้องการให้มันไม่บิดช่วงล่างจะคุมมุมต่างๆ ได้ตามแบบที่เค้าออกแบบมา
และทราบหรือป่าวครับว่า ถึงแม้จะใช้ โช้คกะสปริงร่วมแกนกันจะมีจุดรับแรงจุดเดียวกันนะครับ อย่างพวกที่มีจุดรับแรงจุดเดียวกันจะเรียกว่า coilover ได้ครับ แต่ในกรณีร่วมแกนกันเฉยเนี่ยหลังๆ มีเยอะครับ แค่จุดรับแรงกันคนละที่ครับ อย่าง Mazda3 Tribute Mazda6 ก็ใช่ครับ เป็น strut (mazda6 ก็เป็น double wishbond นะครับ แต่ใช้ โช้คกะสปริงร่วมแกนกันเท่านั้น) แต่จะที่รับแรงระหว่างโช้คกับสปริง เป็นคนละจุดครับ
อีกอย่างนะครับ
ไม่ทราบว่าไปศึกษาเรื่องช่วงล่างจากที่ไหนมาครับ เข้าใจผิดเกือบหมดเลยนะครับ ก็จริงครับว่ารถปัจจุบันเค้าคำนึงถึงห้องโดยสารมากกว่าก่อน แต่ ไม่ใช่ว่าจะแย่ลงนะครับ mazda เมื่อก่อนก็ใช้พวก Mcpherson ธรรมดา หรือ Tri-point Link ในด้านหลัง (ไม่อยากพูดถึงเรื่อง TTL นะครับ มันเป็นคนละเรื่องกัน) การที่ช่วงล่างหลังเป็น Multilink นี่ดีกว่าเดิมครับ โดยเฉพาะเรื่อง Camber gain ในรถใหม่ๆ นะครับ ถ้าหมุนพวงมาลัยเนียนพอ รับรองว่าโอกาส oversteer น้อยมากครับ โดยเฉพาะกับรถขับหน้านะครับ
Mazda3 พวงมาลัยมันไวนะครับ ถ้าไม่เนียนพอก็อาจทำให้เกิดอาการอย่างงั้นได้อยู่แล้ว
ไม่ทราบว่าอ่านกราฟ เป็นรึเปล่าครับ -
http://www.mazdaclub.net/mz3ws/esicont/en/srvc/html/B3E021401016T03.html