มาแล้วตามคำเรียกร้องของเพื่อนๆ นะครับ ตัววัดแวคคัม หรือแวคคัมเกจนี้ ปกติไม่ได้ออกแบบมาไว้ใช้จูนแก๊ส LPG โดยตรงหรอกครับ แต่คนที่เป็นช่างจะทราบดีว่า แวคคัมเกจเป็นเครื่องมือขั้นพื้นฐานสำหรับบ่งชี้สภาพเครื่องยนต์ในขณะทำงาน และเมื่ออ่านค่าออกมาแล้ว เขาจะมีตารางเทียบไว้เลยว่า เข็มแสดงค่าแบบนี้หมายถึงอะไร

เช่น วาล์วเสีย เครื่องทำงานไม่ครบทุกสูบ หรือกำลังอัดของเครื่องเริ่มตกลงมาแล้ว ฯลฯ

รายละเอียดของการอ่านค่าต่างๆ ดูได้จากตรงนี้เลยครับ

http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=42194&sh=%E1%C7%A4%A4%D1%C1

โดย: จะเด็ด   วันที่: 12 Nov 2008 - 11:51

 ความคิดเห็นที่: 1 / 32 : 404975

โดย: จะเด็ด

หน้าตาของแวคคัมเกจโดยทั่วไปลักษณะประมาณนี้ครับ

บางรุ่นเลข 0 อยู่ทางซ้าย แต่บางรุ่นเลข 0 อยู่ทางขวา แต่ใช้ได้เหมือนกันนะครับ ใครจะใช้แบบไหนขึ้นกับความชอบและงบประมาณละกัน

 ความคิดเห็นที่: 2 / 32 : 404976

โดย: จะเด็ด

สำหรับแบบที่ช่างมืออาชีพใช้ จะแลดูป๋าขึ้นไปอีกหน่อย ได้ข่าวว่าราคาแรงมากมาย ผมเลยถอยดีกว่า แต่หน้าตาประมาณนี้ครับ

 ความคิดเห็นที่: 3 / 32 : 404977

โดย: จะเด็ด

แอะ รูปยังไม่ขึ้นแฮะ

 ความคิดเห็นที่: 4 / 32 : 404984

โดย: จะเด็ด

หน่วยวัดของแวคคัมก็คือหน่วยวัดของแรงดันนั่นเอง ซึ่งก็มีหลายหน่วยตั้งแต่ Bars, in Hg (ความสูงวัดเป็นนิ้วของปรอท), mm Hg (ความสูงวัดเป็นมิลลิเมตรของปรอท), PSI, กิโลกรัมต่อตารางเมตร และ...

แต่ที่นิยมใช้ในรถ ส่วนใหญ่นิยมหน่วย in Hg (ความสูงวัดเป็นนิ้วของปรอท) เลขมีค่าตั้งแต่ 0-30 เต็มสเกลนั่นแหละ

 ความคิดเห็นที่: 5 / 32 : 404990

โดย: จะเด็ด

เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายคนที่เซ็ตโบอาจเริ่มคุ้นหู เอหน่วยที่ว่านี่มันคุ้นๆ แฮะ ใช่แล้วครับ หน่วยพวกนี้เราจะได้เห็นในตัววัดบูสต์ของระบบเทอร์โบเช่นกัน

แต่ในกรณีรถที่เซ็ตโบนั้น แรงอากาศในท่อไอดีจะเป็นค่าบวก คือแรงดันสูงกว่าอากาศนอกท่อน่ะเอง
ขณะที่รถแตนๆ อย่างที่ผมใช้นั้น แรงอากาศในท่อจะเป็นค่าลบ เพราะแรงดันต่ำว่าอากาศภายนอกครับ

 ความคิดเห็นที่: 6 / 32 : 404992

โดย: จะเด็ด

แต่ตัววัดบูสต์หลายตัว ก็สามารถวัดค่าแวคคัม (แรงดูด) ได้ด้วย เพียงแต่มุมในการกวาดค่าค่อนข้างแคบกว่าแบบวัดแวคคัมเพียวๆ เลยมักจะอ่านเลขได้ไม่ละเอียดเท่าไรครับ

ตอนนี้ตัวที่ผมมีอยู่ก็เป็นแบบแวคคัมเพียวๆ เหมือนกัน

 ความคิดเห็นที่: 7 / 32 : 404995

โดย: จะเด็ด

ได้เครื่องมือแล้วก็ติดเข้าไปในลักษณะเดียวกับตัววัดบูสต์น่ะเอง ปกติผมเห็นเขาติดกันตรงคอท่อไอดีครับ เรื่องนี้ไม่แน่ใจก็ถามช่างได้ ของผมตอนที่วัดก็ทำแบบนี้เหมือนกัน

 ความคิดเห็นที่: 8 / 32 : 404997

โดย: จะเด็ด

ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นเรื่องพื้นฐานของเครื่องมือวัด และลักษณะการใช้งานคร่าวๆ บอกที่มาที่ไปแล้ว มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า

ทำไมต้องจูนด้วยแวคคัม?
1) แม่นยำ ไม่ต้องเดา หรือกะกะเอาอีกต่อไป
2) จูนจบเร็วกว่าวีธีอื่นๆ
3) แน่ใจได้ว่า ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดจากระบบ Mix นั้นๆ

 ความคิดเห็นที่: 9 / 32 : 404998

โดย: จะเด็ด

ทำไมผมจึงไม่ฟังเสียงเครื่องยนต์ หรือดมกลิ่นแก๊สที่ปลายท่อไอเสีย?
1) ผมไม่ถึงขั้นนั้นอ่ะครับ และเสียงเครื่องแต่ละรุ่น/ยี่ห้อก็ไม่เหมือนกันอีก เคยลองแล้วจูนหลงทางไปเลยครับ
2) ส่วนใหญ่มักจะได้ค่าค่อนข้างหนา วิ่งอืดเพราะแก๊สท่วม จุดระเบิดยาก

แล้วทำไมผมจึงไม่ดู A/F Meter เอา?
1) ค่า A/F เป็นการบอกอัตราการเผาไหม้เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นค่าปลายเหตุครับ ไม่ใช่สภาพเครื่องที่แท้จริง
2) หลงติดไปกับตัวเลข A/F จนลืมไปว่าบางครั้ง นั่นไม่ใช่จุดที่รถวิ่งได้ดีที่สุด

แต่รถผมก็ติด A/F Meter นะครับ ผมดู A/F ในลักษณะที่เป็นการเตือนเหตุผิดปกติล่วงหน้ามากกว่า คือเวลาที่เหยียบคันเร่งแช่อยู่เนี่ย ห้ามบางเด็ดขาด ไม่งั้นเครื่องพังอ่า

 ความคิดเห็นที่: 10 / 32 : 405000

โดย: จะเด็ด

สำหรับคนที่ต้องการวิธีจูนพื้นฐาน แนะนำที่นี่ครับ

http://www.gasthai.com/boardgas/html/A34869.html

เขาเขียนไว้ซะละเอียดเชียว

 ความคิดเห็นที่: 11 / 32 : 405001

โดย: จะเด็ด

เวลาจูนด้วยแวคคัมทำยังไง?

1) ติดตัววัดแวคคัมเข้าที่ให้เรียบร้อย อ้อ ของผมจูนเสร็จแล้วก็ถอดออกครับ ไม่ได้ค้างไว้ที่คอนโซลนะ
2) เพื่อความมั่นใจ สตาร์ทเครื่องด้วยน้ำมัน รอให้เครื่องร้อนเต็มที่ แล้วสังเกตุช่วงเดินเบา เลขขึ้นเท่าไร เวลาเหยียบคันเร่ง เลขตกลงไปอยู่ที่เท่าไร ปล่อยคันเร่งแล้ว เข็มขึ้นไปสูงสุดที่เลขเท่าไร จำตัวเลขเหล่านี้ไว้ใช้ในการปรับเมื่อสลับมาเป็นแก๊ส

 ความคิดเห็นที่: 12 / 32 : 405002

โดย: จะเด็ด

เสร็จแล้วสลับมาเป็นแก๊ส ถ้าใครยังไม่ได้จูนพีคที่ Power Valve ก็จูนพีคที่ Power Valve ก่อนเลยครับ เลือกเอาเลยว่าจะใช้ที่ 3000 หรือ 4000 รอบ

ถ้าจูนพีคที่ Power Valve ไว้ 3000 เราก็จะใช้รอบได้ถึง 3000 รอบเกินกว่านั้นก็บางและวิ่งไม่ออกครับ Power Valve หน้าตาแบบนี้นะครับ เป็นเกลียวทองเหลืองกลมตัวโตๆ อยู่ระหว่าง Mix กะหม้อต้ม

 ความคิดเห็นที่: 13 / 32 : 405003

โดย: จะเด็ด

สำเร็จจาก Power Valve แล้ว ก็มาดูที่หม้อต้ม ของผมใช้ BRC ตัวกลมๆ ที่ยื่นออกมานั่นคือ Idle ส่วนรูเล็กข้างๆ กันต้องใช้หัวหกเหลี่ยมเบอร์ 4 ขันคือ Sensivity

 ความคิดเห็นที่: 14 / 32 : 405008

โดย: จะเด็ด

ผมมองว่าเรื่องยากที่สุดในระบบ Fix-mix คือการหาตำแหน่งที่ดีที่สุดของ Sensivity เนี่ยแหละ เนื่องจากในช่วงเดินเบานั้น จะมีแก๊สออกมาจากทั้ง Idle และ Sensivity อยู่รวมกัน ทำให้บางครั้งเดินเบาได้แต่ออกตัวดับ (เมื่อก่อนผมเป็นประจำเลยครับ) หรือออกตัวไม่ดับแต่อืดมาก ตรงนี้แวคคัมช่วยได้ โดยที่ไม่ต้องกะกะเอาครับ

ทีนี้ลองมองไปที่เข็มแวคคัมได้แล้ว เดินเบาเลขขึ้นสูงหรือต่ำกว่าตอนใช้น้ำมันครับ?

ถ้าสูงกว่าลองลด Idle ลงค่าจะค่อยๆ ลดลง หรือถ้าต่ำกว่าก็เพิ่มให้หนาขึ้น ปรับไปทีละนิดนะครับ เอาให้เท่ากับตอนที่ใช้น้ำมันเลยครับ (ของผมเดินเบาเลขขึ้น 19)

เมื่อเดินเบาได้แล้ว ลองเช็คดูว่าเวลาเหยียบคันเร่งแล้วปล่อย เข็มแกว่งอย่างไร ถ้าตอนปล่อยคันเร่ง แล้วเข็มขึ้นไม่สูงเท่าตอนที่ใช้น้ำมัน (ของผมขึ้นไปที่ 25) แสดงว่า Sensivity ยังไม่ใช่

ซึ่งถ้าลด Sensivity ก็ต้องไปเพิ่ม Idle ให้รอบเดินเบาได้เท่าเดิม หรือถ้าเพิ่ม Sensivity ก็ต้องไปลด Idle ลงด้วย ตรงนี้ใช้เวลานิดนึงครับ แต่บอกตรงๆ ว่าใช้แวคคัมเนี่ยง่ายสุดแล้วนะครับ ดู A/F ยากเอาเรื่อง ปรับไปจนกว่าเข็มขึ้นสูงสุดเท่าน้ำมันเลยครับ ถ้าได้แล้ว นั่นคือตำแหน่ง Sensivity ที่ดีที่สุด

 ความคิดเห็นที่: 15 / 32 : 405014

โดย: จะเด็ด

เพื่อความมั่นใจ ลองเหยียบคันเร่งให้ลึกขึ้นดูว่าเวลาเข็มขึ้นค่าสูงสุด ค่ายังเท่าเดิมหรือเปล่า (ของผมขึ้น 25 ตลอดไปจนถึง 4000 รอบ) ถ้าได้อย่างนี้แล้ว แสดงว่าใช่เลย ตอนนี้ Sensivity กริ๊บแล้วครับ

หันมาดูรอบเดินเบาอีกครั้ง ลองเปิดแอร์ดูบ้าง ว่าเข็มเป็นอย่างไร มันจะตกลงไปเล็กน้อยครับ แต่เครื่องจะต้องไม่สั่นกว่าที่เปิดแอร์ตอนเป็นน้ำมัน (ของผมลงไปที่ 16 แล้วสักพักดีดกลับมา 19 ที่เดิม) ถ้าเลขตกลงไปเยอะแล้วเครื่องสั่น จะต้องเพิ่ม Idle ขึ้นมาจนกว่าจะหายสั่นครับ ค่อยๆ เพิ่มนะครับ ถ้าเพิ่มเยอะก็เปลืองแก๊สเปล่า และพลอยทำให้กำลังในรอบสูงตกลงไปด้วย เพราะหนาเกินไปน่ะเอง

 ความคิดเห็นที่: 16 / 32 : 405017

โดย: จะเด็ด

ถึงตรงนี้ก็ลองเอารถไปวิ่งได้แล้วครับ ถ้าได้ตามนี้ทั้งหมดละก็ จะรู้สึกถึงการตอบสนองของคันเร่งที่ใกล้กับน้ำมันมากๆ วิ่งมันดีจริงๆ ของผมจับอัตราสิ้นเปลืองได้ 7.2-7.3 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อวิ่งในเมืองครับ

 ความคิดเห็นที่: 17 / 32 : 405020

โดย: จะเด็ด

แต่ถ้าของใครจูนไม่ลง ก็คงต้องดูต่อว่าขนาด-ตำแหน่ง-รูปทรงของตัว Mix เป็นปัญหาหรือไม่ อันนี้ผมไม่ชำนาญจึงไม่ขอออกความเห็นนะครับ สอบถามผู้รู้ในนี้ได้ เดี๋ยวก็คงมีคนมาตอบให้แหละ

ของผมปัจจุบันเป็นอย่างนี้อยู่ครับ
http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=42608

 ความคิดเห็นที่: 18 / 32 : 405023

โดย: จะเด็ด

ตามแนวทางในการจูนด้วยวิธีนี้ เน้นตรงที่ได้การตอบสนองคันเร่งใกล้เคียงน้ำมันมากที่สุด คือเรื่องของกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์เนี่ย ถ้ามากหรือหนาไปแก๊สจะท่วม จุดระเบิดยาก กำลังก็ตก

แต่ถ้าแก๊สน้อยไป ไม่พอให้เครื่องยนต์ใช้ กำลังก็ตกอีกแหละ คือมันต้องพอดีๆ ตลอดช่วงที่ใช้งานครับดีที่สุด

ถ้าเราเชื่อในวิธีจูนแบบนี้ จะสรุปได้ว่า เพราะเหยียบน้อยแต่แรงเหมือนน้ำมัน จึงประหยัด แต่ไม่ได้ประหยัดเพราะจ่ายแก๊สแล้วได้ A/F ที่ 14.7 หรือ 0.5 โวลต์นะครับ อย่าลืมว่าช่วงของ O2 มันแคบมาก บอกได้แค่ว่าหนาไป-บางไปแค่นั้นแหละ

ผมเคยยืมตัว Gas Detector มาวัดที่ปลายท่อไอเสียดู มันยังบอกว่าแก๊สเหลือออกมาน้อยมาก ทั้งที่ A/F ฟ้องว่าหนาสุดๆ O2 ขึ้น 0.94-0.98 V. แน่ะ

แต่ของผมตอนนี้เหยียบกระจายครับ สะใจ... จูนจนบรรลุถึงแก่นแล้ว

 ความคิดเห็นที่: 19 / 32 : 405026

โดย: จะเด็ด

อ้อ อีกนิดหนึ่ง เวลาอากาศเย็น หรือฝกตก ความชื้นในอากาศสูง จะทำให้แก๊สหนาขึ้นเล็กน้อย เวลาเปิดแอร์เครื่องอาจจะสั่น แต่พออากาศร้อนแล้วไม่เป็น ตรงนี้เราปรับแก้ที่ Idle นะครับ แก้ไขเอา บางอีดนิด หรือหนาอีกหน่อยตามแต่สถานการณ์ จนได้ค่าเฉลี่ยที่ลงตัวที่สุด จากนั้นก็ Fix แล้วครับ ปล่อยมันไว้งั้นแหละ ถ้าต้องจูนอีกก็ค่อยมาทำอีกทีนึง

 ความคิดเห็นที่: 20 / 32 : 405035

โดย: จะเด็ด

นีกได้อีกอย่างแล้วล่ะ เวลาจูน Idle กับ Sensivity เนี่ย อยากให้เริ่มจากบางไปหาหนานะครับ คือหมายความว่า ลองปิดดูให้สุดไปเลยสักตัวนึง จะปิด Sensivity หรือ Idle ก็ได้ แล้วเปิดอีกตัวขึ้นมา ประคองอย่าให้เครื่องดับ เพิ่มตัวนึงลดอีกตัวนึงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่เจอจุดที่ลงตัวก็สลับมาปิดอีกตัวซะ แล้วทำคล้ายๆ กัน สังเกตุเข็มแวคคัมไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เข้าที่ครับ