Close this window

ไฟรั่วลงกราวรถ ปอปอัพ ของคำแนะนำหน่อยครับ....
เนื่องจากวันนี้ทดลองเช็กดูก่อน เผื่อมีโอกาสเจอสาเหตุ(ก่อนเข้าอู่) และคิดว่าเจอแล้วแต่ไม่แน่ใจเท่าไทร่ จึงอยากถามชาวสมาชิกปอปอัพก่อน เผื่อใครอาจจะมีคำตอบ แต่ถ้าไม่มีคำตอบจริง ๆ คงต้องรบกวนพี่บิ๊กอีกแร่ะ (พี่บิ๊กครับคงต้องรบกวนอีกแล้วนะครับ แหะ แหะ)
เริ่มเลยล่ะกัน ผมถอดขั้วลบของแบตออก แล้วใช้เครื่องมือวัดไฟสายบวกต่อเข้ากับสายลบที่ถอดออก และสายลบของเครื่องมือวัดไฟต่อเข้ากับขั้วลบของแบต ที่เครื่องมือวัดไฟมีไฟติดขึ้นมา แสดงว่าผลที่ได้คือ มีกระแสไฟอยู่ในสายกราวขั้วลบที่ถอดออกจากแบต ผมลองเช็กทุกอย่าง ดึงปลั๊กต่าง ๆ, ดึงฟิวร์, ดึงสายไฟที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับไฟที่ลงกราว แต่ไฟที่เครื่องมือวัดยังติดอยู่ไม่ยอมดับ กับมาดึงฟิวร์ที่หน้าเครื่องอีกครั้ง ดึงทีละตัว สังเกตุเห็นฟิวร์ตัวหนึ่ง BTN30A พอดึงออก ,ไฟที่เครื่องมือวัด มันหรี่ลง ได้ขอมูลจาก พี่บิ๊กว่าเป็น ไฟฉุกเฉิน,ไฟหยุด,ไฟท้าย แลไดร์ชาร์ท สงสัยไดชาร์ทเลยไล่สายไดร์ดู พร้อมกับถอดขั้วแบต ขั้วบวกด้วยโดยถอดออกทีละเส้น(มันมีสองเส้น ใหญ่-เล็ก) คิดว่าไดร์ชาร์ทต้องเข้ามาที่ขั้วบวกเส้นหนึ่งแน่ ๆ พอถอดเส้นใหญ่ ไฟที่เครื่องมือยังติดอยู่ เลยถอดเส้นเล็กอีกเส้น โอ้....ใช่เลย เส้นนี้เอง ไฟที่เครื่องมือวัดดับครับ คิดว่ามาถูกทางแล้วครับ แต่บอกตรง ๆ ว่ายัง งงอยู่ครับ ไม่รู้จะทำยังไงต่อแล้วครับ ไล่สายไฟเส้นเล็ก มันเหมือนสายไฟวิ่งไปหาไดร์ชาร์ทอยู่เหมือนกันครับ เลยอยากถามและขอคำแนะนำด้วยว่า ไดร์ชาร์ทมันรั่วลงกราวได้ไหมครับเนี้ย จากอาการที่เล่ามาไดร์ชาร์ทเริ่มเสียหรือช็อต หรือปล่าว แต่มันก็ชาร์ทเข้าแบตดีนะครับ เพราะไฟแบตไม่เคยตกให้เห็นเลยครับ สตาร์ท เปิดแอร์ เ้ปิดไฟ,วิทยุไม่คยมีอาการเลย ปกติดี ยังไงช่วยแนะนำหน่อยครับ ขอบคุณนะครับทุกคนที่ช่วยแนะนำเสมอมาโดยเฉพาะพี่บิ๊กครับ ขอบคุณครับ.....
โดย: tui.   วันที่: 5 Feb 2011 - 22:35


 ความคิดเห็นที่: 1 / 11 : 623572
โดย: Yut13
เส้นนั้นคือเส้นต่อไป S ของอัลเทอร์เนเตอร์วัดอย่างนั้นยังไงก็ขึ้น ดูรูป
วันที่: 06 Feb 11 - 01:15

 ความคิดเห็นที่: 2 / 11 : 623579
โดย: bk111
อยากถามหน่อยครับที่ว่าเครื่องมือวัดนี้คืออะไรครับเป็นมิตเตอร์ธรรมดาหรือเป็นพวกสโคปหรืออย่างอื่นแล้วการตั้งค่าการวัดตั้งแรงค์อยางไรครับและอาการรถเป็นอย่างไรครับ...อยากรู้ครับ
วันที่: 06 Feb 11 - 08:18

 ความคิดเห็นที่: 3 / 11 : 623608
โดย: BIG DDT
จากที่เล่ามา
ผมอยากให้ลองเช็คดู อีกนิดนึง
สายเส้นใหญ่ เข้าไดร์ชาร์ท แน่นอน ส่วนเส้นเล็ก มันจะมี 2 ทางไปที่ วนกลับไปที่ไดร์ชาร์ท
และมีทางหนึ่ง ไดร์สตาร์ท มันใช้คู่สายไฟกัน อยู่
อยากให้ดู กราวด์ของไดร์สตาร์ท เพิ่มอีกนิดนึง ครับ

ถ้าไดร์ชาร์ท จะพัง ผมว่า มันน่าจะพัง ไปนานแล้ว อาจเป็นได้ ทุ่นสึก เป็นรอยไฟเลยรั่ว ใช้ไปจนกว่าจะพัง ครับ

ปล. เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน นะครับ
วันที่: 06 Feb 11 - 16:32

 ความคิดเห็นที่: 4 / 11 : 623610
โดย: BIG DDT
เพิ่มเติม....
กล่องฟิวส์ ที่เสียบ BTN 30A นั้น พลิกดูด้านล่างกล่องนิดนึง ครับ สายไฟมันกรอบแตก รึป่าว
กล่องฟิวส์ เสียก็เป็นได้
วันที่: 06 Feb 11 - 16:40

 ความคิดเห็นที่: 5 / 11 : 623674
โดย: tui.
พี่ yut 13 ครับ จากที่ดูรูปที่ให้มา แสดงว่ามันเชื่อมกันอยู่แล้ว เริ่มกระจ่างขึ้นมาบ้างแล้วครับ ขอบคุณมากครับข้อมูลนี้เป็นประโยชน์กับผมมากเลยครับ ขอคุณครับชผม....

พี่ บิ๊ก ครับ ขอบคุณคำแนะนำอย่างเคยครับ พอดีเอารถให้ช่างไดร์ อู่ใกล้ ๆ บ้านดูแล้วครับ เพราะมีธุระสำคัญต้องทำครับ ช่างเช็กไฟรถแล้วบอกช็อตเหมือนกัน แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ,อาจไป็นที่กล่องฟิวร์กับ สายไดร์ชาร์จ ช่างส่ายหน้าแหย่ ๆ บอก 1300 รวมเช็กพัดลมหม้อน้ำด้วย ใช้เวลา 2 วัน ห้องเครื่องแคบมาก ต้องรื้อ , ต้องถอด,ยุ่งยาก , อยากให้จบ เลยตกลง จบปัญหา อีก 2 วัน รู้ผลดีไม่ดี แหะ แหะ ขอบคุณครับ กะผม..

คุณ bk 111 สำหรับเครื่องมือวัดไฟของผม ไม่ได้พิเศษอะไร เป็นเครื่องมือที่ผมทำขึ้นมา เพื่อวัดว่าไฟผ่านมาหรือปล่าวถ้าผ่านมาจะมีไฟขึ้นติดให้เห็น คล้ายกับไขควงวัดไฟบ้านครับ และของช่างไดร์ทั่วไปครับ การทำงานเป็นเหมือนกัน แต่ของผมแตกต่างตรงที่ปลายของเครื่องมือเป็นเข็ม สามารถจิ้มทะลวงสายไฟได้ โดยไม่ต้องปลอกสายไฟ หรือตัดสาย และสายกราวสามารถถอดออกได้ หรือต่อเพิ่มระยะไกล ๆ ได้ครับ ทำขึ้นมาไม่ยากครับทำเอง ไว้เช็กเบื้องต้น.......
วันที่: 06 Feb 11 - 21:16

 ความคิดเห็นที่: 6 / 11 : 623708
โดย: Yut13
อย่าลืมว่าปกติจะมีกระแสส่วนหนึ่งเลี้ยงอุปกรณ์บางอย่างเช่นวิทยุ นาฬิกา ECU อยุ่นะแต่ไม่ควรเกิน 50 มิลลิแอมป์ เขาเรียกว่า Ghost current ลองดูในคู่มือซ่อมจะมีบอกไว้
วันที่: 07 Feb 11 - 00:47

 ความคิดเห็นที่: 7 / 11 : 623936
โดย: สี่ดอ ล้อสาม
ผมมว่า ถ้าเอา แบตออกแล้ว วัดไฟ +12V กับ GND มันก็ควรจะมี ไฟอยู่ปกติแล้วล่ะครับ
ไฟอาจค้างอยู๋ใน capacitor หรือ หรือวงจร ไฟฟ้าในรถยนต์
ยิ่งถ้ามี power amp แล้วค้างนาน
ทดลองเอา หลอดไฟ 12V สัก 10-20W มาต่อ
ไม่เกิน 3 วิ หายหมดแน่นอน

ไม่ต้องซีเรียสครับ เรื่องปกติ
วันที่: 07 Feb 11 - 22:23

 ความคิดเห็นที่: 8 / 11 : 623939
โดย: สี่ดอ ล้อสาม
อ่อ อ่านผิดจุดไปครับ ขอโทษด้วย

ต้องพูดว่ามีไฟฟ้าไหลในระบบ โดยที่ไม่ ติดเครื่องยนต์

มันต้องว่ากันเป็น mA ครับ
ถ้า เกิน 2A นี่ไม่ปกติ แต่ปกติ ควรจะไหลได้ประมาณ 5-900 mA ครับ
แต่ปกติ ไฟเลี้ยง ECU กล่องต่างๆอยู่แล้วนะ

แหะๆ หน้าแตกเลยไม่อ่านให้ดีซะก่อน

ลิมบอกไป ถ้าไม่มีมิเตอร์ วัดกระแส
ให้หาตัวต้านทานสัก 0.5 - 1 โอมมาต่อ จาก สายลบลงแบต
แล้ววัดไฟคร่อม R
V=IR ก็จะได้กระแส เอาไว้ดูง่ายกว่าครับ
วันที่: 07 Feb 11 - 22:29

 ความคิดเห็นที่: 9 / 11 : 624037
โดย: srithanon
ขออนุญาตเสริมหน่อยนะครับ ปกติแล้วผมจะตอบกระทู้ยาวกว่าท่านอื่น เพื่อให้น้องๆและเพื่อนๆได้เข้าใจการทำงานของระบบ ว่ามันทำงานอย่างไร และทำไมมันถึงเสีย คงไม่ได้ออกมาโชว์ว่าเป็นผู้รู้หรือเก่งอะไร ก็คงรู้เท่าๆกับทุกท่านนั่นแหละครับ ผิดบ้างถูกบ้าง บางครั้งที่พวกเพื่อนๆสมาชิกรู้ ผมก็ยังไม่รู้ ก็มาแชร์ประสบการณ์ความรู้เล่าสู่กันฟัง ผิดบ้างถูกบ้าง ก็โปรดอภัยด้วยนะครับ
ขอตอบกระทู้ของคุณ Tui ดังนี้ครับ
ที่บอกว่าไฟรั่วลงกราวด์ ผมอ่านดูแล้วก็ยังไม่เครียร์ หมายถึงอย่างไร รั่วลงกราวด์จนกระแสไฟในแบ็ตเตอรี่หมด สตาร์ทรถไม่ได้ หรือรั่วเพราะมีการใช้กระแสไฟของแบ็ตเตอรี่ ของอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้กระแสไฟในรถ ในขณะที่เราปิดสวิชท์กุญแจรถ การรั่วแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการรั่วของกระแสไฟ แต่เป็นการใช้กระแสไฟของแบ็ตเตอรี่ ของอุปกรณ์เครื่องเสียง ที่มีกระแสไฟส่วนน้อยไปจ่ายเลี้ยงวงจรเมมโมรี่ของเครื่องเสียง วิทยุ นาฬิกา ระบบวงจรป้องกันขโมยและอื่นๆ แต่กระแสที่จ่ายไปนั้นน้อยมาก เป็นมิลิแอมป์ ประมาณร้อยสองร้อยมิลลิแอมป์ หรือ 0.1-0.2 Amp หากเป็นดังที่กล่าวมาไม่ถือว่ามีไฟรั่วลงกราวด์ แต่ถ้าหากมีการใช้กระแสไฟมากกว่าที่กล่าวมานั้น เช่น สองสามแอมป์ ประเภทนี้ ถือว่า มีการรั่วของกระแสไฟเกิดขึ้นแล้ว และกระแสไฟที่รั่วนี้ มันมาจากส่วนไหนของระบบไฟรถได้บ้าง ก็ตรวจสอบได้ไม่ยากอะไร ผมจำได้ว่าเคยตอบกระทู้เรื่องแบ็ตเตอรี่ เก็บไฟไม่อยู่ อาจจะมาจากแบ็ตเตอรี่เสื่อม หรือมีการรั่วของระบบไฟ ตรวจสอบอย่างไร ผมจะแนะนำแบบเคร่าๆในที่นี้อีกครั้ง
ในกรณีที่คิดว่า เกิดมีกระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่รั่วลงกราวด์ ให้ทำตามนี้ครับ
หาแอมป์มิเตอร์ ขนาดวัดกระแส มีย่านการวัดของกระแสไฟ ประมาณ 10- 15 Amp ทำไมถึงให้ใช้แค่นี้ ทั้งๆที่กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่มีมากถึง 60-70 Amp เพราะว่าเราวัดกระแสไฟที่คิดว่ารั่วลงกราวด์ จะมีกระแสไฟ ตั้งแต่1- 2 Amp cและไม่น่าจะเกิน 5 Amp เราใช้แอมป์มิเตอร์ที่มีย่านการวัดกระแสสูงสุดไม่เกินสิบห้าแอมป์(สำหรับแอมป์มิเตอร์ที่เป็นเข็มชี้) ทั้งนี้เพื่อให้การอ่านกระแสไฟ บนหน้าปัทม์มิเตอเข็มชี้กลางสเกล จะอ่านได้ถูกต้องกว่า ขนาดแอมป์มิเตอร์ที่มีย่านการวัดกระแสสูงเท่ากับแบ็ตเตอรี่ จะทำให้อ่านค่ากระแสที่วัดได้ไม่ละเอียด เพราะเข็มชี้บอกกระแสขยับขค้นนิดเดียว
แต่ถ้าหากเป็นแบบดิจิตอล ก็ตั้ง Rang ของการวัดกระแสที่ต่ำๆลงมา เช่นที่ Rang วัดไม่เกิน 10 Amp
ในกรณีที่ใช้แอมป์มิเตอร์ที่ใช้แบบเข็มชี้ ก็ให้ทำตามนี้ ให้ถอดสายไฟที่ขัวบวกของแบ็ตเตอรี่ออก สายไฟตรงขั่วนี้จะถูกขันน๊อตกับตัวปลอกที่ครอบขั่วของแบ็ตรวมเป็นจุดเดียวกัน ให้เรานำสายบวกของแอมป์มิเตอร์ ต่อเข้ากับขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ สายลบของแอมป์มิเตอร์ ก็หนีบเข้ากับขั่วบวกของขั่วสวมบวกของแบ็ตที่ถอดออกมา (ช่วงนี้ห้ามสตาร์ทเครื่องและบิดสวิชกุญแจมาที่ต่ำแหน่ง on ) ให้ดูที่เข็มมิเตอร์แอมป์ ว่าเข็มชี้อ่านกระแสได้เท่าใด หากอ่านได้ต่ำตามที่กล่าวมาตอนต้น คือไม่เกินสองร้อยมิลลิแอมป์ ก็ถือว่าปกติ หากอ่านได้ตั้งแต่สองแอมป์ถึงห้าแอมป์โดยประมาณ ให้ถือว่ามีการรั่วของกระแสไฟลงกราวด์ ในขั้นตอนนี้ ขั้นแรกให้เราเอาสายไฟเส้นที่มาจากขั่ว B ของไดน์ชาร์ทออก ขั่วนี้ก็คือสายไฟที่ต่อไปขั่วบวกของแบ็ต เพื่อชาร์ทกระแสให้แบ็ต เมื่อเราเอาออกแล้ว ให้ดูที่เข็มแอมป์มิเตอร์ว่ามันชี้ลดลงหรือไม่ ถาลดลงมาต่ำกว่าหนึ่งแอมป์ ถือว่า ตัวไดโอดเร็คติฟลายตัวใดตัวหนึ่งในไดน์ชาร์ท ชอร์ท ทำให้กระแสไฟที่มาจากแบ็ตเตอรี่ มีกระแสไฟไหลผ่านตัวไดโอดเร็คติฟลายลงงกราวด์ ก็ถอดเอาไดฯชาร์ทไปทำการซ่อม
แต่ถ้าหากว่าเอาสายไฟที่ว่านี้ออกแล้ว เข็มของแอมป์มิเตอร์ไม่ลดลง ให้ทดลองปลดฟิวส์หรือสายไฟบวก ที่เอาไปจ่ายให้กับอุปกรณ์เครื่องเสียงออกทีละชุด แต่ละชุดที่เอาออก ก็ให้ดูที่เข็มของแอมป์มิเตอร์ที่ชี้อ่านกระแสไฟในช่วงแรก ว่าลดลงหรือไม่ หากสมมุติว่ามีชุดหนึ่งชุดใด ดึงเอาออกแล้ว ทำให้เข็มชี้ของแอมป์มิเตอร์ลดลง แสดงว่าที่อุปกรณ์นั้น เกิดมีไฟรั่วลงกราวด์ในตัวอุปกรณ์นั้น ก็ถอดออกมาตรวจเช็คแก็ไข ก็เป็นแนวทางในการตรวจเช็คเรื่องไฟรั่วลงกราวด์ ประเภทที่ทำให้กระแสไฟของแบ็ตเตอรี่หมด หลังจากจอดรถค้างคืน แล้วตอนเช้ามาสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วไม่มีกระแสไฟสำหรับมอเตอร์สตาร์ท ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ หากท่านเจ้าของกระทู้สงสัยก็ลองทำตามที่แนะนำดูครับ
...srithanon
วันที่: 08 Feb 11 - 11:03

 ความคิดเห็นที่: 10 / 11 : 624178
โดย: tui.
ขอขอบคุณ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ของพี่ ๆ ทุกคนด้วยครับ มีความรู้มากขึ้นอีกเยอะเลยครับ..
วันที่: 08 Feb 11 - 20:40

 ความคิดเห็นที่: 11 / 11 : 678793
โดย: Adulkij
ผมขอเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ครับ
วันที่ ๒๘ ตุลาคมที่ผ่านมาผมจะเดินทางกลับต่างจังหวัดขณะที่รถผมอยู่แถวบางแคตอนกลางคืน ก็มีสัญญาณแบตเตอรี่เตือนที่หน้าปัต จากนั้นผมจึงยกเลิกการเดินทางโดยผมคิดว่าปัญหาน่าจะมาจากแบตเตอรี่ แวะที่ร้านแบตเตอร์รี่มาจากร้านแถว ถ.พระราม 2 กล้กับบิ๊ก C โดยช่างแจ้งว่าแบตเสื่อมต้องเปลี่ยนแบต หลังจากเปลี่ยนเบตแล้วไฟเตือนก็ยังไม่หายช่างบอกว่าต้องตรวจสอบไดนาโมอีกครั้งเนื่องจากทางร้านจำหน่ายแบตเพียงอย่างเดียว ผมจึงยกเลิกการเดินทางไปต่างจังหวัด วันที่ ๒๙ ตุลาคมผมไปที่ศูนย์ซ่อมรถยนต์เพื่อเปลี่ยน ไดนาโม จากนั้นผมจึงเดินทางไปต่างจังหวัดและกลับมาวันที่ ๒ พ.ย. จากนั้นวันที่ 12 พย. สตาร์ทรถไม่ได้เลยเนื่องจากไฟไม่มี ผมจึงขอคีบแบตจากเพื่อนบ้าน และไปหาร้านแบต ช่างที่ร้านบอกแบตปกติ หากเจอปัญหาให้กับมาอีกครั้ง วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ผมใช้รถครั้งสุดท้าย พอวันที่ ๑๗ จะใช้รถปรากฏว่าไฟหมด ผมจึงคีบแบตแล้วไปที่ร้านอีก ช่างตรวจสอบแจ้งว่า รถผมมีไฟรั่ว ประมาณ 0.27 A ตอนวัดถอดกุญแจแต่วิทยุ นาฬิกายังอยู่ ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าไฟแค่นี้จะทำให้รถผมไฟหมดได้ ช่างบอกว่าแบตปกติให้ผมไปซ่อมไฟรั่วก่อน ผมเสียเวลากับร้านนี้มากเพราะอยู่ไกลกับร้านมาก ช่างบอกว่าถ้าเคลมต้องใช้เวลา 2 เดือน ตอนนี้ให้แบตสำรองมาให้ผมใช้ก่อน
ส่วนแบตผมจะลองทำการชาร์ตดูอีกครั้ง
๑ ผมไม่ทราบว่าจะมีวิธีพิสูจน์ได้อย่างไรว่าแบตเสื่อม
๒ บริษัทผู้ผลิตจะมีส่วนในการรับผิดชอบอย่างไรบ้าง
๓ กระแสไฟของผมที่วัดได้โดยช่างถอดขั้วแบตออกแล้วต่อแอมป์อนุกรม 0.27A ผิดปกติหรือไม่
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
อดุลย์
วันที่: 18 Nov 11 - 01:34