Close this window

วิธีแก้ปัญหา Resonance ในรถยนต์
ขอบคุณเนื้อหาจากคุณโต้ง Mazda 3 อีกเช่นเคย
ใครอยากรู้ก็ลองอ่านดูครับ
ของหายากทั้งนั้น
------------------------------
โดย: จะเด็ด   วันที่: 14 Mar 2010 - 22:39


 ความคิดเห็นที่: 1 / 10 : 550272
โดย: จะเด็ด
สำหรับรถ NA แล้ว ปัญหา Resonance ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เรียกว่าจะได้ม้าเพิ่ม หรือเสียม้า ก็ตรงนี้ แถมได้เพิ่ม หรือเสียที เป็นสิบตัวครับ
หลายคนที่ไปเปลี่ยนเป็นกรองเปลือย เอาหม้อกรองของเก่าออก แล้วม้า กับแรงบิดตีนต้นหาย
ก็เพราะดันไปเอา (Anti)Resonance Chamber ออกแหละครับ

เบอร์ 4 นี่แหละครับคือ Resoance Chamber

หลายคนอาจจะเถียงว่า มีบางสำนัก ไม่ใส่กล่องตัวนี้ยังแรงได้
ใช่ครับ วิธีแก้ปัญหา Resonance ในรถยนต์ มี 2 วิธีครับ
1. Resonance Chamber (Helmholtz Resonator)
2. Tune Length

ส่วนใหญ่เขาจะใช้ Resonance Chamber กัน เพราะมันถูกครับ
คำนวนแล้วทำกล่องติดเข้าไปจบ

ที่ฝั่ง Intake จะใช้ Tune Length ก็ได้ครับ ต้องมาลากท่อยาวๆ ให้ Match กับ Resonance Frequency เปลืองท่อเปล่าๆ เกะกะเครื่องเปล่าๆ ครับ ถ้าใครเห็นว่าสวยดีก็อีกเรื่อง

แล้ว Resonance Chamber นี่คำนวนกันยังไง
ก็คำนวนได้ตามสูตรแหละครับ แต่คนทำจะคำนวนไม่คำนวนนี่อีกเรื่อง สำนักในไทยไม่ค่อยคำนวนกันหรอกครับ

f = 642 x c x [ SQRT (S/[L x V] ) ] x [ SQRT { (CR-1)/ (CR+1) } ]

โดย f = Max Torque RPM
c = ความเร็วเีสียง (340 m/sec@ 15C) (352.6m/sec @ 36 C)
S = พื้นที่ท่อขาเข้า
L = ความยาวท่อ
V = ปริมาตร
CR = Static Compression Ratio

แล้ววิธีแก้ Resonance นี่ ที่ฝั่ง Intake และ Exhaust นิยมใช้แบบไหน?

ที่ฝั่ง Intake นี่ นิยมใช้ Resonance Chamber ครับ อย่างในเครื่อง K ของ Mazda จะมี Resonance Camber 3 ตัว แล้ว ECU จะสั่งปิดเปิด Chamber ตาม RPM ที่เหมาะสม ทำให้ได้แรงบิดสูงสุดครับ
แต่บางสำนักติดกรองเปลือยมา แล้วไม่รู้เรื่อง Resonance Chamber ใช้วิธี Tune Length แล้วเวิร์คก็มีครับ
จริงๆ เจาะรูท่อ แล้วเอา Chamber เก่าเสียบเข้าไปก็จบแล้ว

และถ้าดูตามสูตร จะเห็นว่า ถ้า Max Torque RPM เปลี่ยน ขนาด Chamber ต้องเปลี่ยน
ใช่แล้น ถ้าเปลี่ยน Camshaft มาละก่อน ต้องทำ Chamber ใหม่นะจ๊ะ

ส่วนฝั่ง Exhaust ส่วนใหญ่นิยม Tune Length ครับ แต่หลังๆ นี่เริ่มมีใช้ Resonance Chamber บ้างแล้วครับ
โดยเฉพาะกับรถเล็กๆ เช่น Yaris, Vios, City, Jazz ครับ

ที่ผมไปทำมา ฝั่ง Exhaust ก็ใช้ Tune Length ครับ คำนวนมาให้พอๆ กับความยาวท่อเดิม
ส่วนถ้าจะเอาสูตรอื่น ต้องทำ Resonance Chamber ติดที่หม้อพักปลายครับ

ถามว่าทำไมท่อไอเสียรถเล็กต้องใช้ Resonance Chamber
เหตุผลง่ายๆ ครับ เครื่องขนาดเล็ก จะต้องใช่ท่อยาวครับ
และถ้าเครื่องดูดอากาศได้น้อย (VE ต่ำ) ต้องใช้ท่อขนาดใหญ่ครับ
ปัญหาคือ ถ้าใช้ท่อยาวตามที่คำนวนได้ด้วยวิธี Tune Length ท่อมันยาวเกินรถไปเป็นเมตรก็มีครับ

ขัดกับความเชื่อเดิมๆ ของสำนักไทยใช่ไหมครับ?

เครื่องใหญ่ ต้องท่อไอเสียใหญ่ ทำ Intake มาดูดอากาศดีขึ้น ต้องใช้ท่อใหญ่ขึ้น


จริงๆ แล้วถ้าเครื่อง VE สูงขึ้น ท่อไอเสีย กลับต้องใช้ขนาดเล็กลง และสั้นลง

ใครอยากลงละเอียดๆ อ่านต่อได้จากที่นี่ครับ
http://www.team-integra.net/sections/articles/showArticle.asp?ArticleID=466
วันที่: 14 Mar 10 - 22:41

 ความคิดเห็นที่: 2 / 10 : 550273
โดย: จะเด็ด
อีกเรื่องครับ ความเร็วเสียงเปลี่ยนตามอุณหภูมินะครับ
ยิ่งร้อน ความเร็วเสียงยิ่งสูงครับ
v = 331m/s + 0.6m/s/C * T

ถ้าดูจากสูตร Resonance Chamber จะเห็นว่า
หาก อากาศร้อน ความเร็วเสียงเพิ่ม Peak Torque RPM ก็จะเพิ่ม แรงบิดตีนต้นหาย
หาก อากาศเย็น ความเร็วเสียงต่ำ Peak Torque RPM ก็จะลด เหยียบปุ๊บก็ดึงปั้บ

เป็นเหตุให้ เวลาร้อนๆ แล้วหลายคน รถมันเอื่อยๆ ไงครับ
เพราะนอกจากมวลอากาศ จะหนาแน่นน้อยลงแล้ว Peak Torque ยังเพิ่มขึ้นอีก เลยต้องเหยียบลากรอบขึ้นไปเยอะขึ้นกว่าเดิม

ผิดกับตอนอากาศเย็น เหยียบไม่ถึง 4000 รอบ ก็พุ่งแล้ว
วันที่: 14 Mar 10 - 22:42

 ความคิดเห็นที่: 3 / 10 : 550274
โดย: จะเด็ด
สมมุตินะครับว่า ตัว Resonance Chamber นี่
ออกแบบโดยอนุมานว่า Ambient Temp คือ 20 องศา
สำหรับเครื่องที่มี Peak Torque ที่ 4500 rpm

แล้วเราขับไปตอนร้อนๆ ในไทย อุณภูมิ 40 องศา
ตัว Chamber จะไปช่วยการ Resonance ที่ 4657 rpm แทน

นี่ไม่นับเรื่องที่ม้าตกเพราะมวลอากาศหนาแน่นน้อยลงนะครับ

สูตรก็คือ

RPMn = RPMo * (331+0.6Tn)/(331+0.6To) ครับ

RPMn คือ Peak Torque RPM ที่อุณหภูมิจริง
RPMo คือ Peak Torque RPM ที่อุณหภูมิที่ผู้ออกแบบอนุมาน
Tn คือ อุณหภูมิจริง
To คือ อุณหภูมิที่ผู้ออกแบบอนุมาน
วันที่: 14 Mar 10 - 22:42

 ความคิดเห็นที่: 4 / 10 : 550322
โดย: SpyTT

สงใสเรา ตามโรงงานดีที่สุ๊ดดด.......
วันที่: 15 Mar 10 - 08:09

 ความคิดเห็นที่: 5 / 10 : 550368
โดย: Yut13
ดูท่อไอดีเครื่อง B6-ET/BP หรือ Z5 ก็แล้วกันให้เจ้าสำนักทั้งหลายมาอธิบายหน่อย
วันที่: 15 Mar 10 - 11:08

 ความคิดเห็นที่: 6 / 10 : 550567
โดย: ไก่โต้ง
ส่วนใหญ่เครื่องโรงงาน จะดูดอากาศได้น้อย เพราะอั้นขาเข้า แล้วท่อก็ไม่ได้ทำมาให้ได้แรงม้าสูงสุดครับ
โรงงานต้องสนใจเรื่องอื่นเช่น เรื่องความดังเสียงเป็นต้นครับ

การทำ Tuned length ต้องทำให้ไซส์ ความยาว ทั้งท่อและเฮดเดอร์ match กับ spec เครื่องครับ
เฮดเดอร์จะมีผลมากกว่าท่อครับ
ส่วนใหญ่ในไทยจะเน้นใจเป็นเฮดเดอร์ดี แล้วท่อ บอกเป็นประมาณว่า

ถ้า
เครื่อง 1.5 ลิตร ก็ท่อ 1.5 นิ้ว
เครื่อง 2 ลิตร ก็ต่อ 2 นิ้ว
ความยาวท่อไม่เกี่ยว ไม่มีผล
แล้วแนะนำให้ใส่หม้อพักไส้เกลียว

นั่นก็เพราะว่าหม้อพักไส้เกลียวมันเหมือนเทอร์โบครับ คือ
ไอเสียที่ออกมาจากเครื่อง มันเหมือนคลื่นเสียงครับ เป็นการอัด และ ขยายของอากาศ
พอมันวิ่งผ่านหอยเทอร์โบ หรือหม้อพักไส้เกลียว ไอเสียก็จะถูกตี จนเสียสภาพความเป็นคลื่นไป

พอเป็นแบบนี้ ท่อก็มีไม่ผลในการเพิ่มแรงม้าครับ ขอแค่ให้ใหญ่พอที่ปริมาณไอเสียที่ไหลออกมา จะไหลออกมาได้โดยไม่เกิด back pressure จนเป็นภาระกับเครื่องยนต์เท่านั้นเองครับ

แล้วถ้าตามว่าทำไมพวกเมจิกไอเทมทั้งหลายเช่นใบพัดมหัศจรรย์ หรืออะไรทำนองนี้ พอเอาไปใส่คั้นท่อไอดี ไอเสียแล้วได้ม้าเพิ่มขึ้น
ก็เพราะว่า ถ้าใช้หม้อพักไส้ตรง แล้วเกิดความยาวมันไม่ถูกขึ้นไป ไปโผล่ใกล้ๆ ย่านที่ทำให้เครื่องดูดอากาศได้น้อยลงแทน แรงม้าก็จะตก
พอเราใส่อุปกรณ์พวกนี้เข้าไป มันก็ตีอากาศให้เสียความเป็นคลื่น ผลที่เกิดจากเรื่องพวกนี้ก็หลายไปเลยได้ม้าเพิ่มขึ้น
แต่สำหรับคันที่ออกแบบมาถูกทั้งขนาดท่อ ความยาวท่อแล้ว ใส่พวกนี้เข้าไป ก็จะทำให้เครื่องดูดอากาศได้น้อยลง แทนครับ
วันที่: 15 Mar 10 - 19:24

 ความคิดเห็นที่: 7 / 10 : 550580
โดย: ShutOff
ลองคำนวนเล่นๆ

สมมติ
Tn เครื่องที่มาจากยุ่น 25c (เฉลี่ยกลางวัน ฤดูใหนไม่รู้) วิ่งจริงในบ้านเรา 40c
To 25c
4800 * {[331+(0.6*40)]/[331+(0.6*25)]}

Peak Torque ของ KL-ZE จะโดดไปจาก 4800rpm เป็น 4925rpm แทน

แล้วพวก NA ใส่อินเตอร์มันดีขึ้นใหมครับ ใครลองแล้วเล่าให้ฟังหน่อยจิ๊
ต้องคำนวนขนาดท่อไอดีใหม่ใช่เปล่า
วันที่: 15 Mar 10 - 20:05

 ความคิดเห็นที่: 8 / 10 : 550722
โดย: ไก่โต้ง
ผมใช้วิธีต่อท่อไอดีไปรับอากาศข้างนอกเลยครับ Intake Air Temp ได้ประมาณ 34-38 องศาครับ ถ้าวิ่งบนทางด่วน

อุณหภูมิอากาศฝั่ง intake นี่ ทุก 10 องศา จะมีผลกับ VE ประมาณ 2.5-3% ครับ
เคยมีสูตรคำนวนแต่โยนไว้ไหนแล้วไม่รู้ครับ เป็นสูตรคำนวนหาปริมาณอากาศ g/s ที่ อุณหภูมิต่างๆ กัน ถ้าปริมาตรอากาศ (cc) เท่ากันครับ
ตอนนั้นคำนวนเสร็จก็เอาตัวเลขกลมๆ มาใช้เลย

ว่าง่ายๆ คือ ถ้าดูดอากาศร้อนๆ ในฝากระโปรงรถ 50 องศาก่าๆ ตลอดเวลา กับคนไปทำ CAI ดูดอากาศเย็นๆ ประมาณ 35 องศา

ถ้าเครื่องโรงงาน VE อยู่ที่ 94% แรงม้า 141 ตัว
แค่เรื่องอากาศที่เย็นลงก็ทำให้ม้าเพิ่มได้ 3.75-4.5 ตัว ที่เครื่องแล้วครับ
วันที่: 16 Mar 10 - 13:00

 ความคิดเห็นที่: 9 / 10 : 550776
โดย: Yut13
ทั้งหมดนี่ว่ากันที่ระดับน้ำทะเลใช่ใหม พอขึ้นที่สูงเช่นวิ่งบนดอยตุงประมาณ 5000 Ft. ก็ว่ากันใหม่หมด
วันที่: 16 Mar 10 - 15:49

 ความคิดเห็นที่: 10 / 10 : 550945
โดย: ไก่โต้ง
ใช่ครับคุณ Yut13

ในบางรุ่นเช่น Mazda3 MPS ผมเคยแกะข้อมูลมาดูแล้ว มันมี Load Correction กับ Boost Correction ตามความดันบรรยากาศด้วยครับ
วันที่: 17 Mar 10 - 10:15