Close this window

ขอความรู้เรื่องแบตรถยนต์กับใด้ชาจร์ครับผม
ขอความรู้เรื่อง แบตรถยนต์ ครับ
1 แบตรถยนต์ มีหน้าที่อะไรกันแน่ครับ วันก่อน รถแฟนดับกลางอากาศ ผมไปหาซื้อเกือบ 2 ชั่วโมงใด้กว่าเสร็จ ถามคนขายเค้าบอกว่า แบตรถยนต์ ***ทำหน้าที่สำรองไฟเท่านั้น***ใช้ตอนสตาร์กับสำรองไฟเท่านั้นเมื่อไฟในรถไม่พอครับไม่จำเป็นต้องใช้ใหญ่กว่าเดิม จาก 45 Amp ครับ

2 ไดชาจร์ ทำหน้าที่ปั่นไฟสำหรับใช้ในรถทั้งหมดเมื่อเริ่มสตาร์ติด ไฟจะพอหรือไม่พอขึ้นอยู่ที่ไดชาจร์ดีหรือไม่ดี***ไดชาจ์ดีปั่นไฟใช้ในรถพอแล้วก็ชาจร์แบตใด้ด้วย*** งงเลยผม มันสวนทางกับความรู้ที่ใด้มาแบบรวม ( ไม่รู้ถูกหรือเปล่าครับ ) คนขายแบตบอกว่าไดชาจร์ดีต้องถอดแบตออกตอนรถสตาร์ติดแล้วเครื่องรอบไม่ตกไม่ดับรวมถึงเปิดระบบไฟทั้งหมดได้ด้วยถึงเรียกว่าดี

แบต สำคัญตอนสตาร์กับสำรองไปเมื่อไฟในรถไม่พอซื่งน้อยมากเมื่อใดชาจร์ปั่นไฟพอ
ไดชาจร์ ปั่นไฟต้องพอกับการใช้งานในรถทั้งหมดและชาจร์ไฟแบตสำรองใว้ใด้ด้วย

ขอบคุณทุกท่านครับผม ( นั่งคุยกับคนขายแบตตอนชาจร์แบตใหม่ซะเกือบชั่วโมงเลยระหว่างรอ )
จะใด้ทำความเข้าใจซะใหม่ครับผม
โดย: Pe323   วันที่: 29 Jun 2012 - 09:13


 ความคิดเห็นที่: 1 / 14 : 721298
โดย: วิตต์
ขอแชร์ความรู้ด้วยคนนะครับ
แบตมีหน้าที่เก็บไฟไว้ใช้ตอนสตาร์ท ถูกต้องครับ
ไดชาร์จมีหน้าที่ปั่นไฟใช้ในระบบถูกต้องครับ
ไดชาร์จมีหน้าที่เติมไฟให้แบต ถูกต้องครับ
รถจะเอาไฟจากไดชาร์จไปใช้ก่อนถ้าไม่พอจึงจะดึงจากแบตไปใช้ครับ

แต่ ระบบไฟในรถบางรุ่นไม่สามารถทดสอบไดชาร์จโดยการถอดขั้วหม้อนะครับ เพราะถอดเมื่อไหร่ ดับทันที โดนเฉพาะรถรุ่นใหม่ๆ เพราะไฟจากไดชาร์จไปเลี้ยงระบบไม่เพียงพอ ต้องใช้ไฟจากแบตด้วย หรือต้องเร่งเครื่องช่วยจะไม่ดับ ถ้าเดินเบาอยู่ ดับสนิทครับ
ดังนั้นในภาวะที่รถใช้รอบต่ำๆ จอดติดไฟแดง รถจึงต้องใช้ไฟทั้งจากไดชาร์จและจากหม้อแบตพร้อมๆกันและการเปลี่ยนแบตให้แอมป์สูงจำเป็นมั้ย ถ้ารถเดิมสนิท ก็ไม่จำเป็นครับ รถผมเพิ่มเครื่องเสียงมานิดหน่อย มีตู้มีซับ10นิ้วคู่นึง เพาเวอร์ ก็เปลี่ยนแบตให้แอมป์สูงขึ้น เพื่อ เวลาขับรถกลางคืน เปิดไฟหน้า เปิดแอร์ เปิดเครื่องเสียง รถจะได้มีไฟเพียงพอ ไม่วูบๆวาบๆ กับเวลาเปิดเพลงฟังตอนดับเครื่อง จะได้ไม่ต้องเข็นกระตุก

สำหรับผม ไดชาร์จดียังไง ก็ไม่สามารถปั่นไฟเพียงพอได้ครอบคลุมทุกสภาวะการใช้รถของเราแน่นอน แบตที่ดีจึงยังจำเป็นครับ
วันที่: 29 Jun 12 - 10:26

 ความคิดเห็นที่: 2 / 14 : 721322
โดย: Pe323
ขอบคุณคุณ วิตต์ มากครับผม จะใด้เข้าใจเพิ่มมากขึ้นไม่งั้นเดี๋ยวงานเข้าไม่รู้ตัวเลย
วันที่: 29 Jun 12 - 11:48

 ความคิดเห็นที่: 3 / 14 : 721330
โดย: Fujiwara Takumi
วันที่: 29 Jun 12 - 12:02

 ความคิดเห็นที่: 4 / 14 : 721333
โดย: Yut13
เมื่อใดที่ไฟจากแบตร่วมจ่ายเข้าระบบด้วยแสดงว่าเจ้าตัวอัลเทอร์เนเตอร์ไม่สามารถจ่าไฟได้เพียงพอแล้ว คิดง่ายๆแบตมีแรงดันแค่ 12.x นิดๆแต่อัลเทอร์เนเตอร์มีระดับแรงดันปกติ 14.x สูงกว่าแบตกระแสไฟฟ้าไหลจากจุดที่แรงดันสูงกว่าเสมอ ตรงจุดร่วมก็มีแรงดันตรงนั้น 14.x โวลท์เมื้อแบตถูกขาร์ทเต็มก็จะมีกระแสไหลเข้าตัวมันเพียงเล็กน้อย กรณีที่จุดร่วมมีดันตกลงเท่ากับหรือน้อยกว่าแรงดัน
แบตแสดงว่าอัลเทอร์กำลังมีปัญหาจ่ายกำลังไม่พอ อาจจะเกิดมีโหลดของอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มขึ้นเช่นเครื่องเสียง การแก้ไขก็ต้องไปจัดการที่อัลเทอร์เนเตอร์นั่นแหละเช่นเพิ่มขนาดซึ่งก็จะทำให้ใช้กำลังเพิ่มประสิทธิภาพมันต่ำแค่ 60% คือจ่ายได้ 100 ก็ต้องใช้ป้อนกลับมาสร้างสนามแม่เหล็ก 60 โหลดขึ้นก็ต้องเร่งเชิ้อเพลิงเพิ่มขึ้น ส่วนแบตมันก็เป็นตัวสำรองใช้เริ่มการทำงานซึ่งก็ต้องใช้การเติมประจุจากตัวหลักคืออัลเทอร์เนเตอร์
วันที่: 29 Jun 12 - 12:07

 ความคิดเห็นที่: 5 / 14 : 721385
โดย: srithanon
ตอบตามนี้นะครับ
แบ็ตเตอรี่เป็นตัวเก็บพลังงานไฟฟ้า ที่ได้จากการเติมหรือชาร์ทกระแสให้กับตัวแบ็ตเก็บพลังงานไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้า ตามขนาดและปริมาณของการเก็บกระแส ความจริงแล้วในตัวแบ็ตเตอรี่มันก็มีกระแสไฟที่เกิดจากการทำปฏิกริยาทางเคมีในตัวของมันเอง มีกระแสไฟและแรงเคลื่อนโวลเต็จอยู่แล้ว เนื่องจากที่ตัวมันเองถูกดึงกระแสออกไปใช้ถายนอก ทำให้กะแสไฟที่เคยเก็บสะสมในตัวของมันลดลงไปตามโหลดที่ใช้กระแสไฟ

เมื่อกระแสไฟในหม้อแบ็ตต่ำลงก็จำเป็นที่จะต่้องทำการชาร์ทกระแสไฟ โดยการชาร์ทกระแสไฟที่มาจากตัวไดน์ชาร์ท ดังนั้นการใช้กระแสไฟท้งหมดมาจากแบ็ตเตอรี่โดยตรง ไม่ใช่มาจากตัวไดน์ชาร์ทโดยตรงตามที่เข้าใจ การจ่ายกระแสไฟที่ตัวไดน์ชาร์ท จะจ่ายกระแสมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับโหลด หมายความว่าในตัวแบ็ตมันเป็นโหลดให้กับตัวไดน์ชาร์ท แบ็ตที่ถูกใช้กระแสไปมากจะทำให้ดูเหมือนว่ามีค่าความต้านทานมาก แบ็ตที่เมื่อมีการเก็บกระแสไฟไว้เต็ม หรือชาร์ทเต็มแล้ว ค่าความต้านทานที่เกิดขึ้นในตัวมัน มีค่าเสมือนศูนย์โอมห์ หรือใกล้ศูนย์โอมห์ ในทางปฏิบัติ เมื่อมีกระแสเต็มในตัวแบ็ต การที่กระแสไฟจากไดน์ชาร์ท ก็จ่ายได้น้อยหรือน้อยมากๆ

ไม่ใช่ว่าสเป็คของตัวไดน์ชาร์ทบอกว่า 60 Amp มันก็ตั้งหน้าตั้งตาจ่าย 60 Amp ตลอดก็หาไม่ ทำการตามโหลดก็เกิดขึ้นในตัวแบ็ตและจากโหลดภายนอก คงจำได้ว่าการตรวจเทสการทำงานของตัวไดน์ชาร์ท ว่ามีความสามารถ จ่ายกระแสได้สูงสุดเท่าใด เขายังบอกให้เปิดการใช้โหลดของกระแสไฟทั้งหมดเ เช่นเปิดไฟสูงหน้ารถ แอร์ .....ทั้งหมดที่ใช้กระแส แล้วเร่งรอบเครื่องยนต์ให้ไดน์ิผลิตกระแสออกมาทั้งหมด ว่าจ่ายได้กี่แอมป์ในเมื่อมีโหลดในขณะนั้น หรือจะเทสโดยการเทสตามสเป็คก็ต้องหาโหลด รีซิสแต้นซ์ มาเป็นโหลดแทนของจริง ว่าหากจ่ายกระแสไฟที่ 60 Amp จะใช้ค่าความต้านทานของโหลดริซิซแตนซ์กี่โอมห์(ใกล้ศูนย์โอมห์) ที่ทำให้ไดน์ชาร์ทกระแสออกมาเต็มตามสเป็คและจำนวนรอบเครื่องยนต์ที่ใช้หมุนไดน์ที่สามารถจ่ายกระแสสูงสุดที่มันสามารถทำได้

ดังนั้นไดน์ชาร์ทไม่ใช่ตัวจ่ายกระแสไฟให้กับโหลดโดยตรงตามที่เข้าใจ กันครับ ประการสำคัญกระแสไฟที่ได้จากตัวไดน์ชาร์ท ยังมี Ripple current ไม่เหมาะกับการที่โหลดจะใช้ได้เทียบเท่าไฟกระแสตรงจากในแบ็ต.......srithanon
วันที่: 29 Jun 12 - 15:54

 ความคิดเห็นที่: 6 / 14 : 721392
โดย: Fujiwara Takumi
จุดประสงค์ของการใช้แบตเตอรี่
1. จ่ายพลังงานให้สตาร์ทเตอร์และระบบจุดระเบิดของเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน
2. จ่ายพลังงานส่วนเกินให้กับรถยนต์เมื่อการใช้ไฟฟ้าในรถยนต์เกินปริมาณที่ระบบชาร์จไฟในรถยนต์สามารถผลิตได้
3. รักษาระดับโวล์ทเทจของระบบไฟฟ้าในรถยนต์ให้คงที่ ช่วยป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ให้เกิดความเสียหาย

แบตเตอรี่ เป็นอุปกรณ์จัดเก็บ และจ่ายกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งรวมพลังไฟฟ้าของรถครับ
แบตเตอรี่ให้กระแสไฟฟ้าแก่รถในการสตาร์ทเครื่องโดยการจ่ายไฟฟ้าให้แก่ไดร์สตาร์ทเพื่อให้เครื่องยนต์ติด จากนั้นระบบไฟฟ้าที่ใช้ในรถจะมาจากไดชาร์จนะครับ ยกเว้นกรณีการใช้อุปกรณ์บางอย่างเช่นใบปัดน้ำฝน ไฟหน้ารถ ไฟเลี้ยว ฯลฯ จะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ช่วยในการทำงาน แบตเตอรี่ที่ติดรถเรียบร้อยแล้วจะได้รับการเติมไฟฟ้าจากไดร์ชาร์จเมื่อกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ลดลงเนื่องจากการนำกระแสไฟฟ้าไปใช้ ( โดยกระบวนการชาร์จไฟนี้จะทำงานในขณะที่เครื่องยนต์ติดเท่านั้นครับ )

ดังนั้นแบตเตอรี่รถยนต์ไม่ใช่แหล่ง ผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดร์ชาร์จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืนซึ่งใช้ระบบไฟเยอะกว่าปกติ ก็จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกันถ้าไดร์ชาร์จทำงานได้ดีขึ้น หรือ หมุนเร็วขึ้น ก็จะมีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน ซึ่งก็จะถูกส่งกลับเข้าไปยังแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง (แบตเตอรี่) จนกว่าจะเต็มแบตเตอรี่จะถูกจ่ายไฟออกอย่างเดียวก็เฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้นครับ เพื่อส่งกระแสไฟเข้าสู่มอเตอร์สตาร์ท และ ระบบต่างๆของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติด และ ทำงานแล้ว ไดร์ชาร์จก็จะทำหน้าที่ประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า กระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายออกไป และ ถูกประจุเพิ่มเข้าไป หมุนเวียนเข้าออกแบตเตอรี่อยู่เสมอ ไม่ได้จ่ายออกไปจนหมดอย่างเดียวครับท่าน อิอิ
วันที่: 29 Jun 12 - 16:30

 ความคิดเห็นที่: 7 / 14 : 721394
โดย: Fujiwara Takumi
ในกรณีที่แบตเตอรี่หมดต้องนับว่าเป็นความผิดปกติ ไม่ใช่หมดแบบถ่านไฟฉายทั่วไป
มี 2 กรณีครับ คือ หมดเพราะเก็บไฟไม่อยู่/แบตเตอรี่หมดอายุ (หลังใช้แบตเตอรี่ไป 1.5-3 ปี) หรือระบบไดชาร์จบกพร่องครับ
รถยนต์ที่ใช้งานแบตเตอรี่ยังไม่หมด สภาพและระบบไดชาร์จปกติ แบตเตอรี่ไม่มีการหมดโดยมีการประจุและใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนกันตลอด แบตเตอรี่มีการใช้ไฟออกอย่างเดียวเฉพาะช่วง สตาร์ทเครื่องยนต์ ที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ไดสตาร์ทและระบบต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานแล้ว ไดชาร์จ (หรือยุคใหม่นี้จะเป็นอัลเตอร์เนเตอร์ แต่ก็ยังเรียกรวมว่าไดชาร์จอยู่ดีครับ ) ก็จะทำหน้าที่ประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง
โดยมีคัตเอาต์ ( ทั้งแบบแยกหรือแบบรวมกับตัวไดชาร์จ ) ทำหน้าที่ควบคุมการตัดการประจุ เมื่อไฟฟ้าเต็มแบตเตอรี่และประจุต่อเมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เต็มหรือพร่องลง

ไดชาร์จ
อุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า เมื่อถูกหมุนด้วยเครื่องยนต์/ผลิตไฟฟ้าเมื่อถูกหมุนครับเจ้านาย อิอิ

ไดสตาร์ท
อุปกรณ์ไปรับกระแสไฟฟ้าเข้าไปเพื่อสตาร์ทหมุนเครื่องยนต์แล้ว ก็หมดหน้าที่/รับกระแสไฟฟ้า เพื่อหมุนตัวเองและเครื่องยนต์

หากงงให้เปรียบเทียบดังนี้ครับ
บ้านที่มีการใช้น้ำ = รถยนต์-เครื่องยนต์ที่มีการใช้ไฟฟ้า

ปั๊มน้ำ = ไดชาร์จซึ่งทำหน้าที่ประจุไฟฟ้าโดยมีการแปรผันตามรอบเครื่องยนต์ด้วยรอบต่ำ หรือจอดเดินเบาก็ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ไม่เต็มที่จนกว่าจะถึงรอบปานกลางขึ้นไป

ถังน้ำสำรอง = แบตเตอรี่ เมื่อปั๊มยังไม่ทำงานหรือทำงานแต่ไม่เพียงพอ ( ไดชาร์จหมุนช้า หรือใช้ไฟฟ้ามาก ๆ เช่นตอนกลางคืน เปิดแอร์ ไฟหน้า เครื่องเสียงชุดใหญ่และที่ปัดน้ำฝน ) เริ่มต้นด้วยการจ่ายน้ำเข้าสู่บ้าน (เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทด้วยไดสตาร์ท) จากถังน้ำสำรอง ( แบตเตอรี่ ) โดยปั๊มน้ำ ( ไดชาร์จ ) ยังไม่ทำงาน เมื่อเข้าสู่ระบบปกติ ( เครื่องยนต์ทำงานแล้ว )
ปั๊มน้ำ (ไดชาร์จ) ก็ทำงานคอยส่งน้ำเข้าบ้าน พร้อมกับเสริมกลับเข้าสู่ถังน้ำสำรองที่พร่องลง ซึ่งก็แล้วแต่ว่าในตอนนั้นมีการใช้น้ำมากหรือน้อยกว่ากำลังการปั๊มในตอนนั้น เช่น ถ้าปั๊มน้อย (ไดชาร์จหมุนรอบต่ำ-รถยนต์จอดนิ่ง) แต่มีการใช้น้ำมากกว่าการปั๊มก็ต้องดึงน้ำมาจากถังสำรองมาใช้ควบคู่กัน เมื่อปั๊มแรงขึ้น (ไดชาร์จหมุนเร็ว) มีน้ำที่เหลือจากใช้งานแล้ว ก็จะถูกส่งกลับเข้าไปยังถังสำรองที่พร่องลง จนกว่าจะเต็ม

ถ้าเป็นไปตามวงจรนี้ไปเรื่อย ๆ ก็คือ เมื่อปั๊มได้เกินความต้องการและส่งกลับเข้าถังน้ำสำรองเต็ม (แบตเตอรี่) ปั๊มน้ำก็จะตัดการทำงาน (ไดชาร์จตัด โดยยังหมุนอยู่แต่ตัด ระบบการประจุไฟฟ้า ด้วยคัตเอาต์แบบในหรือนอกตัว) จนเมื่อ ๆ ใดที่ปั๊มไม่ทันหรือมีการใช้น้ำมากกว่าการปั๊ม ก็จะดึงน้ำจากถังสำรองมาใช้
ดังนั้นการที่มีถังน้ำสำรองใหญ่ ๆ ไว้จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะเท่ากับว่ามีกำลังไฟฟ้าสำรอง ไว้มากไม่ได้กินแรงปั๊ม (ไดชาร์จ) หรือทำให้ปั๊มทำงานหนักขึ้นแต่อย่างไร ปั๊มจะทำงานหนัก ก็ต่อเมื่อมีการใช้กระแสไฟฟ้ามากเกินกำลังของไดชาร์จอยู่เกือบหรือตลอดเวลาครับ เข้าใจบ่ เมื่อยแล้วเจ้านายนอนแหละ
วันที่: 29 Jun 12 - 16:36

 ความคิดเห็นที่: 8 / 14 : 721434
โดย: Pe323
ขอบคุณท่าน
Yut13
srithanon
Fujiwara Takumi
ครับผม ความรู้เพิ่มเติมเพียบเลย
วันที่: 29 Jun 12 - 21:34

 ความคิดเห็นที่: 9 / 14 : 721469
โดย: ปลาทู 626
นี่ . . . ระดับกูรูมาตอบทั้งนั้นเลย
เราก็พลอยได้ความรู้ไปด้วย
วันที่: 30 Jun 12 - 07:41

 ความคิดเห็นที่: 10 / 14 : 721507
โดย: Deen
เปรียบเที่ยบแบบนี้ได้เปล่าครับ

ไดร์ชาร์ท เปรียบเหมือนปั้มน้ำ สมมุติในระบบท่อ มีก็อกน้ำ 4 อัน

ก๊อกน้ำอันที่ 1 ให้เป็น ระบบไฟเครื่องยนต์
ก็อกน้ำอันที่ 2 ให้เป็นระบบแอร์
ก็อกอันที่ 3 ให้เป็น ระบบไฟแสงสว่าง
ก็อกอันที่ 4 ให้เป็น ระบบเครื่องเสียง

สมมุติเราเปิดก็อกแค่อันเดียว ก็ไม่มีปัญหา แรงดันน้ำปกติ ทีนี้ถ้าเราเปิด ก็อกอันที่ 2 ,3,4 แรงดันน้ำก็จะตก ทำยังไงเพื่อจะให้แรงดันน้ำเพียงพอต่อการเปิดก๊อกน้ำ 4 อัน เราก็ต้องเร่งเครื่องเพื่อเพิ่มแรงดันน้ำ

แต่ถ้าหาก ปั้มน้ำมันออกแบบให้แรงดันสูงสุด 12 บาร์ แต่ก๊อกน้ำ 4 ก็อกต้องการ 14 บาร์ เร่งเครื่องให้ตายยังงัย น้ำก็ไม่พอ จะแก้ยังไง เราก็ต้องไปหาปั้มน้ำที่ สามารถสร้างแรงดัน 14 บาร์ ขึ้นไป แต่ถ้าถ้าใช้แรงดันมากเกินไป ระบบท่อกับก็อกน้ำก็จะเสียหายอีก.....

ปัญหาต่อไปคือ ระบบก็อกน้ำทั้ง 4 ก็อก ต้องการแรงดันที่คงที่ แต่ปั้มน้ำ ถ้าเรารอบเครื่องต่ำแรงดันก็จะต่ำ เร่งเครื่องสูงแรงดันก็จะสูงตาม มันก็จะมีปัญหาอีก แรงดันต่ำ น้ำก็ไม่พอ แรงดันสูงไป ระบบก็จะเสียหาย...

ที่นี้หม้อแบตเปรียบเหมือนถังแรงดันพักน้ำ ที่รับน้ำมาจากปั้มน้ำ แล้วก็จ่ายน้ำไปก็อกทั้ง 4 ตัว
พอเราเปิดก็อก ปั้มน้ำก็ยังไม่ทำงาน เพราะมีแรงดันในถังพักน้ำ พอแรงดันต่ำถึงระดับหนึ่ง ปั้มน้ำก็จะทำงานเพื่อเติมน้ำให้กับถังพักน้ำ พอน้ำเต็มถังปั้มก็จะตัด..........น้ำที่ได้จากถังพักน้ำแรงดันก็จะคงที่ ถึงรอบเครื่องจะต่ำ จะสูงก็ไม่มีผลต่อแรงดัน

ถ้ารถรุ่นเก่าๆสตาร์ทเครื่องแล้วถอดแบตออกผมว่าไม่มีปัญหา ถ้าไม่เปิดแอร์ หรือไฟหน้า
แต่รถรุ่นใหม่ๆ ผมว่ายาก เพราะรถรุ่นใหม่ๆ ระบบไฟฟ้าเกือบทั้งนั้น แล้วระบบก็ต้องการแรงดันไฟที่ราบเรียบและนิ่ง ซึ่งไดร์ชาร์ทไม่สามารถสร้างแรงดันที่ราบเรียบ และนิ่งได้ แบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และสำคัญ สำหรับรถรุ่นใหม่.............


ความเห็นส่วนตัวล่วนๆนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
วันที่: 30 Jun 12 - 11:15

 ความคิดเห็นที่: 11 / 14 : 721512
โดย: วิตต์
เป็นกระทู้ที่ดีจัง

ในความคิดผมตามที่แชร์ไว้ข้างต้น ไดชาร์จไม่มีทางปั่นไฟได้เพียงพอตลอดและครอบคลุมทุกภาวะการทำงานของเครื่องยนต์แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นขนาดกี่แอมป์ เพราะมันไม่ได้ปั่นออกมาได้เต็มแอมป์ของมันตลอดเวลา ช่วงรอบเดินเบาเปิดแอร์เปิดไฟหน้า เปิดเพลง เรียบร้อยแน่ๆ
รถรุ่นใหม่ๆแต่รอบเดินเบาไฟจากไดชาร์จก็แทบจะไม่พอต่อความต้องการของรถแล้วครับ เอาตรงๆเลยรถอีซูซุดีแมกซ์ เครื่องยนต์2500รุ่นที่มีระบบเบรคเอบีเอส สสตาร์ทเครื่องติดถอดแบต ดับทันทีครับ อย่างที่ คห.10 บอกหน่ะครับ ส่วนแบตแอมป์สูง จะจำเป็นสำหรับรถที่เพิ่มอุปกรณ์ที่ใช้ไฟเยอะขึ้น เพื่อป้องกันแบตเสื่อมก่อนวัยอันควร เพราะว่า แบตจะมีการรับและจ่ายไฟอยู่ตลอด ถ้ารถเราใช้ไฟเยอะ ที่เก็บไฟสำรองก็ควรจะเก็บได้เยอะ ถ้าเราใช้แบตที่แอมป์น้อย พอมีการใช้ไฟที่เกินกำลังทำให้แบตมีการจ่ายหนักตลอด มันจะเสื่อมไวครับ แบตแอมป์สูงๆถึงจะมีการดึงไปใช้ในขนาดที่เท่ากัน มันก็กระทบกระเทือนน้อยกว่า
แต่ที่ว่ารถเดิมๆไม่จำเป็นเพราะ
1.มันแพงกว่า จะจ่ายแพงกว่าทำไมถ้าไม่ได้ใช้
2.มันใหญ่กว่า(ส่วนมากนะครับ มีที่ลูกเล็กแต่แอมป์สูงกว่าแต่น้อย)เปลืองพื้นที่ หนักรถ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
วันที่: 30 Jun 12 - 11:45

 ความคิดเห็นที่: 12 / 14 : 721547
โดย: Pe323
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับผม

ความรู้เพิ่มเติมใหม่ทั้งผมและท่านอื่นด้วยครับ
วันที่: 30 Jun 12 - 17:41

 ความคิดเห็นที่: 13 / 14 : 721733
โดย: ตาหนุ่ม
วันที่: 01 Jul 12 - 21:49

 ความคิดเห็นที่: 14 / 14 : 817527
โดย: เอ็ม..
พี่ๆ ครับปกติ แบต pana แบบกึ่งแห้ง.100 แอม จะมีรูระบายอากาศรูเล็กๆ มั้ยครับ????..

รถผมเวลาเปิดไดชาจ ตัวที่2 แล้วมันมีลมกับน้ำออกมา.ทำให้หน้ารถเหม็นมาก..

ขอรบกวนผู้รู้ด้วยครับ....
วันที่: 05 Aug 14 - 15:54