Close this window

โรงพยาบาลลาดพร้าว
"หมอยอมรับว่าหมอมีอคติกับคนไข้ประกันสังคมจริง...." สาบาน นี่เป็นคำพูดของหมอที่โรงพยาบาลลาดพร้าว
เราไปรักษาตัวกับหมอที่โรงพยาบาลลาดพร้าวมา แล้วดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น
เหตุเกิดเมือวันที่ 2 มกราคม 2550 เราหกล้มที่แถวๆรามอินทรา ตอนนั้นเจ็บที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้างมาก มันเขียวช้ำ แล้วก็บวมเป่งขึ้นมาทันที โชคดีที่พ่อกับแม่เราไปด้วย ก็เลยรีบให้พ่อช่วยขับรถพาไปโรงพยาบาลลาดพร้าว (ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ของประกันสังคม) ทันที โดยระหว่างทางเราก็ประคบน้ำแข็งไปด้วย
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลลาดพร้าว เราก็เข้าแผนกฉุกเฉิน หมอที่รักษาเป็นคุณหมอผู้ชาย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไร หมอให้เราเอ็กซเรย์เท้าซ้าย (ก็ไม่รู้ว่าทำไมเอ็กซเรย์ข้างเดียว ทั้งๆที่เห็นๆ ว่ามันบวมเป่งไปทั้ง 2 ข้าง) เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะก็รู้สึกแล้วว่ามันเจ็บข้างซ้ายมากกว่า ข้างขวาคงแค่นิดหน่อย ผลเอ็กซเรย์ออกมาว่ากระดูกไม่หัก ไม่ร้าว ให้ยาแก้ปวดมาทาน พร้อมออกใบรับรองแพทย์ให้หยุดงาน 2 วัน คือ 2-3 มกราคม 2550
แต่ตอนที่ตรวจเรา หมอไม่จับข้อเท้า ไม่ก้มดูใดๆทั้งสิ้น ดูแต่ฟิล์มเอ็กซเรย์อย่างเดียว ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเพราะมันเพิ่งล้มมาตะกี้ ถ้าหมอจับเราคงเจ็บอ่ะ
กลับมาถึงบ้าน ก็นอนพัก หยุดงาน 1 วันตามหมอบอก (วันที่ 2 วันที่ล้มมันวันหยุดอยู่แล้วงัย) วันที่ 4 ม.ค. เรามาทำงาน พร้อมไม้เท้า 1 อัน และข้อเท้าที่บวมเป่ง .. มันปวดมากนะเวลาเดิน แต่เราก็ว่าเออ เท้าแพลงก็คงปวดแบบนี้แหละ หมอบอกไม่เป็นไร ก็ต้องไม่เป็นไร เอ็กซเรย์แล้วไม่หัก ไม่แตก ก็โล่งไป แต่ปรากฏว่าไปนั่งทำงานได้แป๊บเดียว ที่บวมอยู่แล้วก็บวมหนักกว่าเดิม แล้วก็ปวดหนึบๆตลอดเวลา กลับถึงบ้านตอนเย็นๆ ก็ปวดคราวนี้ปวดตลอดเวลา กลางคืนไม่ต้องหลับต้องนอนเอาแต่ปวดข้อเท้าจนนอนไม่หลับ ดูท่ามันจะอักเสบเพราะเมื่อกลางวันไม่ได้พักเท้าเต็มที่
วันรุ่งขึ้น เสาร์ที่ 5 ม.ค เราเห็นอาการไม่ดีขึ้นเลย มันค่อนข้างผิดปกตินะ เท้าแพลงอารายฟระ ทำไมมันบวมไม่ยุบ เจ็บไม่หายซะทีแล้วก็ปวดหนึบๆตลอดเวลา เลยกลับไปหาหมอใหม่ ที่เดิม คือโรงพยาบาลลาดพร้าว คราวนี้เค้าไม่ให้หาห้องฉุกเฉินแล้ว ต้องหาหมออายุรกรรมทั่วไปก่อน อ่ะ ไม่เป็นไร อายุรกรรมก็อายุรกรรม ขอให้ได้ตรวจอีกครั้งก็พอ คิดว่าคราวนี้มันไม่ใช่สดๆเหมือนคราวที่แล้ว หมอคงตรวจให้ละเอียดกว่าเดิมได้ และก็จะขอใบรับรองแพทย์มาลาหยุดวันจันทร์ซะด้วยเลย เพราะท่าทางจะยังไม่หาย
เมื่อเข้าไปพบหมอ นี่เลย เจอกับหมอเจ้ากรรม แพทย์หญิงนภาพรรณ เอื้อฤาชา (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกป่าวนะ) พอนั่งปุ้บ เราก็บอกว่าเราหกล้มมาเมื่อวันที่...บลาๆๆๆ ก็เล่าให้หมอฟังไป พร้อมต่อท้ายว่า มาตรวจแล้วขอใบรับรองแพทย์ด้วยนะคะ (หน้าห้องเขียนไว้ว่า ขอใบรับรองกรุณากจ้งก่อนทุกครั้ง ..ประมาณเนี้ย)
ฟังจบหมอก็ถามว่าจะเอาไปหยุดงานเหรอ (แทนที่จะถามว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ยังปวดอยู่เหรอ..) เราก็บอกว่าใช่ เพราะไม่แน่ใจว่าวันจันทร์เราจะไปทำงานไหวป่าว เมื่อวันศุกร์ไปมาแล้วกลับมามันอักเสบขึ้น แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น (พยายามจะชี้ให้หมอดู) แต่ขอโทษคุณเธอไม่ดู ขอย้ำ ไม่ดูเท้าเราซักนิดนะ ชำเลืองก็ไม่ จะว่าเห็นก็ไม่เห็น เพราะมีโต๊ะบังอยู่ทั้งตัว ไม่ขอดู ไม่ขอตรวจใดๆทั้งสิ้น แล้วก็บอกว่าโอ้ย แค่นี้หยุด 2 วันก็หายแล้ว ว่าแล้วก็พลิกแฟ้มประวัติ ชี้ให้ดูว่าหมอคนก่อนให้หยุด 2 วัน แถมบอกว่า ที่หยุดไปน่ะ ก็หายได้แล้ว กระดูกไม่หัก ไม่ร้าว ไม่เป็นไรเลยนี่ เราก็ถามย้ำว่าไม่เป็นไรเหรอคะหมอ..เค้าก็ว่า ไม่เป็นไร 2 วันก็หายแล้ว... เราก็ว่า..อ้าว ไม่เป็ฯไรแล้วทำไมหนูยังปวด..
คราวนี้เค้ามามุขนี้เลยคับท่าน..ปวดอยู่งั้นฉีดยามั้ย...น้ำเสียงกวน มากๆๆๆๆ เราก็ถามกลับไปว่ายาอะไร ถ้ายาแก้ปวดก็ไม่ต้อง เพราะเราทานยาแก้ปวดที่หมอให้อยู่แล้ว เค้าก็ให้ยาแก้ปวดเรามาเพิ่ม..อ่ะ เราก็ไม่ว่าอะไร กลับบ้านมากินยาแก้ปวดต่อ
เรากินยาแก้ปวดอยู่อย่างนั้น ขาก็ไม่ดีขึ้น บวมเป่ง เหมือนเดิม ต้องใช้ไม้เท้าช่วย เขยกๆมาทำงาน ตกเย็นก็ปวดหนึบๆ เราก็แช่น้ำอุ่นทั้งเช้า - เย็น ถ้ามีโอกาสก็จะนอนพาดขาสูง เพื่อไม่ให้มันบวม เราทำแบบนี้อยู่จนกระทั่งวันที่ 22 ม.ค ก็คิดได้ว่า เอ้ย..มันนานไปแล้ว คนขาแพลงเค้าอาทิตย์เดียวก็หายมั้ง นี่ 20 วันยังไม่ดีขึ้น เราว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆซะแล้ว.. ก็กลับไปโรงพยาบาลลาดพร้าวใหม่ (แถวบ้านเรียกเจ็บไม่จำ) ก็ทำไงได้เล่า เค้ารักษาอยู่ก็มันจะได้ต่อเนื่อง อีกอย่างใช้สิทธิประกันสังคมไง จ่ายมาหลายปีแระ ไม่เคยได้ใช้เลย
ไปถึงก็แจ๊กพ็อต..เจอหมอคนเดิม นภาพรรณ นี่เลย เห็นหน้าเราปุ้บ คราวนี้เห็นเท้าเราด้วย เพราะเรายืนหน้าห้องไม่ยอมนั่งจนกว่าเค้าจะมองเท้า เค้าเห็นปุ้บ เค้าก็ทักว่า "อ้าว ไปทำอะไรมาอีกถึงได้เป็นแบบนี้"...โถ โถๆๆๆ หมอ เราจะไปทำอะไรมาได้ เราก็เลยตอบว่า " อ้าว หมอ..ก็มันเป็ฯแบบนี้มาตั้งแต่มาเจอหมอคราวที่แล้วหมอไม่เห็นเหรอ" เค้าก็บอกว่า "เอ๊ะ คราวก่อนคนไข้บอกว่าทานยาแล้วดีขึ้นแล้วนี่คะ"..เฮ้ย..งง เรางงมากเลย ใครหว่ามาบอกว่าดีขึ้น กรูยังไม่เคยหายบวมเลยตั้งแต่วันที่ล้ม และกรูก็ไม่เคยหายปวดด้วย... เราเลยตอบแบบ งง งง ไปว่า ป่าวนะ เราไม่เคยบอกว่าดีขึ้น เค้ายังมาบอกว่าก็นี่ไงคะ หมอจดลงไปในแฟ้มว่าคนไข้ทานยาแล้วดีขึ้น..เท่านั้นแหละ เราก็ฉุนขาด ยกเมฆนี่หว่า คราวที่แล้วมาหาหมอ ตรวจเราก็ไม่ได้ตรวจ ถามอาการก็ไม่ถาม แถมพูดเองเออเองว่า 2 วันก็หายแล้ว แล้วนี่ยังมาเขียนในแฟ้มเอาเองอีกว่าคนไข้ทานยาแล้วดีขึ้น..เออ หมอแบบนี้ก็มี ด้วยความโกรธ เราก็เลยบอกว่า หมอน่ะ ไม่เคยตรวจเราเลยนะ ขอดูเท้าก็ไม่ดู แถมบอกว่า 2 วันก็หายแล้ว แล้วนี่อะไร 22 วันแล้วยังไม่หาย แปลว่าหมอวินิจฉัยผิดไป 20 วันนะ แล้วแถมยังมีอคติกับคนไข้ประกันสังคมคิดว่าคนไข้จะมาขอหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ตรวจว่าเค้าป่วยจริงรึเปล่า
**** หมอก็พูดมาหน้าตาเฉยว่า "หมอยอมรับว่าหมอมีอคติกับคนไข้ประกันสังคมจริง เพราะหลายรายมาหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์ อยากหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ได้เป็นอะไร" **** สาบาน นี่เป็นคำพูดของหมอนภาพรรณ แห่งโรงพยาบาลลาดพร้าว จริงๆ ไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้เพิ่มเติม พยาบาลที่ยืนอยู่ในห้องก็ได้ยิน
เราก็เลยตอบไปว่า ไม่ได้สิ หมอเป็นหมอนะ ต้องรักษาคนไข้ จะป่วยจริงไม่จริงก็ต้องตรวจเค้าก่อน ไม่ใช่ไม่ตรวจแล้วมาสรุปเองว่าคนไข้โกหก ไม่ได้ป่วยจริง แล้วนี่เรามาเป็ฯหนที่ 3 แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเราเป็นอะไร บอกว่ากระดูกไม่หัก ไม่ร้าว แล้วนี่เป้ฯอะไร ทำไมมันปวดไม่เลิก บวมไม่ยุบแบบนี้..สุดท้ายเค้าก็บอกจะส่งเราไปหมอกระดูกของโรงพยาบาล โดยนัดตรวจวันที่ 29 ... โห..แม่คุณ เพิ่งนึกได้รึไงว่ารักษาไม่เป็นต้องส่งหมอกระดูก ทำไมไม่ส่งตั้งแต่มาหาเมื่อวันที่ 5
รุ่งขึ้น ด้วยความที่ปวดมาก และกังวลใจ ก็เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ หมอบอกว่า "เส้นเอ็นข้อเท้าฉีกขาด" อึ๋ยยย... คนละเรื่องกะที่โรงพยาบาลลาดพร้าวบอกเลยมะ ให้เราหยุดงาน 1 สัปดาห์ แล้วก็เข้าเฝือก 1 เดือน แล้วก็บอกว่า รักษายากหน่อยเพราะว่ารักษาไม่ถูกวิธีมาตั้งแต่ต้น หมอบอกว่าถ้ารักษาให้ถูกต้องตั้งแต่บาดเจ็บใหม่ๆ เส้นเอ็นก็จะต่อง่ายกว่าแผลเก่าๆ เปรียบเทียบกับเย็บแผลสด กับเย็บแผลที่ทิ้งไว้แล้ว 20 กว่าวัน แผลสดย่อมต่อตัวกันได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว..
ตอนนี้เราถอดเฝือกแล้วแต่ก็ยังบวมและเจ็บอยู่ หมอบอกว่าอาจจะเรื้อรังก็ได้ ต้องดูกันไป แต่ก็จะพยายามรักษษให้หาย...ตรงนี้ต้องขอชื่นชมคุณหมอที่ร.พ.พระมงกฎด้วยนะคะ ที่ใส่ใจคนไข้ดีมากๆ
ยัง เรื่องยังไม่จบแค่นี้ มีต่อ คราวนี้เรื่องถึงผู้บริหารโรงพยาบาลลาดพร้าว..แย่หนักกว่าเดิมอีก

เราไปหาหมอที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเมื่อวันที่ 23 ม.ค แล้วหมอก็ระบุว่าเส้นเอ็นข้อเท้าซ้ายฉีกขาด ก็เข้าเฝือกให้แล้วใช่ปะ
วันถัดมาเราก็โทรไปที่แผนกประกันสังคมของโรงพยาบาลลาดพร้าว เพื่อร้องเรียนหมอนภาพรรณ ว่ารักษาเราไม่ได้ วินิจฉัยผิดพลาด เป็นเหตุให้เราต้องใช้เวลารักษานานกว่าปกติ พูดง่ายๆก็คือทำให้เราต้องเจ็บตัวนาน
พนักงานแผนกประกันสังคมที่โรงพยาบาลลาดพร้าวก็น่ารักใจหาย...รับฟังเรื่องของเรา แล้วก็เสนอว่าโรงพยาบาลจะเบิกจ่ายค่าเฝือกให้ (2000 บาท) ให้เราเอาใบเสร็จตัวจริงพร้อมใบรับรองแพทย์พระมงกุฎไปให้เค้า เอ้า เราก็เอาไปให้ พร้อมกำชับว่าเราต้องการตามเรื่องของหมอนภาพรรณ ว่าโรงพยาบาลทำอย่างไรกับเค้า..จะว่ากล่าว ตักเตือน หรือทำอย่างไร ก็ให้แจ้งเราด้วย ...
ปลายเดือนมกราคม โรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ให้ไปรับเงิน 2000 บาท ทางผู้บริหารอนุมัติให้แล้ว.. อ่ะ เรื่องก็น่าจะจบ เพราะเราไม่ได้ต้องการจะเรียกค่ารักษาทั้งหมดจาก ร.พ.ลาดพร้าวอยู่แล้ว ทั้งค่ายา ค่าหมอ ตอนแรกทางลาดพร้าวเค้าจะให้เราตัดเฝือก แล้วก็รักษากับหมอกระดูกของเค้าต่อ..เรื่องอะไรล่ะ ไม่เอาหรอก บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจ ไม่คิดว่าหมอที่นั่นจะมีความสามารถ เลยตอบเค้าไปว่าเรารักษาที่พระมงกุฎหมอเค้าก็เก่งอยู่แล้ว และจะได้ต่อเนื่อง
เราก็ไม่ได้ไปรับเงินซักทีเพราะขาเข้าเฝือกอะ จะไปไหนได้ยังไง อีกอย่างเงินแค่ 2000 บาท ก็เออ ช่างๆมันก่อน จนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 กพ. 50) เราก็แวะไปรับเงิน เราขึ้นไปพร้อมแม่ ก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีปัญหาอะไร แล้วก็กะจะไปตามเรื่องหมอนภาพรรณด้วย ว่าโรงพยาบาลจัดการอย่างไร
ขึ้นไปที่ห้องการเงิน เจ้าหน้าที่เค้าก็หยิบเอกสารออกมาจะให้เซ็นรับเงิน 2000 บาททีนี้เอกสารที่เค้าส่งให้มามันเย็บเป็นชุดไง มีเอกสาร 5-6 แผ่น เค้าจะให้เราเซ็นรับที่แผ่นแรก ข้อความก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่เป้นใบรับเงิน ให้เราเซ็นว่ารับเงินแล้วแค่นั้น แต่เราพลิกไปอ่านแผ่นที่ 2 หรือ 3 นี่แหละ เป็นเอกสารเรื่องขอเบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยประกันสังคม เรียนผู้จัดการฝ่ายบัญชี ลงวันที่ 25 มกราคม 2550 มีข้อความระบุชัดเจนว่า "..... บัดนี้โรงพยาบาลดังกล่าวได้ทำการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว โดยเป็นเงินทั้งสิ้น 2000 บาท ..." อ้าว ไม่ใช่แล้ว มัดมือชกนี่นา... พระมงกุฎยังรักษาเราไม่เสร็จ เพราะเรายังต้องทานยาอยู่ แล้วหมอพระมงกุฎก็นัดเราไปเอ็กซเรย์อีกทีวันที่ 20 มี.ค.50 อีกตั้งเดือน มาให้เราเซ็นว่ารักษาเสร็จสิ้นแล้ว แถมลงวันที่ 25 ม.ค ได้ไง ..มันไม่ได้ดิ แล้วยังบอกว่ารักษาเป็ฯเงินทั้งสิ้น 2000 บาท..ไม่ใช่แล้ว 2000 นี่มันเฉพาะค่าเฝือก ใบเสร็จก็ระบุอยู่โต้งๆ... รักษาเสร็จสิ้นเป็นเงินทั้งสิ้นเท่าไหร่ ตอนนี้ไม่มีใครตอบได้หรอก เพราะยังไม่เสร็จ ค่าใช้จ่ายจริง ณ วันนั้น รวมค่ายา ค่าหมอ ค่าเอ็กซเรย์ ก็เกิน 2000 ไปอื้อแล้ว มาให้เราเซ็นแบบนี้ได้ไง..
เราก็ไปชี้แจงกับฝ่ายประกันสังคมซึ่งทำเรื่องเบิกจ่ายให้เราว่า ไม่ใช่นะ ข้อความคุณไม่ถูกต้องนะ เพราะรักษายังไม่เสร็จ เรายังไม่หาย ไม่เชื่อดูเท้าเราสิ..ไม่มีใครดู...
เราขอให้เค้าแก้ไขข้อความว่ารักษาเสร็จสิ้นแล้วและเป้ฯเงินทั้งสิ้น 2000 บาท โดยขอให้แก้เป็นว่าเบิกจ่ายเฉพาะค่าเฝือก เป็นเงิน 2000 บาท ได้มั้ย เพราะมันคือความจริง จะเขียนก็เขียนความจริงสิ...เจ้าหน้าที่พูดด้วยน้ำเสียเหยียดหยามสุดๆ..ก็แค่ข้อความในเอกสาร... อ้าว ซะงั้น
เราเลยบอกว่า อย่างนี้เราเซ็นไม่ได้หรอก เพราะถ้าเราเดินไม่ได้ หรือเป็นเรื้อรังอย่างที่หมอพระมงกุฎบอกว่าอาจเป็นได้เนี่ย แน่นอนเราต้องฟ้องร้องเอากับโรงพยาบาลลาพร้าว ฉะนั้น เอกสารเราต้องทำให้ถูกต้องไว้ก่อน ขืนเซ็นไปเราก็เสียเปรียบ เพราะเท่ากับเรายอมรับให้ลาดพร้าวรับผิดชอบเราทั้งสิ้น 2000 บาท และรักษาเสร็จไปแล้วในวันที่ 25 ม.ค 50 ตามเอกสาร...
เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม แล้วก็บอกเราว่า ที่จริงเอกสารอันนี้เป็ฯเอกสารภายในโรงพยายาบลนะคะ คนไข้ไม่มีสิทธิได้เห็นอยู่แล้ว...อ้าว อ้าว กะปกปิดมกเม็ดกันเลยนี่หว่า เราเลยบอกว่า งั้นเราก็โชคดีน่ะสิที่เราได้เห็นก่อนเซ็นให้น่ะ...เมื่อเค้าเห็นว่ารับมือกับเราไม่ไหวก็ส่งให้ผู้ชายคนนึงมาพูดกับเรา
ผู้ชายคนนี้แต่งเนื้อแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่เชิ้ตตัวโคร่งๆ ผูกไทค์เ *_* ่ยวๆ ไม่สวมสูท มานั่งไขว่ห้างกางแขน ตรงหน้าเรากับแม่ แล้วมาพูดจากร่างๆ ว่า ไหนเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกสิ...เราก็บอกโอ้โห เล่าหลายรอบแล้วนะ รอบนี้อัดเทปไว้ดีกว่า จะได้ใช้อ้างอิงครั้งเดียว เค้าบอก.."เล่ามา" ..แน่ะ นักเลงซะด้วยนิ..เราก็ต้องเล่าตั้งแต่ต้น จากประเด็นที่จะขอให้แก้ไขข้อความนิดเดียวกลายเป็นเรื่องยาว..มานั่งเถียงกะเราว่าหมอเค้าไม่ผิด "หมอเค้าเป็นคนเก่งที่สุดเพราะเค้าเรียนหมอ..เป็ฯนักเรียนก็เก่งที่สุดในโรงเรียน เก่งที่สุดในจังหวัด แล้วยังมาสอบแพทย์ได้อีก เค้าเป็นคนเก่ง..." อ้าว พูดแบบนี้หมายความว่าไง ถ้าเก่งจริงแล้วทำไมรักษษเราไม่ได้ล่ะ
****คำตอบก็คือผู้บริหารโรงพยาบาลลาดพร้าวได้ประชุมกันแล้ว และเห็นว่า กรณีเส้นเอ็นฉีกขาด แพทย์ผู้รักษาจะดูไม่ออกในอาทิตย์แรกๆ**** พ่อคุณเอ้ย..นี่มัน 22 วันแล้วนะ ยังดูไม่ออกอีกหรือ ..โอ้ว แม่เจ้า ช่วยโรงพยาบาลลาดพร้าวด้วย...
ยัง ยังไม่จบเท่านี้

เค้าบอกว่าอาทิตย์แรกๆ หมอยังดูไม่ออก ..เราเลยบอกว่า ไม่ใช่ดูไม่ออกแล้ว แต่นี่หมอเล่นไม่ดูเลยนี่นา...เค้าก็ข้างๆคูๆ ถูๆ ไถๆ สุดท้าย มาตำหนิเราซะว่าหมอ (มันแทนตัวเองว่าหมอ) เข้าใจหมอนภาพรรณ แล้วก็ตำหนิเราพูดประมาณว่าเราพูดจากไม่ดีกับหมอนภาพรรณ ..โห..กระโดดไปนู้นเฉยเลย เราเลยบอกว่า เอ๊ะ แปลกนะนโยบายที่นี่
คนไข้มาตำหนิหมอ แทนที่ผู้บริหารจะขอโทษแทนหมอ ขอโทษแทนโรงพยาบาล..กลับมาตำหนิคนไข้..กลายเป็นเราผิด...โอ ก๊อด
สุดท้ายคุยกันไม่รู้เรื่อง เค้าไม่ยอมแก้เอกสารให้เรา เราก็เลยยังไม่ยอมรับเงิน เรื่องก็ยังค้างคาอยู่อย่างนี้...
อ้อ..ผู้ชายที่มาคุยกับเราบอกว่าชื่อ วิทวัส พืชผล (ประมาณเนี้ย ได้ยินนามสกุลไม่ชัด) ตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ไม่น่าเชื่อใช่มั้ย..ว่าพูดจาอย่างนี้ แต่งตัวอย่างนี้ กริยาอย่างนี้ จะเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลลาดพร้าว..แต่เชื่อเถอะครับท่าน เจอมาแล้ว

.
โดย: piggy   วันที่: 8 Mar 2007 - 11:53


 ความคิดเห็นที่: 1 / 6 : 254642
โดย: เทพ..ฟ้า..ประทาน
ยาวววว แต่อ่านจบ...อือ.
.
.
.
.
.
.
ถ้าจริง ก็ร่วมด้วย ประนาม .. ใกล้บ้านด้วย เออ ..
.ของผมโรงบาลตำรวจอ่ะ...หน้าออกแนวก่อการร้าย เขาเลยให้สิทธิที่โน่น
วันที่: 08 Mar 07 - 13:19

 ความคิดเห็นที่: 2 / 6 : 254740
โดย: จอมแก่น
ยาวมากแต่อ่านจบเหมือนกัน
อ่านแล้ว มันดี และเป็นเรื่องจริงของปัจจุบันนะ
หมอนะก็มีทั้งดีกับไม่ดี (ก็คือคนธรรมดา ทั่วไป ไม่ใช่พระเจ้า ที่รู้ไปซะทุกอย่าง)
หมอก็มีเงินเดือน (มาตรฐานการจ้างงานของแต่ละหมอไม่เท่ากัน และ โรงพยาบาลก็เปรียบเหมือนบริษัท)
หมอก็ทดลองรักษาเราเหมือนหนูทดลอง (เพราะไม่เคยรักษามาก่อน หรือไม่ก็สภาพร่างกายของแต่ละคนไข้ไม่เท่ากัน) โชคดีก็เอาเรื่องเราไปประชุมหาวิธีรักษาก่อนมารักษา โชคไม่ดีก็กินยาผิดไป
โรงพยาบาลก็รับคนประกันสังคมเยอะจริง ๆ คอยกันให้รากงอก ยาที่ให้มาก็แบบยาธรรมดา (หมายถึงยาแตกต่างกันเลยระหว่างยาจ่ายตังเอง กับยาที่ใช้ในประกันสังคม)
และต้องทำใจที่เวลาเราจ่ายเงินประกันสังคมเต็ม แต่ไม่ได้ใช้ (ถือว่าโชคดีแล้ว) เพราะยังมีคนป่วยอีกเยอะที่กินยาทั้งปี เกินเงินประกันสังคมที่จ่ายไป (ถือว่าช่วย ๆ กันไป)

แต่ทำไม พอเวลาเราไปหาหมอบ้าง (ทั้ง ๆ ที่นาน นานป่วยที ปีนึงจะป่วยสัก 3-4 ครั้งด้วยโรคหวัด ซึ่งถ้าหยุดครั้งละสองวัน ก็ไม่น่าจะเกิน สิบสองวันของทั้งปี ซึ่งจริง ๆ ลาป่วยได้ไม่เกิน สามสิบวัน)
หมอชอบทำเหมือนว่าเราวิตกจริตไปเองฟะ ทำเหมือนคนไข้อยากหยุดงาน ขอใบรับรอง วันไหนหงุดหงิด เครียด และปวดหรือมึนหัว จะอ๊วก คงต้องไปอ๊วกต่อหน้าหมอให้ดูเอย

ปล1. โรคเครียดมันมีในบัญญัติการออกใบรับรองแพทย์บ้างไหม? ถึงได้คิดว่าเราวิตกจริต
ปล2. คำที่เขียนข้างบนนี้ จะมีความหมายเฉพาะบางหมอเท่านั้น ขอย้ำ!!ว่าหมอดี ดี ก็ยังมีอยู่จริงอีกเยอะคะ อยู่ที่ดวงคะว่าจะเจอแบบไหน
ปล3. สู้ได้เท่าที่สู้นะคะ เป็นกำลังใจให้ อันไหนยอมได้ก็ยอม ๆ กันไป เมืองไทยมีกฏหมายเป็นที่ตั้ง แต่ความยุติธรรมอยู่ที่เปา บุ้น จิ้นคะ
วันที่: 08 Mar 07 - 21:44

 ความคิดเห็นที่: 3 / 6 : 254747
โดย: Dr.K
แนะนำให้ฟ้องที่สำนักงานประกันสังคมครับ
อย่าเซ็นอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ ไม่ต้องไปปะทะคารมกับใครๆ ให้เสียความรู้สึกครับ
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่นั่นอีก ให้สำนักงานประกันสังคมเดินเรื่องให้แทน
ถ้ายังเห็นท่าไม่ดีคงต้อง TITV ล่ะครับ
วันที่: 08 Mar 07 - 22:39

 ความคิดเห็นที่: 4 / 6 : 254759
โดย: เซนท์โซเฟียร์
ผมเคยไปหาหมอ รอ 1 ชม ตรวจ ไม่ถึง 5 นาที จากปวดหัวมาก จนหายเลย(หายตอนรอนั่นแหละ) ได้ยามา 3 ห่อ เหมือนเดิมทุกที คิดไปคิดมา เพื่อนผมบอกว่า ถ้าเอาเงินประกันสังคมไปเสียเป็นค่าประกันคงได้รับการบริการที่ดีกว่านี้(เยอะ) ที่ทำงานผม มีประกันหมู่ของ .... (ขอละไว้) ตอนที่ผมแขนหักไปรักษา ตอนแรกจะยื่นประกันสังคม ถาม รพ. เขาถามว่ามีบัตรอะไรบ้าง เลย ยื่นไห้ 2 ใบ มี 1.ประกันสังคม 2.บัตรประกันหมู่ ปรากฏว่า รพ.เอาประกันหมู่ก่อนแล้วบอกว่า ถ้าเกินงบของประกันหมู่ ค่อยเอาประกันสังคมมาโป่ะ นะคะ ผมคิดในใจ ถ้ามีประกันหมู่อันเดียว ก็คงพอและ แต่ทำไงได้ ประกันสังคมมันบังคับทำนี่นา
วันที่: 09 Mar 07 - 00:19

 ความคิดเห็นที่: 5 / 6 : 255032
โดย: ผ่านมาเยือน
นี่หรือเมืองพุทธ.... แฟนก็มีประกันสังคมที่นี่เหมือนกัน รู้ยังงี้แล้วต้องรีบไปเปลี่ยนก่อนจะเจอหมอเลวๆแบบนี้เพราะถ้าเป็นผมละก็ สงสัยโรงบาลแตกแน่ๆ
วันที่: 09 Mar 07 - 23:12

 ความคิดเห็นที่: 6 / 6 : 255201
โดย: deluxe
ผมอยู่หลังโรงพยาบาลลาดพร้าวแต่เจ็บป่วยทีไรผมไปเวชธานีทุกที

เท่าที่จำได้ ผมเคยพาเพื่อนที่เกิดอุบัติเหตุหัวแตกเข้าไป ส่งตรงฉุกเฉินข้างล่าง แล้วผมเอารถไปจอด พอออกมา ประมาณ15นาที เพื่อนผมยังไม่ได้ทำแผลอะไร ประโยคแรกที่เจ้าหน้าที่ถามคือ มีเงินหรือเปล่า คนหัวแตกเลือดอาบแมร่งยังไม่รู้จักล้างแผลให้ก่อนซักนิด พอผมยื่นบัตรเครดิตให้ มันถึงเริ่มพาเพื่อนผมไปเย็บแผล ใบเสร็จมีค่าล้างแผลทุกวัน ประมาณ2อาทิตย์ มันไม่ได้คิดจะถามก่อนเลยว่าเพื่อนผมสะดวกมาล้างแผลที่นี่หรือเปล่า
ครั้ง2 เพื่อนมาที่บ้าน เกิดอาหารเป็นพิษ บังเอิญประกันสังคมที่ลาดพร้าวเหมือนกัน ผมเลยพามาหาหมอเหมือนกัน รอไปชั่วโมงนึงจนเพื่อนบอกไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวจ่ายเงินเลย ไม่ถึง5นาที ได้เข้าตรวจเลย

ครั้ง3 น้องสาวไม่สบาย ต้องนอนโรงพยาบาล ประกันสังคมโรงบาลลาดพร้าว อีกแล้วครับท่าน แฟนผมจะไปนอนเฝ้าให้ ขอหมอนกับผ้าห่มสำหรับคนนอนเฝ้า ไม่มีให้ครับ??????โรงบาลเอกชนหรือเปล่าหว่า??
วันที่: 10 Mar 07 - 17:23