Close this window

!!!! ความรู้และปัญหาเรื่อง ล้อแม๊ก !!!
พื้นฐาน โดยผิวเผินแล้ว ล้อแม็กอาจเป็นเพียงอุปกรณ์ประดับรถยนต์ให้สวยงามเท่านั้น แต่เบื้องลึกมีผลกระทบทั้งด้านเด่นและด้อยอีกมากมาย เพราะล้อแม็กต้องถูกห่อหุ้มด้วยยางที่หมุนอยู่ตลอดการขับเคลื่อน และยึดติดอยู่กับระบบช่วงล่างซึ่งทำหน้าที่หลักในการทรงตัว พื้นฐานของล้อแม็กถูกพัฒนาขึ้นต่อเนื่องจากการใช้กระทะล้อเหล็กแบบดั้งเดิม โดยนำวัสดุที่มีน้ำหนักเบามาผลิตเป็นกระทะล้อ แทนการผลิตแบบเหล็กอัดขึ้นรูปแล้วนำมาเชื่อมประกบกัน แมกนีเซียมเป็นวัสดุที่ถูกนำมาผลิตแทนเหล็กเป็นกระทะล้อแบบใหม่ ตั้งแต่หลายสิบปีที่ผ่านมาการลดน้ำหนักกระทะล้อลงมีหลายจุดประสงค์ อาจมีเพียงจุดประสงค์เดียวหรือหลายจุดประสงค์ร่วมกัน จากคุณสมบัติเด่นของล้อแม็กดังนี้ ช่วยระบายความร้อน เหล็กอมความร้อนมากกว่าแมกนีเซียมหรืออะลูมินั่มอัลลอย เมื่อกระทะล้อร้อน ยางก็ร้อนตาม และจานเบรก-ผ้าเบรกที่อมความร้อนก็จะลดแรงเสียดทานในการเบรกลง จุดประสงค์นี้มักเน้นในวงการรถแข่ง ลดภาระระบบช่วงล่าง เช่นเดียวกับการยืดแขนตรงออกไปแล้วมีสิ่งของหนักหรือเบาแขวนอยู่ที่มือ สิ่งของน้ำหนักเบาย่อมเบาแรงและขยับแขนได้ง่ายกว่า นอกจากนั้นยังเพิ่มอายุการใช้งานของระบบช่วงล่างได้เล็กน้อยอีกด้วย ลดแรงต้านการหมุน กระทะล้อและยางที่มีน้ำหนักมากย่อมหมุนได้ยากกว่า หากลดแรงต้านได้ อัตราเร่งจะดีขึ้น และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย สามารถเพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ เพื่อใส่จานดิสก์เบรกขนาดใหญ่มากๆ หรือเพื่อความสวยงาม โดยยังสามารถควบคุมน้ำหนักของกระทะล้อไว้ได้จากวัสดุน้ำหนักเบา จุดประสงค์นี้มักเน้นในวงการรถแข่ง หรือรถยนต์ทั่วไปที่อยากเพิ่มความสวย หรืออยากใส่ยางแก้มเตี้ยลงแต่ต้องการรักษาเส้นรอบวงเดิมไว้ ความสวยงาม วัสดุที่นำมาผลิตล้อแม็กมีสีเงินวาววับ และสามารถออกแบบลวดลายได้หลากหลาย ต่างจากกระทะล้อเหล็กที่ต้องพ่นสีทับและมีลวดลายจำกัด แท้จริงแล้วจุดประสงค์นี้เป็นผลพลอยได้ แต่กลายเป็นจุดเด่นหลักของล้อแม็กไปแล้ว ขนาด การระบุขนาดของล้อแม็กมีอยู่ 2 จุดมีหน่วยเป็นนิ้ว คือ เส้นผ่าศูนย์กลาง หรือเรียกสั้นๆ ว่าขอบ...นิ้ว เช่น 13, 15,...นิ้ว ต้องพอดีกับเส้นผ่าศูนย์กลางของยาง (มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร) ที่จะนำมาใส่ และความกว้างหรือเรียกสั้นๆ ว่ากว้าง...นิ้ว มีหน่วยจำนวนเต็มหรือ .5 เช่น 5, 5.5, 8,...นิ้ว เกี่ยวข้องกับหน้ากว้างของยางที่จะนำมาใส่ เมื่อเรียกรวมกันจะระบุบนตัวล้อแม็ก เช่น ขนาด 6 X 15 นิ้ว หมายความว่าหน้ากว้าง 6 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 นิ้ว ในรถยนต์คันเดียวกัน ล้อแม็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมาก ยิ่งสวย และมีราคาแพง ต้องใช้ยางแก้มเตี้ย คด-แตกง่าย ส่วนล้อแม็กหน้ากว้าง ดูดุดันเต็มซุ้มล้อ แต่ยางอาจติดตัวถังด้านในหรือขอบบังโคลนด้านนอก เป็นภาระกับช่วงล่างมากขึ้น ระยะ PCD PCD-PITCH CIRCLE DIAMETER หมายถึง ระยะห่างของรูนอตบนตัวล้อแม็กและดุมล้อที่ต้องเท่ากัน โดยวัดจากกึ่งกลางรูนอตทุกตัวลากเส้นเป็นวงกลม แล้ววัดผ่านเส้นผ่าศูนย์กลาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ถ้าเป็นจำนวนเลขคู่ 4 หรือ 6 รูนอตต่อ 1 ล้อ ก็สามารถวัดจากกึ่งกลางรูนอตด้านหนึ่งไปยังด้านตรงข้ามได้เลย แต่ถ้าเป็นจำนวนเลขคี่ 3 หรือ 5 รูนอต ต้องวัดจากแนววงกลมกึ่งกลางรูนอตผ่านเส้นผ่าศูนย์กลาง รถยนต์ขนาดเล็กมักมี 4 รูนอตต่อ 1 ล้อ และรถยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นไปมักมี 5-6 รูนอต เพื่อความแน่นหนาในการยึดล้อเข้ากับดุมล้อ ระยะ PCD ของรถยนต์รุ่นใหม่แบบ 4 รูนอต นิยมที่ 100 มิลลิเมตร ส่วนระยะ PCD อื่นมีมากมาย เช่น 98, 108, 110, 114.3 (มาจาก 5 5/8 นิ้ว), 120, 130 มิลลิเมตร ฯลฯ หากล้อแม็กกับดุมล้อมีระยะ PCD ไม่ตรงกัน มีหลายวิธีดัดแปลง เช่น เจาะดุม เจาะล้อแม็ก คว้านรูนอตเดิมแล้วอัดบู๊ชแบบเยื้อง และใส่อแดปเตอร์ ฯลฯ แต่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจด้อยกว่ามาตรฐานจนเกิดอาการล้อสั่นหรือไม่ได้สมดุลขึ้นได้ และยังมีล้อแม็กหลายยี่ห้อหลายรุ่นให้เลือกอีกมากที่มีระยะ PCD ตรงกับดุมล้อ หากชอบล้อแม็กลวดลายนั้นจริงอาจดัดแปลงได้ แต่ต้องใช้ฝีมือช่างและความละเอียดมากๆ (กลายเป็นเรื่องปกติของวงการตกแต่งรถยนต์ของคนไทยไปแล้ว) ปัจจุบันล้อแม็กหลายรุ่นมีการเจาะรูนอตไว้เผื่อสำหรับรถยนต์หลายรุ่นมาเสร็จสรรพ เช่น 1 วง มี 8 รูนอต โดย 4 รูนอตมีระยะ PCD 100 มิลลิเมตร และอีก 4 รูนอตมีระยะ PCD 114.3 มิลลิเมตร หรือล้อแม็กหลายรุ่นไม่มีการเจาะรูไว้เลย เพื่อให้เลือกเจาะเองได้ตามสะดวกก็มี ออฟเซต OFFSET-ออฟเซต คือ ตำแหน่งของหน้าแปลนด้านหลังของล้อแม็กที่ต้องยึดติดกับดุมล้อ เมื่อเปรียบเทียบกับกึ่งกลางล้อแม็กด้านขวาง ระบุเป็นบวกหรือลบด้วยหน่วยมิลลิเมตรบนตัวล้อแม็กด้านหน้าหรือด้านหลัง เช่น 0, +30, -25 ฯลฯ ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตเท่ากัน อาจยื่นออกมาจากดุมล้อไม่เท่ากัน ถ้าความกว้างของล้อแม็กไม่เท่ากัน เช่น ล้อแม็ก 2 วง มีค่าออฟเซต 0 มิลลิเมตรเท่ากัน คือ หน้าสัมผัสของล้อแม็กกับดุมอยู่ตรงกลางพอดี แต่วงหนึ่งมีความกว้าง 6 นิ้ว กับอีกวงมีความกว้าง 7 นิ้ว วงแรกจะยื่นออกมาจากดุม 3 นิ้ว และวงหลังจะยื่นออกมา 3.5 นิ้ว ทั้งที่มีค่าออฟเซต 0 มิลลิเมตรเท่ากัน
ค่าออฟเซตน้อยหรือลบมากเกินไป ล้อแม็กจะยื่นออกมาจากดุมล้อมาก แต่ถ้ามีระยะออฟเซตมากหรือบวกมากเกินไป ล้อแม็กจะหุบเข้าไปในตัวถัง เช่นล้อแม็ก 2 วงมีขนาดเท่ากันทุกอย่าง ทั้งเส้นผ่าศูนย์กลางและหน้ากว้าง ยกเว้นค่าออฟเซต ล้อแม็กวงหนึ่ง -20 มิลลิเมตร และอีกวง +10 มิลลิเมตร วงแรกเมื่อใส่เข้ากับตัวรถยนต์จะยื่นออกมามากกว่าอีกวง 30 มิลลิเมตร (-20+10=30 มิลลิเมตร) รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังมักกำหนดให้ใช้ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตเป็นลบ หรือบวกไม่มากนัก ดูแล้วล้อแม็กจะเป็นหลุมลงไป และรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า (หรือขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นใหม่) มักใช้ล้อแม็กค่าออฟเซตเป็นบวก ดูแล้วล้อแม็กจะหน้าเต็มๆ เพราะในการออกแบบและทดสอบพบว่า ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตมากหรือบวกมาก เมื่อยางแตกรถยนต์จะเสียการทรงตัวน้อย การเปลี่ยนล้อแม็กวงโตกับยางแก้มเตี้ย เช่น ล้อแม็กขอบ 16-17 นิ้ว กับยาง 45-50 ซีรีส์ ตามความนิยมเพิ่มความสวย คนส่วนใหญ่มักมีมุมมองเบื้องต้นว่ายางจะติดขอบบังโคลนด้านใน เพราะมีขนาดล้อแม็กเพิ่มขึ้น ทั้งที่อาจเกี่ยวข้องกับค่าออฟเซตที่น้อยเกินไป ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการยื่นหรือหุบเข้าไปของล้อแม็กกับขอบบังโคลนของตัวถัง เช่น เปลี่ยนล้อแม็กวงโตแล้วยางกระแทกขอบบังโคลนเมื่อรถยนต์ถูกโหลดลดความสูงหรือยุบตัวมากๆ ทำให้หลายคนรีบสรุปว่าล้อแม็กมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากเกินไป เช่น ขอบ 16-17 นิ้ว ทั้งที่จริงแล้วอาจมีปัญหามาจากค่าออฟเซต ในความเป็นจริง ยางจะติดขอบบังโคลนด้านในหรือเปล่า ? อยู่ที่ 2 กรณีหลัก คือ ขนาดของล้อแม็กและยาง และค่าออฟเซตของล้อแม็ก ถ้าไม่เลือกล้อแม็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่เกินไป เช่น โตโยต้า โคโรลล่า เลือกล้อแม็กขอบ 15-16 นิ้ว แล้วยางยังกระแทกขอบบังโคลนด้านในโดยส่วนใหญ่จะเกิดปัญหาจากค่าออฟเซตไม่เหมาะสม คือ ล้อแม็กและยางจะยื่นเลยออกมานอกแนวขอบบังโคลน เมื่อโหลดลดความสูงของตัวถังลงมาหรือรถยนต์ยุบตัวมากๆ ขอบบังโคลนด้านในจะกระแทกกับยางจนเกิดเสียงดังและยางเสียหาย ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนว่า แม้จะใส่ล้อแม็กแค่ 13 นิ้ว แต่ถ้าออฟเซตลบมากๆ จนล้อแม็กยื่นออกมาเลยขอบบังโคลนด้านใน ยางก็ยังมีโอกาสถูกกระแทกได้การเลือกเปลี่ยนล้อแม็กขนาดใหม่ ควรอ้างอิงค่าออฟเซตกับล้อแม็กมาตรฐานเดิม โดยอ่านจากตัวล้อแม็กบริเวณด้านหน้าหรือด้านหลังตามหลักการ ไม่ควรเลือกล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตต่างจากมาตรฐานเดิมเกิน 5-10 มิลลิเมตร แต่ในทางปฏิบัติสามารถประยุกต์ได้ ล้อแม็กที่ใส่แล้วสวยคือใส่แล้วดูเต็มบังโคลน แต่เมื่อรถยนต์ยุบตัว ยางต้องไม่กระแทกกับขอบบังโคลน หรือเรียกกันกลายๆ ว่า ปริ่มขอบบังโคลน การเลือกแบบประยุกต์หรือสูตรสำเร็จก็คือ ลองใส่ล้อแม็กพร้อมยาง แล้วนำรถยนต์ขับเดินหน้า-ถอยหลังสัก 4-5 ครั้ง เพื่อให้ช่วงล่างปรับเข้าสู่ระยะปกติ หาคนนั่งในรถยนต์บนเบาะหลัง 2-3 คน พร้อมขย่มตัวถังเหนือล้อหลัง แล้วดูว่าริมขอบบังโคลนด้านในยุบลงมากระแทกยางหรือเปล่า ถ้าสามารถพับหรือเจียร์ขอบบังโคลนด้านในหลบได้ก็จัดการไปเลย โดยต้องระวังไม่ให้สีด้านนอกเสียหาย แต่ถ้าติดมาก คือพับหรือเจียร์ขอบบังโคลนด้านในแล้วยังไม่น่าจะพ้น ก็หมดสิทธิ์ใส่ล้อแม็กชุดนั้น แม้ตัวรถยนต์ไม่ได้โหลดลดความสูงลง แต่ก็ต้องทดลองขย่มเผื่อไว้สำหรับการบรรทุกหนักหรือการกระแทกที่อาจเกิดขึ้นได้ ค่าออฟเซตมากหรือบวกเกินไป ล้อและยางจะหุบเข้าไปในตัวถัง ดูไม่สวย อาจติดช่วงล่างบางชิ้น ฐานล้อระหว่างซ้าย-ขวาน้อยลง และสูญเสียประสิทธิภาพการทรงตัวลงไป การดัดแปลงค่าออฟเซต ความอยากสวยห้ามกันยาก เมื่อล้อแม็กลวดลายนั้นประทับใจมาก แต่ค่าออฟเซตน้อย-มากเกินไป จนล้อหุบ-ล้น หรือระยะ PCD ไม่เท่ากัน หรือจำนวนรูนอตไม่เท่ากันระหว่างดุมล้อกับล้อแม็ก สามารถดัดแปลงในหลายกรณีได้ดี แต่บางกรณีแย่และควรหลีกเลี่ยง ค่าออฟเซตน้อยหรือติดลบเกินไป ถ้าล้อแม็กจะล้นออกมาเกินปกติ แสดงว่าค่าออฟเซตน้อยหรือติดลบเกินไป เมื่อรถยนต์ยุบตัวลงหรือโหลด ยางอาจกระแทกกับขอบบังโคลนด้านใน ถ้าติดหรือกระแทกไม่มาก ก็สามารถพับหรือเจียร์ขอบบังโคลนหลบได้ แต่ต้องระวังไม่ให้สีด้านนอกเสียหายถ้ายังไม่พ้นลองพลิกดูด้านหลังล้อแม็กบริเวณหน้าสัมผัส ว่ามีเนื้อหนาพอจะเจียร์ให้บางลงสัก 2-3 มิลลิเมตรได้ไหม ถ้าเจียร์ได้ก็ยังพอเพิ่มค่าออฟเซตให้ล้อหุบเข้าไปได้อีกเล็กน้อย แต่ต้องแน่ใจว่าล้อแม็กจะไม่บางเกินไปจนแตกหักง่าย ค่าออฟเซตมากไป หากล้อแม็กหุบเข้าไปเกินปกติ แสดงว่าค่าออฟเซตมากไป กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหายางกระแทกขอบบังโคลน แต่อาจดูไม่สวย และล้อหรือยางจะติดขัดกับช่วงล่างบางชิ้นหรือซุ้มล้อด้านใน ถ้าไม่มาก สามารถใช้แผ่นอะลูมิเนียมรองแบนกลมบางๆ สเปเซอร์-SPACER ซึ่งมีจำนวนรูให้นอตร้อยผ่านเท่ากับระยะ PCD แทรกระหว่างล้อแม็กกับดุมล้อ เพื่อให้ล้อแม็กล้นออกมามากขึ้น ถ้ารองสเปเซอร์ไม่หนานัก ยังใช้นอตล้อเดิมได้และไม่ค่อยมีผลต่อการแกว่ง แต่ถ้าต้องรองหนากว่า 10 มิลลิเมตร (1 เซนติเมตร) ต้องเปลี่ยนนอตล้อยาวขึ้นหรือแบบพิเศษ เพื่อให้มีเกลียวยาวยึดได้แน่น แต่ยังเสี่ยงต่อการแกว่งหรือสั่นถ้าต้องรองสเปเซอร์หนามากเกิน 20-30 มิลลิเมตร อาจมีการใช้สเปเซอร์พิเศษ ที่มีนอตล้อเพิ่มอีกชุด (ดูคล้ายอแดปเตอร์ แต่จำนวนรูนอตและระยะ PCD เท่าเดิม) โดยมีตัวสเปเซอร์แบบหนายึดเข้ากับดุมด้วยนอตล้อชุดเดิม แล้วมีนอตล้อชุดใหม่ยื่นออกมาจากสเปเซอร์เพื่อยึดกับล้อแม็ก ตัวสเปเซอร์แผ่นรองแทรกควรมีน้ำหนักเบาที่สุด เพราะแค่มีการยื่นออกมาของล้อแม็กมากๆ ก็สร้างภาระให้กับช่วงล่างมากอยู่แล้ว เมื่อต้องเสริมแผ่นรองหนาพิเศษก็ยิ่งมีน้ำหนักมาก สร้างภาระมากขึ้นไป
โดย: Gapmy   วันที่: 15 Jul 2009 - 20:54

หน้าที่: 1   [2]

 ความคิดเห็นที่: 21 / 27 : 481503
โดย: Bartholomew
วันที่: 16 Jul 09 - 10:36

 ความคิดเห็นที่: 22 / 27 : 481515
โดย: Paobig
วันที่: 16 Jul 09 - 10:49

 ความคิดเห็นที่: 23 / 27 : 481542
โดย: Jan.Cronos
วิงเวียน หน้ามืดแล้ว อ่านยังไม่หมดเลย

ปล. ถ้าเอามาจากเว็บอื่น แปะ link ไว้ก็ได้ครับ
หรือให้เครดิตจากแหล่งที่มาด้วยจะดีมากเลยครับ
วันที่: 16 Jul 09 - 11:40

 ความคิดเห็นที่: 24 / 27 : 481582
โดย: Gapmy
คือผมดูแล้วครับ ว่าเวปที่เจอก็เอามาจากคนอื่นหลายๆเวปอีกที และไม่ลงเครดิต เลยไม่รู้ของใครกันแน่
เพราะเนื้อหาเจอหลายเวป แต่ที่นำมาลงที่นี่คือส่วนนึง ผมว่าเวปเราค้นหาง่ายเอมีใครเดือดร้อนหรือต้องการความรู้ โดยเฉพาะ ตัวผมเอง ไม่อยากนั่งค้นหาใหม่ใน google ใหม่ เพราะมันกว้างเกิน
จึงนำมาให้พี่ๆน้องๆ เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ ไม่ต้องไปไหนไกลก็อ่านและหาในนี้ครับ

ปล.ทุกครั้งที่นำสาระเกี่ยวกับรถมาลง ไม่มีเจตนาจะแย่งเครดิตหรือข้อมูลจากใครมาให้ดูตัวเองเก่งนะครับ ผมคนนึงที่ไม่เก่งและบางเรื่องจำไม่ไหวจึงต้องนำมาลงไว้ในเวปนี้ เพราะหาและอ่านง่าย

ขอบคุณสำหรับคำขอบคุณครับ และขอให้มีประโยชน์กับทุกคนในคลับ mazda และคนนอกที่แวะเวียนเข้ามาอ่านในบอร์ดเรา เพื่อเป็นความรู้สำหรับ คนรักรถอย่างพวกเราครับ
วันที่: 16 Jul 09 - 12:57

 ความคิดเห็นที่: 25 / 27 : 482019
โดย: BIG DDT @ MCT
เป็นกระทู้ ที่ยาวมากๆ

ถ้าพิมพ์เอง ขี้แตก แน่

ตาลายเลย กรู
วันที่: 17 Jul 09 - 12:25

 ความคิดเห็นที่: 26 / 27 : 482054
โดย: diNK_UnLocK
ขยันดีมากน้อง มีประโยชน์ดี
วันที่: 17 Jul 09 - 13:22

 ความคิดเห็นที่: 27 / 27 : 483272
โดย: Kate...Ka
ม่ายว่าจะเอามาจากเว็บไหน ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยคะ เป็นประโยชน์มาก เวลาค้นหาความรู้ที่เว็บเราก็จะได้มีไว้คะ ขอบคูรมากคะ
วันที่: 21 Jul 09 - 00:51

หน้าที่: 1   [2]