รถเกียร์ Auto ไม่ควรเปลี่ยน Gear จาก D ไป N บ่อย ๆ ลองอ่านดูไม่รู้จริงหรือเปล่า
เห็นว่าเป็นประโชยน์ครับ
ทำไมคุณถึงไม่ควรเปลี่ยนเกียร์ ไปๆ มาๆ ระหว่้างติดไฟแดง ? < /FONT>
เราต้องเข้าใจการทำงานที่เกิดขึ้นภายในชุดเกียร์ ของทั้งตำแหน่ง N และ D กันก่อน

โดย: Dang_p   วันที่: 19 Aug 2009 - 17:45

 ความคิดเห็นที่: 1 / 32 : 496605

โดย: Dang_p

Automatic Transmission

 ความคิดเห็นที่: 2 / 32 : 496606

โดย: Dang_p

ภายใน ลูก Torque Converter ในแนวนอน

 ความคิดเห็นที่: 3 / 32 : 496607

โดย: Dang_p

ภายในลูก Torque Converter ในแนวตั้ง

 ความคิดเห็นที่: 4 / 32 : 496608

โดย: Dang_p

1. หากตำแหน่งเกียร์ ของคุณ อยู่ที่ เกียร์ N หรือ Neutral เกียร์ว่าง

เบรคแบนด์ และคลัชต์ทุกชุดจะอยู่ในตำแหน่งลอยตัว หมุนฟรี ปราศจากแรงขับดัน ไฮโดรลิค จากลูกทอร์ค คอนเวอร์เตอร์ ( เมื่อ เครื่องยนต์ อยู่ในรอบเดินเบา ช่วง 750-1,000 รอบ/นาที ชุด Impeller turbine จะไม่เหวี่ย งสลัดแรงดันน้ำมันไฮโดรลิค ไปที่กลีบร่อง สเตเตอร์

 ความคิดเห็นที่: 5 / 32 : 496609

โดย: Dang_p

Slator ปกติแล้ว จะทำงาน โดยหมุนไปทางขวา ดังนั้น แรงขับดันของ ทอร์ค คอนเวอร์เตอร์ ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงผ่านเข้าไปตาม ชิ้นส่วนต่างๆที่เคลื่อนไหวได้ หรือ moving part ตัดการทำงานของคลัชต์ทุกชุด รวมถึงปล่อย เบรกแบนด์ ให้ลอยตัว) หรือเรียกว่า Free Load P ressurize ก็ได้

 ความคิดเห็นที่: 6 / 32 : 496610

โดย: Dang_p

2. หากตำแหน่งเกียร์ ของคุณ อยู่ที่ เกียร์ D หรือ Drive ขับเคลื่อน ทันทีที่โยกคันเกียร์ เข้าไปที่ D ในรถรุ่นต่างๆ บางรุ่น อาจใช้ 1st Speed Shift Valve เปิด ทำงานต้นกำลัง (เข้าใจแบบง่ายๆว่า ออกตัวด้วยเกียร์ 1) แต่ถ้าเป็นรถยนต์ที่มีกำลังสูงๆ รถขนาดกลาง หรือ ใหญ่ มักจะถูกออกแบบให้ 2nd Speed Shift Valve เป็นชุดทำงานต้นกำลัง ( เข้าใจแบบง่ายๆว่า ออกตัวด้วยเกียร์ 2) เหตุผลก็คือ เพื่อช่วย ซับอาการกระชาก หรือสะท้าน ขณะออกรถจากจุดหยุดนิ่ง ด้วยกำลังม้าสูงๆ

 ความคิดเห็นที่: 7 / 32 : 496611

โดย: Dang_p

ภาพของชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ใน Honda Accord รุ่นปี 1995 เครื่องยนต์ 4 สูบ

 ความคิดเห็นที่: 8 / 32 : 496612

โดย: Dang_p

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าตำแหน่ง D ไม่ว่า รถจะออกตัวด้วย เกียร์ 1 หรือ 2 ก็ตาม
- ในรถรุ่นเก่าๆ ที่ใช้ แรงดันน้ำมันไฮโดรลิค ในการเปลี่ยนเกียร์ จะใช้ชุด " Valve Body"...
- ในรถรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบไฟฟ้าควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ จะใช้ " สมองกลเกียร์ อีเล็กโทรนิคส์"

เพื่อจะสั่งงาน บรรดาชิ้นส่วนอะไหล่ ประเภทเคลื่อนไหวตัวได้ หรือ Moving parts ดังต่อไปนี้ ให้ทำงาน ชิ้นส่วนที่ว่านั้น มีชื่อเรียกดังนี้

- Manual Valve , Governor Valve , Break Band Control Valve , และวาล์วช่วยควบคุมตัวอื่นๆตามแต่ละรุ่นเกียร์ลูกนั้นๆ

- ชุดคลัชต์ (Clutch) เช่น Reverse Clutch , Oveerum Clutch , 2nd Clutch , 3rd Clutch , 4th Clutch และชุดเพิ่มเติม

- 1st , 2nd และ 3rd Brake band ที่เกียร์บางรุ่น มีมากกว่า 1 Band

- Torque Converter ( ทอร์ค คอนเวอร์เตอร์) จะหมุนกำลังขับดันผ่าน Input Shaft ขับชุดเกียร์ต้นกำลัง ให้ขับเกียร์ถ่ายกำลังผ่าน Output Shaft ออกสู่เพลา ให้ไปขับหมุนล้อรถต่อไป

Valve ต่างๆข้างต้นนี้ บางตัวมาในรูปของ Check ball ลูกกลมๆ บางตัว แบน มีรูจ่ายแรงดันอยู่ตรงกลาง เช่น Orifice Valve บางตัวเป็นลูกสูบขนาดนิ้วก้อย เช่น Shift Valve Brake band Supply Valve หรือ มอเตอร์ อีเล็กโทรนิกส์ โซลินอยด์ ขนาดจิ๋ว และอีกสารพัดวาล์ว

 ความคิดเห็นที่: 9 / 32 : 496613

โดย: Dang_p

ภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิค จำลองภายในชุดเกยร์ของ Audi TT 3.2 Quattro พร้อมระบบ เกียร์แบบ DSG (Direct Shift Gearbox)

 ความคิดเห็นที่: 10 / 32 : 496615

โดย: Dang_p

เอาละครับ สำหรับคำถามที่ว่า ผลลัพธ์ของการเข้าเกียร์ N-D-N บ่อยๆ อะไรจะเกิดขึ้นนั้น สรุปได้สั้นๆว่า

1. ตำแหน่ง N อย่างที่อธ ิบายไว้ด้านบน หากรถจอดนิ่ง อยู่ในรอบเดินเบา การทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ หยุดขับดันชั่วขณะ

2. ตำแหน่ง D ชิ้นส่วนในชุดเกียร์ ประเภท Moving Parts ทั้งหลาย ที่เกี่ยวข้องกับการออกรถ จะทำงานขับแรงดัน ตามที่ผู้ขับขี่เร่งรอบเครื่องยนต์

3. ทุกครั้งที่ ลูก ทอร์ค คอนเวอร์เตอร์ จะหยุดขับแรงดัน (เกียร์ N) และขับแรงดันต่อ (หรือ เกียร์ D) อัตราแปรผันภายใน Valve body และภายในห้องเกียร์ จะมีไม่ต่ำกว่า 2-5 bar สำหรับต้นกำลังในการออกรถ เกียร์บางรุ่น ใช้แรงดันที่แตกต่างไปตามลักษณะการใช้งาน เช่น 1.5 - 7.0 bar ก็มี โปรดสังเกตความแตกต่างระหว่างแรงดันต่ำ จาก 2 bar แล้ววาล์ว จะต้องถูกเปิดด้วยแรงดันสูงถึง 5 bar ในเวลาเพี้ยงเส ี้ยววินาทีเท่านั้น! ทุกครั้งของการเปิด-ปิด ก่อให้เกิดความสึกหรอของ ชิ้นส่วนอะไหล่จำพวก Moving parts ภายในเรือนเกียร์ ทุกชิ้น!

** นั่นหมายความว่า หากเข้าเกียร์ N ไป D แล้ว และสลับกลับไป N บ่อยๆ อยู่เป็นนิจ จะเป็นการบั่นทอนอายุการใช้งานของเกียร์อัตโนมัติลงถึง 50 % !! ไม่ควรเปลี่ยน Gear จาก D ไป N บ่อยๆ

 ความคิดเห็นที่: 11 / 32 : 496618

โดย: Dang_p

ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนนะครับ พอดีไม่ได้ใช้รถเกียร์ออโต้ด้วยซิ แต่เห็นว่าอาจเป็นประโชยน์กับ
พี่ ๆ เพื่อน ๆ ในคลับก็เลยก็อปมาให้ลองอ่านดูครับ

 ความคิดเห็นที่: 12 / 32 : 496624

โดย: PapaRo@ch~*

มองมุมกลับบ้าง

การเข้าDแล้วเบรคแช่ไว้ ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดของรถจะเหมือนถูกฝืนอยู่ด้วยเบรค
อุณหภูมิสะสมของน้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค น่าจะเพิ่มสูงขึ้นและน่าจะสร้างความเสียหายให้ได้เหมือนกันใช่รึเปล่า

รถรุ่นใหม่ๆยังพอเข้าใจได้ว่า เวลารถเข้าDแล้วเบรคค้างไว้เกินกี่วิไม่รู้ รถจะปลดเข้าNให้อัตโนมัติ
(ในระบบเฟืองเกียร์นะ แต่มือเรายังDอยู่) ทำให้ไม่เกิดแรงฝืน

อ่านแล้วยังงงครับ รอความเห็นท่านอื่นด้วยดีกว่า
ปกติเวลาไฟแดงก้อเข้า N ถ้าไฟเขียวหรือรถค่อยๆกระดื้บผมก้อใส่ D เอาน่ะ

 ความคิดเห็นที่: 13 / 32 : 496630

โดย: Dillinger

ผมว่ามันเป็นข้อถกเถียงกันที่ไม่รู้จบจริงๆ ต่างมีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองทั้งสองอย่าง

อย่างคุณ ธเนศ เสนีฯ แกก็ ถ้าติดแดงนานก็ใส่ N ดึงเบรคมือ ถ้ากระดึบๆ หรือแดงไม่นาน ก็เหยีบเบรคไว้ แต่ถ้ากรณีจอด ก็ P ดีที่สุด ... และสุดท้ายก็ทิ้งไว้ว่า ใช้มันไปเถอะ ... ถึงเวลามันก็ไป

 ความคิดเห็นที่: 14 / 32 : 496632

โดย: เดีย

เถิกๆ

 ความคิดเห็นที่: 15 / 32 : 496639

โดย: NenG123

แล้ว D กับPอ่ะสลับกันได้ไหม

 ความคิดเห็นที่: 16 / 32 : 496653

โดย: Ball An Angel

D กับ R ดีก่า

 ความคิดเห็นที่: 17 / 32 : 496669

โดย: .เต้ย.

ผลที่เห็นชัดเจนคือ
เข้า D รถสั่นยังกะเจ้าเข้าทรง ทั้งที่เพิ่งเปลี่ยนยางแท่นเครื่องมาใหม่ก็ตาม(แท้มือ 2)
เข้า N รถนิ่งสนิท

 ความคิดเห็นที่: 18 / 32 : 496728

โดย: doy_323@popup

ความรู้ๆ

(ดีนะเราเกียร์ธรรมดาอิอิ)

 ความคิดเห็นที่: 19 / 32 : 496865

โดย: BP1800T Powered By MES

เป็นเรื่องที่เถียงกันไม่จบหรอกครับ ผมว่า
แต่ถ้าเป็นผม เพื่อความปลอดภัย ผมจะเข้า N เผื่อเท้าหรือเบรคมีปัญหา

 ความคิดเห็นที่: 20 / 32 : 496878

โดย: The Dark EmpEroR of Pirates~

.....ขอบคุณคับ.....

ปล. มิน่า....เกียร์ข้าพเจ้าถึงพัง...... .....555+