Close this window

ถามผู้รู้ เรื่อง turbo ไืิฟฟ้าหน่อยครับ
1. boost สูงสุดกี่ psi ครับ
2. เครื่อง kf ควรจะ boost ที่เท่าไหร่ ที่ไม่ให้้้่เป็นอันตรายต่อเครื่องครับ
3. ราคาประืืมาณเืท่าไหร่ แล้วหาซื้อได้ที่ไหนครับ
โดย: king   วันที่: 25 Apr 2008 - 04:41


 ความคิดเห็นที่: 1 / 20 : 343177
โดย: maz
ผมไม่รู้สักข้อนะ
แต่ผ่านมาหลายๆ club ( นอกจาก mitsu )

คนที่ติดแล้วก็จะบอกว่าได้ผลดีสุดๆ
คนที่มองอย่างเดียวก็ค้านว่าไม่น่าจะได้ผลมากกว่านั้น
ลองคิดเล่นๆ ก็มาฉุกคิดว่าเฮ้ย มันได้ม้าเป็นสิบเลยหรือนี่ พอดีไปเห็นคนที่เขาทำเครื่องแบบขยายความจุโดยเปลี่ยนลูกแต่ง และอื่นๆ อีกมากที่ miata club. รู้สึกว่าเจ้าของรถใช้ชื่อว่าอินทรีแดงนี่แหละ
เขาหมดไปเป็นแสนได้ม้าลงพื้นเพิ่มมานิดหน่อย วัดจาก dyno ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 140 นี่กระมัง

ก็เลยเป็นข้อคิดว่าม้าที่พูดกันจากเทอร์โบไฟฟ้าเนี่ยน่ากลัวจะไม่ใช่ม้าจริงแฮะ

ที่น่าสังเกตุอีกอย่างนึง หากไม่มีกล่องจูนมันจะสำแดงเดชได้มากแค่ใหนกันนะ น่าคิดนะครับ
วันที่: 25 Apr 08 - 08:11

 ความคิดเห็นที่: 2 / 20 : 343279
โดย: Switch_ON!
ถ้าวัดแรงอัดกันจากตัว turbo ก็คงนับเป็น PSI ไม่ถึง 1 หรอกครับ น้อย ๆ ๆ ๆ ๆ มาก ๆ ครับ

มีปัญหาโทรไปคุยกะคนขายได้เลยครับ เค้าตอบคุณได้แน่ ๆ
วันที่: 25 Apr 08 - 11:02

 ความคิดเห็นที่: 3 / 20 : 343474
โดย: king
สรุปว่าไม่น่าเล่นใช่ไหมครับ
วันที่: 26 Apr 08 - 00:39

 ความคิดเห็นที่: 4 / 20 : 343521
โดย: PapaRo@ch~*
ไอ้คห. 2 มันก้อยัดอยู่ในรถมันนิ
วันที่: 26 Apr 08 - 11:31

 ความคิดเห็นที่: 5 / 20 : 343568
โดย: king
งั้น คห.2 ช่วยสรุปด้วยครับ
วันที่: 26 Apr 08 - 14:07

 ความคิดเห็นที่: 6 / 20 : 343588
โดย: G
ผมก็ใส่อยู่ครับ แต่เป็น E450

ตามที่ คห.2 ใส่น่าจะเป็นรุ่นแรก ก็คือรุ่น E 280 (วันนั้นยังเจอกันอยู่เลยนะ ที่อู่ช่างแดง ตอนค่ำๆ สักทุ่มนึง(ใช่คนเดียวกันป่าวหว่า) แหม่ดันรีบกลับไม่งั้นจะชวนคุยสักกาหน่อย)

ยังไงถ้าจะใส่แล้ว ให้ลองรุ่น E450 ดู ครับ เค้าบอกว่าสามารถ ดูด ปริมาณอากาศ ได้ 450 ลูกบาตฟุตต่อนาที แต่ผมไม่รู้ว่าเทอร์โบจริง 1 บาร์ มันสามารถ ดูด อากาศเข้าไปได้เท่าไหร่ ถ้ารู้คงคำนวณได้ไม่ยาก


ลองเข้าไปดูในเว็ปเองเลยครับ

http://www.tarad.com/phon_autotech/
วันที่: 26 Apr 08 - 15:17

 ความคิดเห็นที่: 7 / 20 : 343605
โดย: G
สามารถดูดอากาศได้มากถึง 7.92 ลูกบาตเมตรต่อนาที หรือ 279.69 CFM แรงดันอากาศ 20.30 mmH2O ปริมาณอากาศ

ยังไงใครคำนวณเก่งๆๆก็ช่วย คำนวณให้หน่อยซิว่า มันวัดเป็นบาร์ เนี่ยคำนวณยังไง ส่วน ลิ้งค์ที่ ให้มาสำหรับคนที่คำนวณเป็น เพื่อจะช่วยได้



http://www.rmutphysics.com/CHARUD/virtualexperiment/virtual1/ericksontutor/convertthai.html#power
วันที่: 26 Apr 08 - 16:37

 ความคิดเห็นที่: 8 / 20 : 343608
โดย: J48L
http://www.sensorsone.co.uk/pressure-measurement-glossary/bar-pressure-unit.html

http://www.sensorsone.co.uk/pressure-units-conversion.html

ที่พูดกัน คิดว่าข้างในมันเป็นเหมือนพัดลมเล็กๆ มากกว่า

มันเป็นเหมือน blower มากกว่า compressor มันคงช่วยได้เล็กน้อยเท่านั้น

แต่ turbo ที่ใช้โข่งไอดี(compressor) และมีครีบใบไอดีเหมือนกับ Turbo ทั่วๆ ไป แต่ใช้ motor ไฟฟ้าปั่นก็มี แต่ไม่ใช่ motor เล็กๆ ราคาไม่เท่านี้แน่ๆ

แล้วก็มีการพัฒนา Turbo ที่เหมือนแบบปกติ ที่ใช้ motor ช่วยหมุนเพื่อลด lag เหมือนกัน
วันที่: 26 Apr 08 - 17:15

 ความคิดเห็นที่: 9 / 20 : 343614
โดย: G
โอเค คำนวนได้และ

0.1 bar เท่ากับ 1.45 Psi
1 bar เท่ากับ 14.504 Psi


เทอร์โบไฟฟ้า
รุ่น E-280 ทำได้ 0.029 Psi หรือ 0.002 bar
รุ่น E-450 ทำได้ 0.067 Psi หรือ 0.005 bar

สรุป ไม่ถึง ครึ่งบาร์เลย
วันที่: 26 Apr 08 - 18:23

 ความคิดเห็นที่: 10 / 20 : 343836
โดย: king
ไม่ถึงครึ่งบาร์ อย่างงี้ใส่ไปก็ขวางอากาศป่าวๆสิครับ
วันที่: 28 Apr 08 - 04:05

 ความคิดเห็นที่: 11 / 20 : 344517
โดย: G
มันจะว่าขวางก็ไม่น่าใช่หรอกครับ เพราะล้อเดิม ใส่ 14 นิ้ว สามารถวิ่งได้ 195 Km
หลังจากที่ เปลี่ยนมาใส่ล้อขอบ 17 นิ้ว วิ่งได้ สูงสุด 185 Km
เครื่อง 1.8 Auto

หลังจากใส่เทอร์โบไฟฟ้า สามารถ วิ่งได้ 198 km
วันที่: 30 Apr 08 - 12:29

 ความคิดเห็นที่: 12 / 20 : 344532
โดย: Switch_ON!
บอกแล้วครับว่ามันไปนับเป็น bar ไม่ได้หรอก เพราะมันยังไม่ถึง 0.1 PSI เลยด้วยซ้ำไป

เพราะการทำงานมันต่างกับ turbo ปกติอยู่แล้วครับ หน้าที่ของมันไม่ใช่การอัดอากาศเข้าไปในห้องเผาไหม้ให้ได้เยอะ ๆ เหมือน turbo

แต่ทำหน้าที่เป็นเหมือน Air Buffer ให้กับเครื่อง เวลาลิ้นเปิด ต้องการอากาศมาก ก็จะมีอากาศไปรออยู่ที่หน้าลิ้นอยู่แล้วเอาไปใช้ได้เลย ไม่ต้องรอแรงดูดจากเครื่อง มาดูดมันเข้าไปเองครับ (เจ้านี้ดูดไว้ให้แล้ว)

ดังนั้น เค้าจึงบอกเรื่องของ Flow rate มาเป็นจุดขาย แทนเรื่องของ แรงดันหรือแรงอัดยังไงล่ะครับ โดยคิดง่าย ๆ ว่า ถ้า Flow rate ที่ตัวพัดลม ทำได้ สูงกว่า หรือใกล้เคียง กับ Flow rate ที่เครื่องทำได้ ที่รอบเครื่องต่อแรงม้าสูงสุด ก็จะทำให้ อัตราเร่งต่าง ๆ ดีขึ้น เพราะลดเวลาการ lag จากการอแรงดูดของเครื่อง และลดระยะการเดินทางของอากาศให้สั้นที่สุดนั้นเองครับ

และในจุดอัตราความต้องการอากาศของเครื่อง สูงกว่าที่พัดลมจะสร้างได้ มันก็จะไปดูดอากาศเอามาเองต่อยังไงล่ะครับ เพราะว่า ขนาดของพัดลมที่ใหญ่ แม้ดูเหมือนว่าจะไปขวางทางเดินอากาศ แต่ว่า มันก็ชดเชยด้วยขนาดของห้องกักอากาศที่ใหญ่ว่า ด้วย ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวเรื่องว่ามันจะขวางทางเดินเปล่า ๆ หรอกครับ เส้นทางเดินน่ะ มันใหญ่กว่าท่อปกติซะอีก
วันที่: 30 Apr 08 - 13:25

 ความคิดเห็นที่: 13 / 20 : 344660
โดย: king
งั้นถามพี่ G ต่อหน่ิิือยครับ

1.อัตราเ่ร่งดีขึ้นรึป่าวครับ...ผมไม่เน้นความเร็วปลายอะครับ(ใจไม่ึึถึุง ไม่กล้าเหยียบ 200 แบบพี่)

2.พี่ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ครับ

3.Dangerous ต่ิอเครื่ิองไหมครับ

...ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ
วันที่: 01 May 08 - 03:20

 ความคิดเห็นที่: 14 / 20 : 345070
โดย: G
1.อัตราเร่งโดยส่วนตัว ผมว่าดีขึ้นเยอะ แต่จะเอาให้ไวเหมือนเทอร์โบแท้ๆคง ไม่ได้
2.ตามลิงค์ http://www.tarad.com/phon_autotech/
3.เพื่อนผมใส่โบแท้ๆ บูธกัน 0.5 บาร์ ขับมาได้ 2 ปี และ ยังไม่ เดี้ยงเลย
อันนี้ไม่ถึง 0.1 บาร์ หายห่วง แต่ก็พูดยากนะ มันแล้วแต่คนขับ เพราะขนาดรถเดิมๆๆไม่ทำอาราย มันยังพังได้เลย เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่คนขับแล้วละครับ
วันที่: 03 May 08 - 12:20

 ความคิดเห็นที่: 15 / 20 : 346367
โดย: หาข้อมูลมานาน
เมืองนอกเค้าทำกันมานานแล้ว จนมีชุดคิทขายกันให้เกลื่อน
แรงม้าที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับกล่องเดิมๆของรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อเลย
ถ้าคิดเป็น % คร่าวๆผมคิดว่าน่าจะได้ 10% ของแรงม้าเดิมของรถ
ส่วนมัาจะ +/- เท่าไหร่จาก 10% อันนี้มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
ปกติอากาศจะถูกอั้นจากกรอง หรือระบบทางเดินไอดี อยู่ราวๆ 20%
จะเห็นว่าพอถอดกรองวิ่งจับเวลาดู เวลาจะดีขึ้นชัดเจน แล้วกล้าทำบ่อยป่ะ
เต็มที่ก็หา กรองแต่ง กรองเปลือย กรองเลส อะไรก็ว่าไป ม้าก็เพิ่มมาบ้าง

แต่ถ้าเราเอาอากาศมารอที่หน้าลิ้นปีกผีเสื้อ โดยใช้พัดลมที่ปั่นอากาศ
ได้ปริมาตรเพียงพอกับความจุของกระบอกสูบ (ไม่ถึงขั้นอัดเข้ากระบอกสูบ)
รอบก็ต้องกวาดเร็วขึ้น เวลาก็ต้องดีขึ้น ก็คือกราฟแรงม้า แรงบิดยกเร็วขึ้น
แต่...แรงม้าสูงสุดจะเพิ่มรึป่าวอันนี้ขึ้นอยู่กับของเดิมมันอั้นขนาดไหน
ถ้าอั้นมากแรงม้าสูงสุดที่ควรเป็น กลับไม่เป็นไปตามสเป็คของรถ
ดังนั้นแรงมาที่ได้เพิ่มมาก็เป็นแรงม้าที่จริงๆมีอยู่แล้วแค่มันหลับอยู่เท่านั้น

ส่วนคำถามที่ว่า แบบนี้พัดลมมันไปขวางทางลม ยิ่งจะทำให้รถอืดรึป่าว?
กระทู้คุณไก่โต้ง ได้คำนวนให้แล้วว่าเครื่อง 1600c กับ
เครื่อง 2000cc ต้องการอากาศสูงสุดที่เท่าไหร่
ซึงก็น่าจะตอบได้แล้วว่าพัดลมมันปั่นอากาศได้เกินกว่าความต้องการซะอีก

http://www.thaimazda3.com/forum/index.php?showtopic=10847
"พบว่ารถยนต์เครื่อง 1.6 ลิตร red line 8000 rpm
จะดูดลมประมาณ 259 ถึง 323 cfm
แล้วพบว่ารถยนต์เครื่อง 2.0 ลิตร red line 8000 rpm
จะดูดลมประมาณ 322 ถึง 402 cfm"
วันที่: 10 May 08 - 15:02

 ความคิดเห็นที่: 16 / 20 : 346369
โดย: หาข้อมูลมานาน
ปัจจุบันเทอร์โบไฟ้าทั้งหมดมี 3 รุ่น
เทอร์โบไฟฟ้า รุ่น 280 พัดลมดูดลมได้ 280cfm
เทอร์โบไฟฟ้า รุ่น 380 พัดลมดูดลมได้ 380cfm
เทอร์โบไฟฟ้า รุ่น 450 พัดลมดูดลมได้ 450cfm
จะเห็นว่า 2 รุ่นแรกเพียงพอกับกันเครื่อง 1600c
รุ่น 450 ก็จะเหมาะสำหรับเครื่อง 2000cc แต่จะใส่รุ่น 380 ก็พอได้

แต่...ระบบการทำงานของรุ่น 280/380 เทียบกับ 450 มันต่างกัน
280/380 ความเร็วพัดลมทำงานตามรอบเครื่องยนต์
ดั้งนั้นกรณีที่ต้องการอากาศที่เยอะจริงๆ พัดลมก็จะรอรอบเครื่องยนต์อยู่ดี
ส่วนรุ่น 450 มีการทำงานของความเร็วพัดลมแค่ 2 ระดับคือ
1)พัดลมหมุนเร็วประมาณ 65% 2)พัดลมหมุดที่ max speed
ทั้ง 2 ระดับเราสามารถปรับได้ว่าต้องการให้ทำงานที่ความเร็วรอบเท่าไหร่
ซึ่งผมคิดว่าแบบนี้จะตอบสนองได้ดีกว่ารุ่นแรกๆเยอะ

ส่วนจะเชื่อได้แค่ไหนว่าพัดลมมันทำงานได้ตามสเป็คที่บอกไว้รึป่าว
อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้ แต่เท่าที่ติดตามมาตั้งแต่เริ่มมีรุ่นแรก
ผมก็เคยไปนั่งรถพี่พลที่ใช้พัดลมรุ่น 280 มันก็แรงกว่ารถ 1600cc
ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพาะเฮดเดอร์และกล่องที่จูนมา
ทำให้ได้ม้ามาถึง 40 ตัว แต่ถ้าลำพังเฮดเดอร์กับจูนกล่อง
ปกติมันจะได้เหรอ ได้ม้า 40 ตัวที่ว่าเนี่ย ผมก็ยังสงสัย
ต่อมาผมก็เห็นรุ่น 380 ออกมาทำตลาดสำหรับรถ 2000cc
แล้วก็รุ่นล่าสุด 450 ที่เปลี่ยนระบบการทำงานเป็นเป็น 2 ระดับ
ซึ่งผมก็ได้ลองส่องๆดูพัดลมแต่ละรุ่นมันก็ต่างกันจริงๆ (แต่ไม่มีรุ่นบอก)
ทั้งหน้าตาทั้งจำนวนใบพัด เค้าบอกว่าพัดลมที่ใช้เป็นพัดลมอุตสาหกรรม
ตัวแรกที่ทดลองเลย ใช้มา 3 ปีก็ยังใช้งานได้ปกติ (ไม่รู้จริงรึป่าว)
แต่ที่แน่ๆก็ยังพออุ่นใจได้ตรงที่สินค้าเค้ารับประกัน 1 ปี
วันที่: 10 May 08 - 15:04

 ความคิดเห็นที่: 17 / 20 : 346370
โดย: หาข้อมูลมานาน
ง่ายๆ เอาเป็นว่าคนที่ติดมาแล้ว เค้าบอกว่าแรงขึ้น
Top speed เพิ่มขึ้น มันก็น่าคิดนะครับ

http://www.thaimazda3.com/forum/index.php?showtopic=12626
"ขอโทษครับ พอดีห่างคอมเลยครับช่วงนี้ ขอรายงานผลเลยละกันนะครับ
เพื่อใช้เปนการตัดสินใจของเพื่อน vios ทำเฮดเดอร์ทั้งเส้น ล้อ 15
โดนm3 ฉีกตอน เกียร์ 3 ความเร็ว ประมาณ 140 dimension
รั้งท้าย ตอนความเร็วนี้ พอ เกียร์4 m3 ความเร็ว 190
รอไหลปลายนิดๆ แต่เสียวแล้ว ส่วนvios สุดที่ 190 เช่นกัน
แต่หมดแล้วไม่ไหล dimension ไม่ต้องพูดถึง รั้งท้าย ที่ 180 สุดๆ
รถผม ล้อ 17 /45 ลมยาง 28 ปอนด์
ทำท่อตรงหม้อพักปลายตรงบิดเกลียว บวกอุปกรอภินิหารเล็กน้อย
สรุป ตามความรู้สึกของผมนะครับ ตีให้ตายไม่ยอมถอดทิ้ง
ช่วงนี้เก็บตังค์ หา picky back สักตัวจะได้นิ่งขึ้น
บวก เบรคดีๆ ซักตัว เพราะช่วงที่สุดๆ นี้น เหมือนเบรคจะเอาไม่อยู่
สรุป อัตราเร่ง ดีขึ้น ช่วง 2500 รอบขึ้นไป เห็นๆ ครับ เกียร์ 3 4 สุดๆๆ
ชอบครับ"
วันที่: 10 May 08 - 15:05

 ความคิดเห็นที่: 18 / 20 : 346371
โดย: หาข้อมูลมานาน
ส่วนรถพี่พลที่เคยใส่รุ่น 280 ม้าเพิ่ม 40 ตัว วิ่ง 0-402 ได้ 17 วิ
เวลาขนาดนี้เครื่อง 2000 เดิมๆยังยากเลยครับ (ถ้ามีตัวช่วยก็พอไหว)
ล่าสุดเค้าเปลี่ยนฝา Mivec และเปลี่ยนมาใส่รุ่น 450 2 ตัวเลย
เห็นว่าเพิ่งไปวิ่งคลอง 5 มา ทำเวลาได้ 15 วิ ต้นๆ
เวลานี้เครื่อง 4G93T ยังยากเลยครับ ถ้าเซ็ทไม่ดีก็ได้แค่ 15 ปลายๆ

ลำพังเครื่อง 1600cc เปลี่ยน ฝามันจะแรงได้ขนาดนี้เลยเหรอ
นี่ขนาดเฮดเดอร์ก็ถอดออกแล้วด้วย เพราะใส่กับฝา Mivec ไม่ได้
แกบอกว่าจะไปทำเฮดเดอร์แล้วลองไปวิ่งใหม่ เวลาอาจจะดีขึ้นอีกหน่อย
ถ้าไม่ได้อนิสงค์จากเทอร์โบไฟฟ้าแล้วม้ามันจะมาจากไหนล่ะ???

ถ้าเทียบกับเซทโบแท้ๆ คนเล่นต้องมีความรู้พอสมควร เสี่ยงรถพัง
โบไฟฟ้า ไม่ต้องมีความรู้ไรเลย ปรับทีเดียวจบ ง่ายกว่ากันเยอะ
ราคาที่จ่ายไปกับม้าที่ได้มา คุ้มหรือไม่คุ้มมันก็อยู่ที่ตัวบุคคล
แต่สำหรับผมแล้วผมว่ามันคุ้มครับ

ปล.ไม่ได้มาเชียร์ให้ติด แค่อยากเล่าให้ฟังว่าศึกษามานานกว่าจะติดครับ
วันที่: 10 May 08 - 15:06

 ความคิดเห็นที่: 19 / 20 : 346381
โดย: หาข้อมูลมานาน
ลืมบอกเรื่องอัตตราการบริโภคน้ำมันครับ
ถ้าขับเรื่อยๆมันช่วยให้ประหยัดขึ้นได้นิดหน่อย
น่าจะอยู่ราวๆ 1 km/l หรือดีกว่านั้น
แต่ถ้าเหยียบหนัก ก็กินขึ้นอยู่แล้ว
อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้าของใครของมันแล้วครับ
วันที่: 10 May 08 - 16:45

 ความคิดเห็นที่: 20 / 20 : 346395
โดย: หาข้อมูลมานาน
อีกเรื่องนึงที่ต้องให้ความสำคัญเลยคือ อากาศร้อนในห้องเครื่อง
เหมือนขับรถกลางคืนกับกลางวันมันคนละเรื่องเลย
ถ้าเราติดตั้งแบบเดิมๆ ที่ร้านให้มาโอกาสที่จะได้ม้าสัก 10 ตัวคงยาก
ดังนั้นการดักลมเย็นเข้ามาตรงกรองเปลือย จะช่วยได้เยอะครับ
แต่ถ้าเครื่องใครเก่าแล้ว ผมว่าเก็บตังค์เพิ่มวางเครื่องใหม่จะคุ้มกว่าครับ
เพราะเงินหมื่นเดี๋ยวนี้มันหายาก ยังไงชั่งใจให้ดีก่อนจ่ายเงินหมื่นครับ
วันที่: 10 May 08 - 18:51