Close this window

Side Story: ว่าด้วยเรื่องความไม่เที่ยงของ O2 sensor
อ่านแล้วห้ามบ่นว่าขึ้นต้นมาซะนิยายเชียวนะ เพราะในหัวข้อนี้ยังมีสาระด้านเทคนิคเหมือนเดิมครับ อันนี้เกิดมาจากว่า O2 sensor หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Oxygen sensor ที่ติดมากับรถโปเต้ 1.8 A/T ของผมมีอันต้องลาโลกไปแล้ว ณ เลขกิโลเมตรที่ 13x,xxx เอง เหตุเพราะว่าระหว่างที่จูน Fix-mix เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ได้ Back Fire ไปแล้วทีนึง

แรกๆ ก็งง ตูว่าระวังดีแล้วเชียวนะ ยังโดนเข้าจนได้ แต่ไม่เป็นไรครับ ลองแกะ Airflow ดูพบว่ายังปกติ เอ้าของแพงยังไม่พัง ขนหน้าแข้งก็ยังไม่ร่วงมาก

นึกว่าไม่มีไร สตาร์ทน้ำมันวิ่งมาได้สักกิโลเมตรกว่าๆ เอทำไมค่าโวลต์ของ O2 มันไม่ยอมขึ้นล่ะเนี่ย แรกๆ ไม่ค่อยแน่ใจ โทรไปขอคอนเฟิร์มคุณสุดเจ้าเก่า แกก็ใจดีเหมือนเดิม บอกให้ดูตรงนั้นตรงนี้ จนสรุปได้ว่า Airflow ไม่เสียแล้วจริงๆ

แต่ที่งงกันไม่หายคือตัวที่ไม่น่าเสียเลย เจ้า O2 เนี่ยกลับมาเสียซะงั้นอ่ะ เลยเช้าไปหาโกดังคุณสุดแต่เช้า เพื่อซื้อหามาเปลี่ยนที่ MES เวลาบ่ายๆ
โดย: จะเด็ด   วันที่: 4 Dec 2008 - 17:43

หน้าที่: [1]   2

 ความคิดเห็นที่: 1 / 27 : 410861
โดย: จะเด็ด
เวลาที่ก้มไปมองแถวกระจังหน้ารถ จะเห็นแนวท่อร่วมไอเสีย จากนั้นก็คือ Oxygen sensor ที่บอกอยู่ใกล้กัน
วันที่: 04 Dec 08 - 17:48

 ความคิดเห็นที่: 2 / 27 : 410862
โดย: จะเด็ด
ถ้าแงะออกมาดู (ต้องถอดตอนเครื่องเย็นนะครับ ไม่งั้นเกลียวรูดเสียของหมด) จะได้หน้าตาประมาณนี้ (รูปยืมของฝรั่งมา เขาถ่ายชัดดี)
วันที่: 04 Dec 08 - 17:50

 ความคิดเห็นที่: 3 / 27 : 410863
โดย: จะเด็ด
แต่ของรถเราๆ ที่ใช้มาแล้วนานๆ จะมีคราบเขม่าไอเสียดำปี๋ ติดอยู่ตรงปลายที่มีรูเล็กๆ น่ะ ของฝรั่งเขาใหม่กิ๊กเลยเห็นว่าเป็นงั้นแหละ
วันที่: 04 Dec 08 - 17:52

 ความคิดเห็นที่: 4 / 27 : 410864
โดย: จะเด็ด
ยี่ห้อที่เขามีขายกันเห็นว่ามี Denso บ้าง Bosch บ้างแนวๆ นี้ เอ่อ NTK นี่ไม่แน่ใจว่าของเครือไหนอ่ะครับ
วันที่: 04 Dec 08 - 17:54

 ความคิดเห็นที่: 5 / 27 : 410865
โดย: จะเด็ด
ลืม resize รูป เอาใหม่
วันที่: 04 Dec 08 - 17:56

 ความคิดเห็นที่: 6 / 27 : 410868
โดย: จะเด็ด
เปลี่ยนเสร็จแล้ว ลองรถดูพบว่าค่าโวลต์ O2 กลับมาวิ่งเล่นตามปกติในโหมดน้ำมัน
วันที่: 04 Dec 08 - 17:59

 ความคิดเห็นที่: 7 / 27 : 410870
โดย: จะเด็ด
แต่ดูไปดูมาสักประเดี๋ยว เริ่มมองเห็นความแตกต่างจากเดิมอยู่บ้าง ตะก่อนค่า O2 ชอบไปป้วนเปี้ยนอยู่แถว 0.9x ประจำ เดี๋ยวนี้ดูเหมือนไม่ค่อยว่องไวเช่นเดิม เพราะในโหมดน้ำมันนั้น ส่วนใหญ่ค่าสูงจะขึ้นไปแค่ 0.8x แล้วก็วิ่งกลับลงมาที่ 0.1x อ่ะ
วันที่: 04 Dec 08 - 18:03

 ความคิดเห็นที่: 8 / 27 : 410871
โดย: จะเด็ด
ผมสงสัยมานานแล้วว่าเจ้า O2 นี้ค่ามันไม่ค่อยเชิงเส้นเท่าไร คือบอกได้แค่ว่าหนา หรือบางเท่านั้นแหละ

หนาไปนิด หรือบางไปหน่อยมันบอกไม่ได้เลยครับ พยายามหารูปที่อธิบายลักษณะตรงนี้ เจอเข้าจนได้
วันที่: 04 Dec 08 - 18:06

 ความคิดเห็นที่: 9 / 27 : 410875
โดย: จะเด็ด
ดูในรูปที่แล้วจะเห็นได้ชัดว่าเป็นจริงอย่างที่ผมพูดไว้ แต่นอกจากค่ามันไวมากแล้วเนี่ย ผมมีข้อสังเกตุอีกอย่างที่พบเจอจะมาบอกด้วยครับ

หลังจากเปลี่ยนไปใส่ O2 sensor มือสองจากคุณสุดแล้ว พบว่าแตกต่างจากของเดิมติดรถอยู่สองประการคือ

1) มันร้อนช้ากว่าเดิม (สักนาทีนิดๆ กว่าจะเริ่มทำงานได้ ของเดิมไม่เกินครึ่งนาทีก็อยู่แล้ว)

2) มันไม่ค่อยไวเหมือนเดิม (ค่าสูงสุดที่ได้ไปแค่ 0.8x เป็นส่วนใหญ่ เดิมไปถึง 0.9x อยู่เรื่อย)
วันที่: 04 Dec 08 - 18:13

 ความคิดเห็นที่: 10 / 27 : 410877
โดย: Switch_ON!
NTK ของ เดียวกับ NGK ที่ทำหัวเทียนนั้นแหละครับ ในรูปยังมีเขียนแปะที่กล่องอยู่เลย
วันที่: 04 Dec 08 - 18:17

 ความคิดเห็นที่: 11 / 27 : 410878
โดย: จะเด็ด
ลองตั้งคำถามดูในใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมเป็นอย่างนั้น?

คาดว่าคงเพราะมาตรฐานการปล่อยไอเสียที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ O2 sensor รุ่นใหม่จึงมีแนวโน้มที่จะร้อนเข้าที่เร็ว และไวกว่า O2 sensor รุ่นเก่า

ตามสเปกโรงงานเห็นเขาให้เปลี่ยน O2 sensor กันที่ราว 150,000 กม. แต่ของใครยังไม่เสียก็ใช้ไปเถิดครับ มันก็ไม่ค่อยเสียกันง่ายๆ หรอก

แต่ถ้าเสียแล้วอาการจะเป็นอย่างไร?

1) ร้อนช้ากว่าเดิม - ค่าโวลต์ O2 แสดงค่าต่ำอยู่นานมาก (0.1x) กว่าจะขึ้นมาเป็นค่าสูงบ้าง (0.8-0.9) อันนี้ผลเสียคือรถกินน้ำมันครับ เพราะในช่วงที่ O2 ยังไม่ร้อนเต็มที่ มันจะแสดงค่าเหมือนว่าบางอยู่ ECU ฉีดน้ำมันเพิ่มเข้าไปกว่าปกติ แต่ความจริงจะหนาหรือบางก็ไม่แน่เสมอไป เพราะ O2 มันยังไม่ถึงจุดทำงานของมัน
วันที่: 04 Dec 08 - 18:23

 ความคิดเห็นที่: 12 / 27 : 410879
โดย: จะเด็ด
2) ไม่ขึ้นค่าสูงเลย - คือตัวเลขมันป้วนเปี้ยนแถวค่าต่ำ 0.1-0.2 ตลอดเวลา อันนี้กินน้ำมันวอดวายแน่นอนครับ ของผมตอนที่ Back Fire แล้วก็เป็นอย่างนี้แหละ วิ่งน้ำมันไปจนเกือบจะ 5 กม.แล้ว มันก็ยังไม่บอกหนาซักทีอ่ะ วิ่งไม่ถึง 30 กิโลเมตร แป๊บเดี๋ยวน้ำมันหายไปเกือบๆ 10 ลิตรละ
วันที่: 04 Dec 08 - 18:29

 ความคิดเห็นที่: 13 / 27 : 410883
โดย: จะเด็ด
แล้วทำไมผมจึงเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด คือผมอยากบอกว่าอย่าไปยึดติดกับค่า A/F ที่อ่านได้จาก O2 sensor มากเกินไปเวลาที่จูน LPG เลยครับ

เนื่องจากตัว O2 sensor มันก็มีความไม่เที่ยงตรงในตัวเองอยู่บ้าง ความไวของแต่ละรุ่นก็ไม่เท่ากัน บางตัวก็ร้อนเร็ว ในรถเก่าอาจร้อนช้ากว่า ทำให้จุดที่บอกว่าหนาบางในรถแต่ละคันนั้นยิ่งไม่เท่ากันไปอีก

ถ้ายืดค่า O2 sensor เป็นหลักแล้วจูนอย่างเดียว ผมว่าท่าจะให้ดียากนะครับ
วันที่: 04 Dec 08 - 18:37

 ความคิดเห็นที่: 14 / 27 : 410884
โดย: จะเด็ด
หลังจากจูนรอบเดินเบาใหม่แล้วตามความเดิม

http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=43201

ผมได้จูน Fix-mix ใหม่อีกครั้ง กะว่าเอาให้เนี๊ยบเหมือนเก่า ก็วิ่งได้ดีเหมือนเก่าในที่สุดละครับ แต่เมื่อหันกลับมามอง A/F หรือค่าโวลต์ของ O2 แล้ว เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่น่าตกใจเหมือนกัน งงกะมันอยู่พักหนึ่งทีเดียว
วันที่: 04 Dec 08 - 18:42

 ความคิดเห็นที่: 15 / 27 : 410886
โดย: จะเด็ด
ถ้ารถจอดอยู่นิ่ง ช่วงเดินเบาปกติไม่เปิดแอร์ ค่า O2 แสดง 0.06-0.08 โวลต์

เริ่มเปิดแอร์ ค่า 02 แสดงค่าสูงในจังหวะคอมแอร์ทำงาน 0.8x โวลต์ เมื่อแอร์ตัดก็กลับไปที่ 0.06-0.08 เหมือนเดิม (ก่อนหน้านี้เคยไปถึง 0.9x)

ทีนี้ลองกดคันเร่งเบิ้ลเครื่องดู เมื่อรอบถึงประมาณ 2000 ค่า O2 ได้ 0.7x เลยไปอีกนิดเดียวก็ 0.9x แล้ว ตอนนี้ดูว่าปกติเหมือนแต่ก่อนเลย

พอลองเอารถไปวิ่งดูบ้างทีนี้ละครับ ตกใจของจริง เพราะค่า O2 แทบไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปเกิน 0.06-0.08 เลย ไม่ว่ากระแทกคันเร่งเร็วอย่างไร ดูมันช่างไม่สะทกสะท้าน หรือแกว่งขึ้นลงเหมือนแต่ก่อน

ถามตังเองว่าอืดไหม เออ มันก็ไม่ได้อืดแฮะ วิ่งดีเหมือนเดิม

แต่ถ้าแตะคันเร่งเบาๆ แล้วค่อยๆ กดลงไปทีละนิด ถึงจะเริ่มเห็น 0.7-0.8 บ้าง แต่ก็แป๊บเดียวเท่านั้นเอง มันก็กลับมา 0.06-0.08 อีกละ

แต่ถ้าเปิดแอร์ดูว่าเป็นอย่างไร อ้าว พอแอร์ทำงานละมี 0.8 ให้เห็นเหมือนเดิมแล้ว
วันที่: 04 Dec 08 - 18:56

 ความคิดเห็นที่: 16 / 27 : 410889
โดย: จะเด็ด
ดูเหมือนว่าขนาดรูปรับรอบเดินเบาที่ปีกผีเสื้อ มีผลกับค่า A/F อยู่เหมือนกัน รูกว้างทำให้มีแก๊สไหลผ่านมากขึ้น และก็ทำให้มีแก๊สค้างอยู่ในท่อไอดีนานขึ้น เมื่อรูดังกล่าวเล็กลง ก็มีแก๊สไหลผ่านน้อยลง และมีแก๊สค้างอยู่ในท่อน้อยลงไปด้วย

ทีนี้เอาใหม่ ลองปรับลด Sensivity ให้ไม่ไวเท่าเมื้อกี้ สังเกตุจากแวคคัม เออ กำลังมันตกลงไปแล้วนิดหนึ่ง ดูค่า O2 ใหม่ ปรากฏว่าเดินเบา 0.06-0.08 เท่าเดิม แต่เมื่อรถวิ่งแล้วค่า O2 ขึ้นแค่ 0.02-0.04 เอง พร้อมๆ กับความรู้สึกตื้อ วิ่งไม่ออก

จอดรถอีกรอบ ปรับเพิ่ม Sensivity ให้ไวขึ้นกว่าตอนที่พอดี สังเกตุจากแวคคัม เออ กำลังมันตกลงไปแล้วนิดหนึ่งเพราะแก๊สเริ่มท่วม เอารถไปวิ่งลองดู O2 ขึ้น 0.12-0.16 และการวิ่งเริ่มจะไม่ค่อยตามเท้าเหมือนเดิม
วันที่: 04 Dec 08 - 19:17

 ความคิดเห็นที่: 17 / 27 : 410892
โดย: จะเด็ด
สรุป หลังจากกลับไปค้นเพิ่มเติมที่เว็บ GasThai.com ติดตามผลการทดลองใช้ A/F Meter จากคนอื่นๆ บ้าง พบว่ามีหลายกรณีที่ค่า O2 ตอนรถวิ่งไม่ขึ้นสูงเช่นนี้ และก็เห็นคุณต่ายเจ้าของผลงานเองบอกว่า ถ้าเหยียบคันเร่งค้างไว้ แล้วค่าไม่ต่ำลงไปถึง 0.00-0.02 ก็ไม่เป็นไร

ผมเองค่อนข้างลังเลเหมือนกัน แต่ในที่สุดเมื่อดูกราฟของ O2 ประกอบกันแล้ว ก็ตัดสินใจเชื่อแวคคัมครับ ดูเหมือนเราจะเข้าใจอะไรมากขึ้นอีกนิดหนึ่งแล้ว
วันที่: 04 Dec 08 - 19:26

 ความคิดเห็นที่: 18 / 27 : 410894
โดย: จะเด็ด
ถ้าอยากให้ตัวเลขตอนรถวิ่งมีค่าสูงกว่านี้ให้เห็นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องยาก แค่คลายสกรูปรับรอบเดินเบาที่ปีกผีเสื้อออกมาอีก แล้วปรับแต่งรอบเดินเบาอีกเล็กน้อย ก็จะมีแก๊สวิ่งผ่านและค้างอยู่ในท่อเดินเบามากขึ้น เวลากดคันเร่งจะเริ่มมีค่าสูงให้เห็นชัดเจน อยากได้ 0.5 หรือ 0.9 อะไรก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย

แต่ก็จะส่งผลกับรอบเดินเบาในระบบน้ำมันไปด้วย

แต่นั่นคือจุดที่ดีจริงหรือไม่? ผมว่าผมค่อนข้างเชื่อแวคคัมมากกว่า A/F ล่ะ แล้วทุกท่านที่ได้อ่านแล้ว คิดยังไงบ้างครับ ตรงนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องกึ่งๆ ทดลอง ได้ผลแบบนี้ก็เอามาบอกกัน ผมว่าหลายๆ ท่านในนี้อาจให้ความเห็นเพิ่มเติมได้

ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้าครับ
วันที่: 04 Dec 08 - 19:39

 ความคิดเห็นที่: 19 / 27 : 410898
โดย: จะเด็ด
อ้อ ถ้า O2 sensor ของใครเสียก็ไปถามหาได้ที่คุณสุดเจ้าเก่า ตัวละไม่กี่ร้อยหรอกครับ ผมไม่ลงราคาเป๊ะๆ นะ เพราะว่าเสียมารยาท ไปถามไถ่กะคนขายเองได้ครับ เอารถไปโกดังของแก แล้วเทียบขั้วต่อดูให้แน่นอนก่อนก็ได้
วันที่: 04 Dec 08 - 19:53

 ความคิดเห็นที่: 20 / 27 : 410905
โดย: จะเด็ด
เกือบลืม อันนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด รูปการเดินสายไฟของ O2 sensor ครับ

รุ่นเก่ามีสายไฟแค่ 2 เส้น คือ Signal กับ Ground

รุ่นใหม่มีเพิ่มอีก 2 คือไฟเลี้ยง Heater ให้มันร้อนถึงจุดทำงานเร็วขึ้นครับ แบบที่ใช้ในโปเต้ก็เป็นแบบ 4 เส้นนี่ละ ของผมต่อสายสีดำจาก O2 นี้ไปหา A/F Meter (ซึ่งความจริงมันก็เป็นแค่ Volt Meter ธรรมดาที่วัดค่าในช่วง 0-1 Volt) กราวนด์ก็หาเอาแถวๆ Auto Switch ที่ใช้สลับระหว่างแก๊สกะน้ำมัน ที่ยึดไว้กะคอนโซลน่ะแหละ
วันที่: 04 Dec 08 - 20:04

หน้าที่: [1]   2