Close this window

หมอฝึกหัดตามโรงพยาบาลรัฐ เกือบทำพ่อผมตาย
พ่อผม ปวดท้องอย่างรุนแรง ถึงขั้นเดินไม่ได้ ผมได้พาพ่อผมเข้าฉุกเฉินที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต (ขอเอ่ยชื่อเลยนะครับ ไม่เกรงใจแล้ว) ไปเจอหมอฝึกหัดเข้าเวรอยู่ เป็นผู้หญิง ท่าทางเธอทั้งเชิด ทั้งหยิ่งมาก

ด้วยความที่พ่อผมเป็นคนแก่ (อายุ 74) แกพยายามอธิบายอาการแกให้หมอคนนั้นฟังอย่างยากลำบาก พูดวกไปวนมาตามประสาคนแก่ พูดไม่ทันจบประโยคพ่อผมโดนด่าสวน ผมซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเริ่มไม่พอใจ แต่ก็ยังใจเย็น

ผมกระซิบบอกพ่อผมว่า ค่อยๆ พูดทีละประโยค พูดเฉพาะแต่ที่หมอถามนะ

คราวนี้หมอคนดังกล่าวจึงได้หันมาถามผมแทน ซึ่งเธอก็พูดกับผมเหมือนกับผมเป็นตาสีตาสาโง่ๆ แถมตะคอกผมอีกต่างหาก ผมก็ยังใจเย็น

ตรวจพ่อผมเสร็จ เธอก็ไม่พูดไม่บอกไม่กล่าวอะไรผมกับพ่อผมเลย เธอเดินเชิดหน้าออกไปคุยกับพยาบาลข้างนอกอย่างใจเย็น จากนั้นเธอก็ให้พยาบาลหน้าห้องเรียกคนไข้คนต่อไปเข้ามา แต่เธอไม่ยักกะบอกให้ผมกับพอผมออกไปก่อน ประมาณว่า กูตรวจแล้วพวก *_* ยังเสีอกนั่งอยู่อีกเหรอ ไม่รู้จักไปเองซะที

****ผลตรวจคือ เธอบันทึกว่าพ่อผมเป็นโรคกระเพาะ พร้อมสั่งยาโรคกระเพาะให้หนึ่งชุด.....


ผมจึงกลับไปทำงานที่ จ,เลย ปล่อยให้พ่อผมอยู่บ้านที่กรุงเทพต่อ โดยเบาใจแล้วว่าเป็นแค่โรคกระเพาะ
...........................................................

อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ผมรีบกลับจาก จ.เลย มาหาพ่อผมที่กรุงเทพ เห็นสภาพพ่อผมแล้วท้องบวมมาก บวมเหมือนคนท้องแก่ เดินไม่ได้ ร่างกายเหลือง ตาเหลือง สภาพหนังหุ้มกระดูก ตามหน้าแข็งกับเท้ามีรอยผิวหนังไหม้เป็นแผล

ผมรีบพาพ่อผมเข้าโรงพยาบาลเดิมอีก เข้าไปต้องรอคิว นานมากๆ ทำไม่เขาไม่มีระบบคัดกรองผู้ป่วยธรรมดากับผู้ป่วยฉุกเฉินให้ดี พ่อผมก็นั่งหน้าเหลืองอยู่ยังงั้นตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง หมอกับพยาบาลมันยังมีหน้าพักเที่ยงอีก คนไข้คนป่วยครึ่งค่อนโรงพยาบาลนั่งโอดโอยกัน ข้าวก็ไม่กล้าไปกินกัน กลัวไม่ได้คิว ขนาดธนาคารเขายังผลัดกันไปพักเที่ยงเลย อันนี้มันเล่นพักพร้อมกัน ซ้ำมันยังเข้ามาเรทอีกต่างหาก

กินข้าวสำคัญกว่าชีวิตคนงั้นหรือ เป็นผม ผมจะเรทเวลากิน สลับกันไปกิน หรือรีบกินรีบมา โรงพยาบาลนี้ระบบการจัดการ เชี่..มาก ไม่ใช่พ่อแม่พวกมัน มันคงไม่เดือนร้อนอะไร

ตอนบ่ายพ่อผมได้คิว มันยังไม่ตรวจหมดทุกอย่างทันที ซ้ำมันยังนัดให้มาตรวจต่ออีกอาทิตย์หน้า....

ผมไม่ไหว...ผมเลยพาพ่อผมออกจากที่นั้นเดี๋ยวนั้นเลย ผมพาพ่อผมมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า (เป็นโรงพยาบาลตามบัตรทอง) ไปถึงโรงพยาบาล มีพนักงานรีบเอารถเตียงมารับ สอบถามอาการ แล้วส่งลัดคิวไปห้องฉุกเฉินทันที.....

หมอได้ทำการเจาะน้ำในท้องออกมาได้ 4 ลิตร และตรวจเลือด ตรวจน้ำดี ฯลฯ เดี๋ยวนั้น หมอสามคนมุ่งมาที่พ่อผมคนเดียว....

****ผลตรวจออกมาว่า พ่อผมเป็นโรคตับอักเสบ ระยะกลาง มาช้าไปรักษาไม่ทันและไม่หาย ต้องกินยายับยั้งเซลล์ตับที่เสียไม่ให้ขยายตัว

ไม่เกี่ยวกับโรคกระเพาะสักนิด

ผมโง่เองที่พาพ่อผมไปหาหมอที่ธรรมศาสตร์รังสิต และโง่ที่เชื่อคำวินิจฉัยของหมดฝึกหัดว่าพ่อผมเป็นโรคกระเพาะ โง่ที่หลงเชื่อแล้วก็วางใจปล่อยพ่อผมไว้.....

ทุกวันนี้ อาการพ่อผมมีแต่ทรุดหนัก กินไม่ได้ เดินไม่ได้ เวลากินต้องบังคับกิน ซ้ำยังมีอาการทางประสาทมาแทรกเหมือนคนกึ่งบ้ากึ่งดี
.....................................................................

สำหรับ ร.พ. ธรรมศาสตร์

- ทำไมปล่อยหมอฝึกหัดมารักษาคนไข้ ชีวิตคนมันทดลองได้เหรอ
- กริยามารยาท ได้สอนกันในชั้นเรียนบ้างไหม ผมชื่นชมที่เขาเก่ง เขาเรียนหมอ แต่ผมสมเพชที่เขาขาดความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
- ผมอายุ 30 ทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ตำแหน่งทางวิชาการระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผมชอบแต่งตัวธรรมดา เสื้อยืด กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ ผมดูท่าทางหน้าโง่มากใช่ไหม ตอนแรกโขกสับผมกับพ่อผมอย่างกับไปขอทาน พอตอนหลังเห็นตำแหน่งผมในใบประวัติคนไข้ สีหน้าอ่อนลงเยอะ นี่หรือคือค่านิยมไทย มารยาทไทยที่ น.ศ.แพทย์พึงมี...

หรือพวกเขาคิดว่า เขาเก่ง เขาดี เขาเป็นหมอ ใครจะรอดไม่รอดอยู่ที่เขา เขาคือพระเจ้า เขาคืออาชีพที่สูงที่สุดในประเทศ ใครก็ต่ำกว่าเขา เขาสูงกว่าคนทุกคน

บัดซบประเทศไทยจริงๆ
โดย: ตั้ม ดนตรี   วันที่: 17 Aug 2011 - 10:00

หน้าที่: 1   [2]

 ความคิดเห็นที่: 21 / 21 : 806691
โดย: 85
แม่ดิฉันเป็นไข้เลือดออก หมอโรคพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง บอก แม่กล้ามเนื้ออักเสบ
เอ้อ ประเทศไทย
วันที่: 06 Feb 14 - 19:57

หน้าที่: 1   [2]