PM จับโกหก
บทความจากหนังสือ Popular Mechanics ฉบับที่ 32 ปีที่ 3 : ตุลาคม 2005
นี่เป็นเพียงแค่การทดสอบ : Mike Allen เซียน รถยนต์ของPM กำลังเติมน้ำมันให้กับรถกระบะ Ford F-350 เครื่องยนต์ 5.4 ลิตร V8 : บนเครื่องวัดแรงม้าแบบลูกกลิ้งของสถาบัน Universal Technical Institute ในเมืองฮูสตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการทดสอบ อุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ยกตัวอย่างเช่น TornadoFuelSaver
ปาฏิหาริย์
สิ่งประดิษฐ์ ใต้ถุนบ้าน ประหยัดน้ำมันได้จริงอย่างที่ คุย หรือ?
MIKE ALLEN จาก PM กำลังจะพิสูจน์ให้คุณเห็น
ตั้งแต่รถยนต์ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมา อุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพเครื่องยนต์และช่วยประหยัดน้ำมันก็โผล่ ขึ้นมาดังเงาตามตัว และทุกครั้งที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้น อุปกรณ์เหล่านี้ก็แตกดอกออกผลราวกับดอกเห็ด ยิ่งเมื่อน้ำมันดิบพุ่งกระฉูดเป็นบาร์เรลละ $60 อย่างในขณะนี้ (เดือนสิงหาคม 2005) จะเห็นได้ในอินเทอร์เน็ต ร้านสรรพสินค้า หรือแม้แต่หน้าโฆษณาด้านหลังของนิตยสาร PM นี้เองก็ตาม อุปกรณ์เหล่านี้จะโอ้อวดถึงสรรพคุณในการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่อ งยนต์ ลดมลภาวะ และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตั้งแต่ 20, 40, หรือแม้กระทั่ง 300 เปอร์เซ็นต์ อื้อหือ อะไรจะถึงขนาดนั้น
ขออภัยด้วยที่เราไม่ หูเบา ขนาดนั้น แต่เราก็ไม่ถึงกับ ไม่เปิดใจ ซะทีเดียว สิ่งที่เราสงสัยนั้นคือ มันเป็นไปได้หรือที่นักประดิษฐ์ ใต้ถุนบ้าน ผู้คิดค้นอุปกรณ์เหล่านี้ จะบังเอิญสะดุดเข้ากับทฤษฎีทางฟิสิกส์ หรือ Thermodynamics ที่ไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อนเลยชาตินี้ เป็นไปได้หรือที่บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำต่างๆในโลกทุกแห่ง มองข้าม หรือ จงใจหลีกเลี่ยง ที่จะไม่ใช้วิธีง่ายๆเหล่านี้ เพื่อเสริมประสิทธิภาพและสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้อย่างมหาศาลใ นรถยนต์ รถกระบะที่ตนเองผลิตออกมาขาย ฉะนั้นแทนที่เราจะปล่อยให้ความสงสัยนั้นลอยผ่านไปเฉยๆ เราจึงตัดสินใจที่จะ ให้โอกาส อุปกรณ์เหล่านี้ได้พิสูจน์ ปาฎิหาริย์ ของตนเอง
เราเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้มาเจ็ดชนิด มีตั้งแต่ราคา $20 จนเกือบถึง $400 เพื่อเป็นตัวแทนของอุปกรณ์ที่มีลักษณะการทำงานแบบต่างๆ ซึ่ง คุย ว่ามีสรรพคุณที่สามารถช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น การติดตั้งแม่เหล็กเข้ากับท่อส่งน้ำมัน การปรับปรุงลักษณะการเคลื่อนตัวของไอดี หรือแม้แต่การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มให้กับเครื่องยนต์ (อ้าว...แล้วจะประหยัดยังไง)
เราทำการทดลองทั้งหมดที่ Universal Technical Institute ซึ่งเป็นสถาบันฝึกสอนบุคลากรสาขายานยนต์แห่งเมืองฮูสตัน (มลรัฐ Texas) โดยทดลองบนรถกระบะอเมริกันรุ่นใหญ่ 4 คัน ซึ่งสถาบัน UTI นั้นจัดหามาให้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงใช้รถกระบะในการทดสอบ คำตอบง่ายๆ ก็คือ รถกระบะนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการ ซด น้ำมันเชื้อเพลิง และอีกเหตุผลก็คือ ห้องเครื่องของรถกระบะนั้นใหญ่ สะดวกในการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้
เราทดสอบรถกระบะทั้ง 4 คันบนเครื่องวัดแรงม้าแบบลูกกลิ้ง (Chassis Dynamometer) 2 เครื่อง โดยปล่อยรถกระบะวิ่งจนน้ำมันเกลี้ยงถัง จากนั้นเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณที่กำหนดไว้ แล้วทดสอบหาแรงม้าและแรงบิดสูงสุดสี่ครั้งเพื่อความแม่นยำ จากนั้นเราล็อกความเร็ว (Cruise control) ให้วิ่งอยู่ที่ความเร็ว 71 ไมล์ต่อชั่วโมง จนน้ำมันหมดถังเพื่อเป็นตัวกำหนดค่าความสิ้นเปลืองน้ำมัน ก่อนติดตั้งอุปกรณ์ของรถแต่ละคันไว้เพื่อใช้เปรียบเทียบ
เราเติมน้ำมันในปริมาณที่กำหนดไว้อีกครั้ง ติดตั้งอุปกรณ์ ประหยัดน้ำมัน แต่ละชนิดแล้วทดลองซ้ำ (อ้อ...เราไม่ได้ทดสอบในเรื่องของมลภาวะจากท่อไอเสียในงานนี้ เพราะเราคิดว่า ผู้ซื้อ อุปกรณ์ประเภทนี้คงจะสนใจในเรื่อง ความประหยัด มากว่า มลภาวะ) และต่อไปนี้ คือผลการทดสอบที่ได้จากอุปกรณ์แต่ละอย่าง
แม่เหล็กมหัศจรรย์
อุปกรณ์ประเภทที่ใช้แม่เหล็กติดตั้งเข้ากับท่อน้ำมันนั้นมีออกม าหลายยี่ห้อนับได้เป็นโหลๆ เราเลือกมาสองยี่ห้อซึ่ง คุย คล้ายๆ กันว่ามีสรรพคุณในการช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิง ลดมลภาวะจากไอเสีย และเพิ่มกำลังเครื่องยนต์
ทฤษฎีของผู้คิดค้นและขายอุปกรณ์ประเภทนี้ กล่าวว่า เมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในท่อนั้นไหลผ่านแม่เหล็ก สนามแม่เหล็กจะทำให้โมเลกุลของน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นแตกตัวออก ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้ดีขึ้น อืมม...ฟังดูดี แต่ข้อที่น่าสงสัยนั้นคือ โมเลกุลของน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นไม่มีปฎิกิริยาใดๆ กับสนามแม่เหล็กแม้แต่น้อยมิใช่หรือ นอกจากนั้นแล้วท่ออน้ำมันที่อุปกรณ์นี้ติดตั้งอยู่ด้วยนั้นเป็น เหล็ก เพราะฉะนั้นกระแสของสนามแม่เหล็กจะวิ่งไปตามผนังของท่อ แทนที่จะผ่านไปในน้ำมันเชื้อเพลิงต่างหาก
ผลทดสอบจาก DYNO: ผลทดสอบนั้นเป็นไปตามที่เรา สงสัย เอาไว้ว่า อุปกรณ์ทั้งสองตัว ไม่ได้มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพใดๆ แก่เครื่องยนต์แม้แต่น้อย
VORTEX GENERATORS
อุปกรณ์ประเภทนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งไว้ทางด้านหน้าหรื อ เหนือลม ของตัววัดปริมาณอากาศ (Mass Airflow sensor MAF) โดยออกแบบให้มี ครีบ หรือ กังหัน เพื่อทำให้อากาศที่ไหลผ่านเข้ามาใน ท่อร่วมไอดี (Intake Manifold) หมุนตัวเป็นพายุหมุนขนาดย่อมซึ่ง(จากคำโฆษณาบอกว่า) จะทำให้ส่ วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศนั้นดีขึ้น ทำให้การเผาไหม้เ ชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้นั้นหมดจด (ตามทฤษฎีนะ ) ปัญหาก็คือว่า ท่อร่วมไอดีซึ่งนับตั้งแต่ Mass Airflow Sensor จนถึง ท่อไอดีที่ฝาสูบ ถูกออกแบบมาให้อากาศไหลลื่นผ่านได้สะด วกที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน ของอากาศ (Turbulence) รวมทั้งตัวอุปกรณ์ซึ่งถือได้ว่าเป็น สิ่งกีดขวาง จะทำให้จำนวนของอากาศที่ควรจะไหลผ่านเข้าเครื่อ งยนต์นั้นลดลง ซึ่งเมื่อจำนวนอากาศลดลงแรงม้าที่ได้ก็จะลดลงไป ด้วย
เราทดสอบอุปกรณ์ชนิดนี้อยู่สองยี่ห้อ อันแรกคือ Tornado FuelSaver ซึ่งทำขึ้นอย่างสวยงามด้วยสเตนเลสสตีล และมีหลายขนาดให้เลือกตามความเหมาะสำหรับรถแต่ละคัน ติดตั้งไว้ด้านหน้าของ MAF ...อันที่สองคือ Intake Twister ซึ่งเราสั่งซื้อจาก eBay เป็นอุปกรณ์ที่ดูเหมือนทำขึ้นอย่าง ลวกๆ จากแผ่นอะลูมิเนียมบางๆ แล้วยึดติดกันด้วยหมุดย้ำ (Rivet) มองดูแล้วเหมือนทำเองได้ภายใน 10 นาทีจากกระป๋องน้ำอัดลม ซึ่งคณะช่างจาก UTI นั้นถึงกับเกิดอาการ แหยง ที่จะติดตั้งเข้าไปในรถ เนื่องจากเป็นห่วงว่า ครีบ ของอุปกรณ์อาจจะหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้ผลิตขึ้นมาขนาดเดียว เพียงแต่ดัด โค้ง ม้วนให้สอดเข้าไปในท่อนำ อากาศเข้าเครื่องยนต์เป็นอันใช้ได้
ผลทดสอบจาก DYNO: อุปกรณ์ทั้งสองตัวนั้นทำให้แรงม้าของเครื่องยนต์ลดลงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ Intake Twister นั้นทำให้การสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ โดยประมาณ ส่วน TornadoFuelsaver ไม่มีผลในด้านของการประหยัดน้ำมันใดๆ
ENGINE IONIZER
Electronic Engine Ionizer Fuel Saver ชื่อฟังดูแล้วน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก แต่ตัวอุปกรณ์นั ้นเป็นเพียงแค่สายไฟสองเส้นที่มีก้อนยางสี่เหลี่ยม 3-4 ก้อนหล่อทับไว้เป็นช่วงๆ ซึ่งทางผู้ผลิตเรียกว่า ตัวเก็บประจุ แต่เราไม่พบตัวเก็บประจุใดๆ ทั้งสิ้นในก้อนยางเหล่านั้น วิธีติดตั้งก้อนยางเหล่านั้นเพียง แค่คลิ๊บก้อนยางแต่ละก้อนเข้ากับสายหัว เทียนแต่ละสายในตำแหน่ งที่ใกล้กับหัวเทียน ซึ่งทางผู้ผลิตนั้นโฆษณาว่า ก้อนยางเหล่านี้จะเก็บประจุ Corona charge จากสายหัวเทียนสายหนึ่งแล้วส่งไปยังขั้วไฟฟ้า (Electrode) ของหัวเทียนตัวอื่นในพรรค ซึ่งประจุที่ว่านี้ จะทำให้เกิดการแตกตัวในบางส่วนของโมเลกุลข องไฮโดรคาร์บอนในกระบอกสูบที่ยัง ไม่จุดระเบิด ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้เพิ่มขึ้น อื้อหืมม...ฟังดูเข้า ท่า แต่ปกติแล้วเราพยายามไม่ให้เกิดการกระโดดของกระแสไฟระหว่า งสายหัวเทียนไม่ ใช่หรือ? แต่อุปกรณ์ตัวนี้ทำไมถึงดูเหมือนกับพยายามทำให้เกิดอาการ ไฟก ระโดด แทนล่ะนั้น
ผลทดสอบจาก DYNO: รถกระบะที่เราทำการทดสอบั้นเสียแรงม้าไปประมาณ 15 แรงม้าหลังการติดตั้ง และหลังจากการทดสอบเทียบเท่ากับระยะทางป ระมาณ 10 ไมล์ ตัวเก็บประจุ ที่ติดอยู่ทางฝั่งซ้ายของเครื่องยนต์ (V8) เริ่มละลายและย้อนไปแตะกับท่อร่วมไอเสียจนควันคลุ้งไปทั่ วห้อง Dyno เราหยุดการทดสอบเพื่อ ขยับอุปกรณ์ใหม่ให้แน่นหนาขึ้นแล้วทดสอบต่อแต่แล้ว ตัวเก็บ ประจุ ทางฝั่งขวาก็เริ่ม ละลายและหยดลงบนท่อร่วมไอเสียบ้าง คราวนี้หนักกว่าเดิมเพราะยา งที่ละลายนั้นเกิด ลุกเป็นไฟ ขึ้นมาสูงประมาณ 2 ฟุตในห้องเครื่อง จนเราต้องดับด้วยถังดับเพลิงขนาด 20 ปอนด์ หมดไปหนึ่งถัง ซึ่งทำให้เราต้องยุติการทดสอบลง แถม ตัวเก็บประจุที่เหลืออยู่นั้นก็แปรสภาพเป็น หมากฝรั่ง เหลวเป๋วไปแล้วอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่สามารถรู้ผลในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อ เพลิงของอุปกรณ์ตัวนี้ได้
VAPOR INJECTORS
อุปกรณ์ตัวนี้แปรสภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงให้กลายเป็น ไอระเหย แล้วป้อนกลับให้เครื่องยนต์ผ่านสายอุปกรณ์ดูดอากาศ (Vacuum) ที่ต่อเข้ากับท่อร่วมไอดี ประมาณว่าเพื่อเป็นการแตกตัวอะตอมของน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ใน สถานะ ไอระเหย ซึ่ง อ้างว่า ดีกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ฉีดออกมาจากหัวฉีดปกติ เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงบางส่วนนั้นยังมีสภาพเป็น หยด อยู่ซึ่งยากต่อการเผาไหม้
อืม...จะเริ่มยังไงดีเอ่ย วิธีการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม ด้วยการต่อสายเข้ากับท่อร่ว มไอดีของอุปกรณ์ตัวน้ี้นั้น ไม่สามารถที่จะจ่าย ไอระเหยน้ำมันเชื้อเพลิงในจำนวนที่เท่าก ันให้แก่กระบอกสูบทุกกระบอกสูบได้ เพราะกระบอกสูบที่อยู่ใกล้ก ับจุดติดตั้งนั้น จะได้รับจำนวน ไอระเหย น้ำมันมากกว่ากระบอกสูบที่ไกลออกไปซึ่งจะทำให้กระบอ กสูบนั้นมีสภาพที่เรียก ว่า ส่วนผสมน้ำมันแก่ และถึงแม้ว่าจะสามารถติดตั้งให้มีการจ่ายน ้ำมมันเชื้อเพลิงให้เท่ากันได้ ทุกกระบอกสูบก็ตาม กล่องคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ก็จะอ่านจำนวนข องออกซิเจนจากไอเสีย แล้ว ลด อัตราส่วนผสมน้ำมันลงจนได้อัตราส่วนผสมมาตรฐานอยู่ดี เพ ราะฉะนั้นไม่ว่าอุปกรณ์จะเพิ่ม ไอระเหย น้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปเท่าไหร่ คอมพิวเตอร์ก็จะลด จำนวนการจายน้ำมันเชื้อเพลิงลงมาให้ได้อัตราส่วนผสมปกติ อยู่ว ันยังค่ำ
เราทดสอบอุปกรณ์ชื่อ Fuel Atomizer 2000 ซึ่งแบ่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากท่อร่วมจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ให้หัวฉีดด้วยท่อ ทองแดงเล็กๆเข้ามาในตัวอุปกรณ์ ซึ่งทำหน้าท ี่ผสมน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศเพื่อแปลสภาพเป็น ไอระเหย แล้วถูกดูดเข้าเครื่องยนต์ด้วยสาย PVC ที่ต่อเข้ากับท่อร่วมไอดี
ผล ทดสอบจาก DYNO: โดยทฤษฎีแล้ว ไม่ควรจะเห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆจากเครื่องยนต์ เพราะในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานในรอบสูง ระดับการดูดอากาศ ในท่อร่วมไอดีนั้นน้อยเกินไปที่จะดูด ไอระเหย น้ำมันเชื้อเพลิงจากอุปกรณ์ตัวนี้ได้ แล้วก็จริงดังคาด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องแรงม้าของเครื่อ งยนต์ หรืออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใดจากอุ ปกรณ์ตัวนี้
WATER INJECTION
ระบบนี้พัฒนามาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเพิ่ม อัตราเร่งฉุกเฉิน ให้กับเครื่องบินขับไล่ที่ใช้เครื่องยนต์เทอโบชาร์จ เนื่องจาก ในระดับเพดานบินสูงนั้นมีความกดอากาศต่ำ และจำนวนอากาศนั้นน้อ ยสำหรับระบายความร้อนเครื่องยนต์ ประกอบกับการทำงานของเทอโบชา ร์จซึ่ง อัด อากาศเข้าไปในท่อร่วมไอดีของเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้คว ามดันเท่ากับระดับน้ำทะเล อากาศที่โน อัด อากาศเข้าไปในท่อร่วมไอดีของเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้คว ามดันเท่ากับระดับน้ำทะเล อากาศที่โดน อัด นั้นจะเกิดความร้อนเมื่อป้อนเข้าเครื่องยนต์ ทำให้อุณห ภูมิของเครื่องยนต์นั้นสูงขึ้น จึงมีการ ฉีดน้ำ หรือ น้ำผสมแอลกอฮอล์ เข้าไปในท่อร่วมไอดีเพื่อที่จะลดอุณห ภูมิในห้องเผาไหม้ให้ต่ำลง ส่งผลให้แรงม้าของเครื่องยนต์นั้นเ พิ่มขึ้น มีผู้ผลิตอุปกรณ์หลายรายที่นำระบบนี้มาใช้งาน เช่น AquaTune ซึ่งมีโฆษณาอยู่ด้านหลังๆ ของนิตยสาร PM ว่า AquaTune นั้นไม่ใช่เป็น เพียงแค่ระบบ ฉีดน้ำ เท่านั้น แต่เป็นอุปกรณ์กำเนิดฮโดรเจน เช่นเดียวกันกับที่ใช้ในระบบเซล ล์เชื้อเพลิงโดยกำเนิดไฮโดรเจนในรูปของฟอง ไฮโดรเจนเข้มข้นก่อ นที่จะป้อนเข้าสู่เครื่องยนต์คลื่นความถี่อัลตราโซนิค จาก Ultra-sonic Barometric Pressure Chamber จะทำให้โมเลกุลของน้ำแตกตัวและปล่อยฟองไฮโรเจนเข้มข้น ออกมา.. เอ่อ..ใครมีความสามารถที่จะอธิบายให้ผมเข้าใจได้ กรุณาโทรมาบอกผมด้วย ผมอยากทำเครื่องกำเนิดไฮโดรเจนด้วยคลื่นอ ัลตราโซนิค เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรพลังงานของโลกและป ัญหา ภาวะโลกร้อน(Global warming) ไปพร้อมๆกันซะเลย
การติดตั้ง AquaTune นั้นง่ายมาก แต่คุณยังต้องหาสายยางท่อดูดอากาศเอง ซึ่งตองใช้ประมาณ 3-4 ฟุต(เอาอะไรมากกับของราคาแค่ $ 399!!) ที่แตกต่างจากระบบ ฉีดน้ำ ในเครื่องบินขับไล่ P-38ซึ่งใช้ปั้มนั้นก็คือ AquaTune ใช้แรงดูดของเครื่องดูดอากาศ จากท่อร่วมไอดี ในการดูดน้ำกลั่นจากขวดพลาสติกเข้าสู่เครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นในช่วงที่คันเร่งนั้น เปิดสุด จะไม่มีการป้อนน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์อย่างแน่นอน
ผลทดสอบจากDYNO: เมื่อปรับแต่ง Aquatune ตามเอสารประกอบการติดตั้ง รถทดสอบของเรามีแรงม้าน้อยลง 20 แรงม้า และสิ้นเปลือง น้ำมัน มากขึ้น อีก 20 เปอร์เซ็นต์
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถทดสอบ อุปกรณ์เสริม ทั้งหมดที่มีในท้องตลาดได้ และอีกสักพักคงมีผู้ผลิตอุปกรณ์ราย อื่นๆ มารอให้เราทดสอบอย่างแน่นอน แต่ผลจาการทดสอบในครั้งนี้ชี้ให้เ ห็นว่า ไม่มีอุปกรณ์ชิ้นใด ได้ผล ดังที่กล่าวอ้างหรือโฆษณาไว้เลยแม้แต่ชิ้นเดียวเราไม่ส ามารถหลีกเลี่ยงหรือ โต้แย้ง กฎทางฟิสิกส์ ได้รถยนต์ที่เราๆท่านๆใช้อยู่นั้น ได้ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้ อเพลิงไปแล้วกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ อีกไม่ถึง 1เปอร์เซ็นต์นั้น แปรไปในสภาพของไฮโดรคาร์บอนที่เหลือจากการเผาไหม้ และคาร์บอนม อนอกไซต์ซึ่งจะถูกกรองหายไปด้วย Catalytic Converter และถึงแม้จะมีอุปกรณ์ชิ้นใดสามารถที่จะทำให้เครื่อง ยนต์นั้นใช้พลังงานได้ เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพในด้านก ารประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เพิ่มขึ้นก็เพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์จากเดิมเท่านั้น ฉะนั้นถ้าหากอุปกรณ์ใดโฆษณาว่ามีค วามสามารถในการเพิ่มสมรรถภาพเครื่องยนต์ ได้อย่าง ไม่น่าเชื้อกรุณา พึงสังวร เอาไว้ว่า มัน ไม่น่าเชื่อ จริงๆนั่นแล ถึงอย่างไรก็ตาม เราเชื่อเหลือเกินว่า จะมีอุปกรณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นใหม่แทบทุก ๆนาทีเลยก็ว่าได้ และรับประกันได้ว่า หลังจากบทความนี้ตีพิมพ์ไปแล้วไม่กี่อาทิตย์ จะมีอุปกรณ์แบบนี ้โฆษณาว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้เคยลงตีพิมพ์พิสูจน์คุณภาพในนิตยสาร Popular Mechanics มาแล้ว และก็จะมีคน หลงเชื่อ ซื้อ แต่แน่นอนว่า...ไม่ใช่คุณแน่ๆ