Close this window

ช่วยวิเคราะห์ทีครับ ปัญหารถไม่มีกำลังและรอบเดินเบา Cronos 93
Cronos 4D 4สูบ Auto 93 เครื่องเดิม FS DE จานจ่าย

ทนอ่านหน่อนะครับ อาการและข้อสงสัยตามนี้ครับ

1.ใช้น้ำมัน รอบเดินเบาตอนนี้ประมาณ 750 รอบไม่มีโหลด ถ้าเปิดโหลดต่างๆลดเหลือ 350-500 รอบ (ตัดเขาแก๊สรอบจะสูงขึ้นอีกจากรอบปกติ 50-100 รอบ ทั้งมีโหลดหรือไม่มีโหลด และเมื่อใช้รถจนเครื่องร้อนรอบจะสูงขึ้นอีก 50-100 รอบ ขับใช้งานไปตามปกติ 15-20 นาทีแล้วจอดสังเกตุรอบจะอยู่ที่ 900 รอบ ปิดโหลดต่างๆรอบจะสูงขึ้น 50-100 รอบ)

2. สตาร์ทเครื่องตอนเครื่องเย็นทิ้งไว้ 2-3 นาที เครื่องดับไปเอง สตาร์ทใหม่ติดปกติ ทิ้งไว้ 2-3 นาทีดับอีก สตาร์ทใหม่ติดปกติ แต่ถ้าเข็มความร้อนขึ้นไปอยู่ระดับปกติเกือบครึ้งแล้วจะไม่ดับ (น้ำมัน)
พัดลมหม้อนำ้จะทำงานที่ ON เลยตั้งแต่ได้รถมาแต่ถ้าเครื่องร้อนมากขึ้นพัดลมจะแรงขึ้นอีก 1 ระดับ

3. รอบตกเวลาแอร์ทำงาน, เวลาเบรค, เลี้ยว วลาเข้าเกียร์ D, R ตกลงจากรอบปกติด้านบนประมาณ 200-400รอบ (น้ำมัน&แก๊ส)

4. รถไม่มีกำลังตอนขึ้นเนินและตอนแซง(หรือมาช้ามาก) ความสูงระดับสะพานข้ามแยกทั่วไปในกทม (น้ำมัน&แก๊ส)

รถส่วนใหญ่ใช้แก๊ส ใช้น้ำมันวอร์มตอนเช้าหรือตอนเครื่องเย็น 2-3 นาที หรือตอนแก๊สหมด

เข้าปรึกษาช่าง...
แอร์โฟร์, ปีกผีเสื้อ, ISC น่าจะเสีย (ทดลองล้างและเปลี่ยนแอร์โฟร์อาการรถเหมือนเดิม)
ล้างและทดสอบ ปีกผีเสื้อ, ISC ช่างบอกไม่น่าจะเสีย (ทดลองป้อนกระแสไฟ)
ล้าง O2 (อาการรถเหมือนเดิม)
ช่างสงสัย ECU เป็นลำดับต่อไป (เหตุผล ECU อาจไม่สั่งงานในการชดเชยรอบ)

ข้อสงสัยของผม สตาร์ทเครื่องถอดปลั๊กแอร์โฟร์เครื่องวูบแต่ไม่ดับเสียบปลั๊กคืนดับ ถอดปลั๊กแอร์โฟร์สตาร์ทเครื่องติดบ้างไม่ติดบ้าง (ทดลองล้างและเปลี่ยนแอร์โฟร์อาการเหมือนเดิมไม่แน่ใจว่าเสียรึป่าว)

ตอนนี้ช่างต่อชดเชยรอบแอร์ของ tota ให้ก็ดีขึ้นตอนแอร์ทำงาน แต่อาการอื่นๆเหมือนเดิมครับ

วันอาทิตย์ลองทดสอบการกินแก๊สโดยเติมแก๊สที่ระดับเสียงลูกลอยดัง 300 บาท เดินทางจากดอนเมือง-ราชบุรี ความเร็ว 80-100 กม/ชม รถไม่มาก วิ่งจนได้ยินเสียงลูกลอยดัง ได้ 235 กม เข้าเติมแก๊สอีก 300 กลับเส้นทางเดิม ราชบุรี-ดอนเมือง-มีนบุรี ความเร็ว 50-90 กม/ชม (ฝนตกและรถมากกว่าขาไป) วิ่งจนได้ยินเสียงลูกลอยดัง ได้ 180 กม วิ่งทำธุระนู้นนี้ด้วยนะครับ
ขาไป 300 บาทได้ 235 กม = 1.27 / กม
ขากลับ 300 บาทได้ 180 กม = 1.66 / กม
รวม 600 บาทได้ 415 กม = 1.45 /กม
วิ่งใน กทม อย่างเดียว เติม 300 วิ่งได้ 145-170 กม = 1.76 - 2 บาท ตามสถาพจราจร
การกินแก็สถือว่าอยู่ในระดับปกติป่าวครับ

รบกวนพี่ๆช่วยวิเคราะห์และแนะนำทีนะครับ งบน้อยอยากซ่อมให้ตรงจุด
ขอบคุณครับ เอ
โดย: เอ   วันที่: 20 Sep 2012 - 12:37


 ความคิดเห็นที่: 1 / 19 : 741609
โดย: srithanon
อาการน่ารู้จักคบหาทั้งนั้น เอาอย่างนี้นะครับ ก่อนอื่นอยากให้ทำในเบื้องต้น ตรวจสอบเรื่องมุมองศาการจุดระเบิด ว่าถูกต้องหรือไม่ รวมถึงกำลังอัดของเครื่องยนต์ ว่ากำลังอัดแต่ละกระบอกสูบมีกำลังอัด ตกลงหรือเปล่า ไม่ทราบว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นระบบไฮโดรลิคส์วาวล์หรือไม่ หากไม่ใช่ ให้ช่างทำการตั้งวาวล์ใหม่ พร้อมทั้งตรวจสอบมุมองศาการจุดระเบิดให้ถูกต้องด้วย เพราะฟังอาการที่คุณบอกมา น่าจะมาจาก มุมองศาการจุดระเบิดไม่ตรง ทำให้กำลังอัดของเครื่องยนต์ที่ได้จากการจุดระเบิดต่ำ เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง และยังเป็นปัจจัยมีผลต่อรอบเดินเบาของเครื่องยนต์

หากเครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบไฮโดรลิคส์วาวล์ ทางที่ดีควรนำไปให้ช่าง แก้ไขตรวจซ่อมเรื่องบ่าวาวล์ อาจจะต้องยอมเปิดฝาสูบออกมา เพื่อทำให้บ่าวาวล์ปิดสนิท รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขเรื่องวาวล์ ช่างควรจะรู้ว่าทำอย่างไรกับระบบวาวล์ไฮโดรลิคส์ และสุดท้ายเมื่อระบบวาวล์ไฮโดรลิคส์ ทำงานถูกต้องในการเปิดเปิดวาวล์ ตามการเคลื่อนที่ของต่ำแหน่งแต่ละลูกสูบ รวมทั้งตั้งองศาไฟ ได้ตรงมาร์คของเพลาข้อเหวี่ยง
และต่อจากนั้นตรวจสอบเรื่อระบบไฟจุดระเบิด ว่ามีไฟแรงสูงตกลงหรือไม่ แนะนำแบบนี้ บางท่านอาจจะสวนมาว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่ามันมีไฟสูงลดลง ก็ต้องมีเครื่องมือวัด หากไม่มีเครื่องมือวัด ก็ใช้แบบตาดูหูฟัง ก็ถอดสายหัวเทียนออกมาวางใกล้ๆกับกราวตัวเครื่องยนต์ (ระยะห่างของการอาร์ค ) หากพบว่าน้อย ก็ควรตรวจเรื่องสายหัวเทียน ว่ามีค่าความต้านทานเพิ่มขึ้นในสายมากหรือเปล่า หรือไม่ตรงตามสเป็ค หรือวัดค่าความต้านทานเทียบกับของใหม่ สังเกตได้หากปลี่ยนแล้ว ประกายไฟจะต้องแรงขึ้น

หรือจะใช้สายไฟที่ปอกสายให้ทองแดงโผล่ที่ปลายทั้งสอง ยาวพอที่จะต่อจากจานจ่ายมาลงที่ใกล้ๆกราวด์ของตัวเครื่องยนต์ เพื่อให้กระแสไฟอาร์ค จะพบว่ามีกระแสไฟโวลเต็จสูงมากกว่าที่ใช้สายหัวเทียน ก็จะเปรียบเทียบกันได้ แต่เมื่อใช้สายหัวเทียนนั้นทดลองหากการอาร์คต่ำมาก ก็ควรเปลี่ยน ก็เป็นการตรวจสอบเรื่องไฟจุดระเบิดให้กับหัวเทียน แบบตาดูหูฟัง เรื่องระบบน้ำมันให้ข้ามไปก่อน เพราะหากระบบน้ำมันมีแรงดันต่ำ การสตาร์ทเครื่องยนต์ในเบื่องต้นจะสตาร์ทยาก แต่ที่คุณบอกมาไม่มีเหตุจูงใจอะไรให้ต้องตรวจสอบ จึงข้ามไปก่อน

ทำไมผมถึงให้มาตรวจสอบเรื่องระบบวาวล์ และกำลังอัดขอเครื่องยนต์ พร้อมด้วยระบบองศาการจุดระเบิด เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่กำลังอัดของเครื่องยนต์ตกลง อันมาจากวาวล์ปิดไม่สนิท วาวล์ยัน วาวลห่าง ไฟจุดระเบิดไม่ดี มุมองศาจุดระเบิดไม่ถูกต้อง เป็นผลให้มีผลต่ออัตราเร่งของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้น และที่สำคัญ ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ได้ การที่จะให้ตัวช่วยเรื่องระบบการคอนโทรลรอบเดินเบาโดย sensor ต่างของเครื่องยนต์ทำงานส่งสัญญาณข้อมูลให้ ECU ทำงานได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์จะต้องมีกำลังอัดที่สมบูรณ์ในกระบอกสูบ หลังจากการจุดระเบิด

ดังนั้นเราจึงเป็นที่จะต้องทำให้เครื่องยนต์มีสภาพตามที่ผมกล่าวมาแล้วข้างบนก่อนอื่นได ก่อนที่จะมาวิเคราะห์ปัญหาเรื่องรอบเดินเบาครับ อย่าหลงประเด็น เดี๋ยวจะปวดหัวกับการแก้ไขเรื่อรอบเดินเบา……srithanon
วันที่: 20 Sep 12 - 14:29

 ความคิดเห็นที่: 2 / 19 : 741612
โดย: TERTATI
เยี่ยมเลยครับ พี่srithanon
วันที่: 20 Sep 12 - 14:55

 ความคิดเห็นที่: 3 / 19 : 741639
โดย: ต้อมครับ
ถ้าทำเยอะ

ผมเเนะนำ เปลี่ยนเครื่องใหม่


รถผมอาการไม่ถึงเเบบ จขกท

เเต่ทำเเล้วต้องเปลี่ยนให้หมด

ผมทำเเบบ ครึ่ง อยู่ไม่นาน 6-10 เดือน

กลับมาเหมือนเดิม
วันที่: 20 Sep 12 - 16:51

 ความคิดเห็นที่: 4 / 19 : 741640
โดย: ต้อมครับ
วันที่: 20 Sep 12 - 16:53

 ความคิดเห็นที่: 5 / 19 : 741641
โดย: ต้อมครับ
วันที่: 20 Sep 12 - 16:54

 ความคิดเห็นที่: 6 / 19 : 741642
โดย: ต้อมครับ
วันที่: 20 Sep 12 - 16:55

 ความคิดเห็นที่: 7 / 19 : 741644
โดย: ต้อมครับ
ประกอบกลับ


เเล้วก็ อีก 10 เดือน ยกออก

ผมเปลี่ยนยางตีนวาวล์ ประเก็นต่าง ๆ เเท้ 0 ทั้งหมด ( หลายบาทพอดู)

ยกเว้นไม่ได้เปลี่ยนวาวล์ กับเเหวนลูกสูบ ( เเท้ราคาหนาว )
วันที่: 20 Sep 12 - 16:59

 ความคิดเห็นที่: 8 / 19 : 741693
โดย: 323เก่าๆ
ลองวัดกำลังอัดดูครับ

ถ้ายังดี ค่อยไล่แก้เรื่องไฟ น้ำมันต่อ

ถ้าไม่ดีแล้วค่อยพิจารณาวางเครื่องหรือฮอล์ชุดใหญ่ครับ
วันที่: 20 Sep 12 - 23:22

 ความคิดเห็นที่: 9 / 19 : 741707
โดย: ต้อมครับ

ลองวัดกำลังอัดดูครับ




ของผมไม่ตกมาก เเต่กิน นมค

สุดท้ายขี้เกียจดูเเล ไม่อยากวิ่งไป เติม นมคไป

ยกเลย
วันที่: 21 Sep 12 - 07:33

 ความคิดเห็นที่: 10 / 19 : 741738
โดย: เอ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ

กำอัดวัดแล้วช่างบอกยังดีอยู่ ของเหลวอื่นสิ้นเปลืองปกติ นอกจากเบนซินและแก๊สที่รู้สึกว่ากินจุไปหน่อย สตาร์ทตอนเครื่องเย็นยังมีละอองน้ำแกาะตามผนังท่อไอเสียหรือกระเด็นไหลออกมาบ้าง (ช่างบอกว่าแสดงถึงการเผาไหม้ทีดี) ควันไม่ขาวไม่ดำ ใต้ห้องเครื่องมีรอยซึมบ้างแต่ไม่มาก ถ่ายนมค.ครั้งล่าสุดใช้มา 2000 โลยังไม่ยุบ นอกจากปัญารอบเดินเบาแล้วที่เป็นห่วงก็เรื่องกำลังรถมาช้านี่แหละครับ ที่กลัวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้ตัวเองเเละคนอื่นเดือดร้อน เช่นฉีกตัวแซงแล้วรถไม่ไปอาจทำให้คันหลังต้องเบรคตัวโก่งได้ มองกระจกหลังแล้วเสียวๆๆๆ
แต่ถ้าผมค่อยๆเยียบออกตัวเพิ่มน้ำหนักเท้าไปเรื่อยๆโดยไม่มีการเบรคเข้ามาขั้นก็ไหลได้ดูมีกำลังดีครับ ผมเลยรู้สึกว่ารถผมถ้ามีการเปลี่ยนแปลงความเร็วที่ต่างกันมากจะทำให้รถไม่มีกำลังหรือมาช้า (ไม่ถึงกับ kick down นะครับ) เพราะขับไปต่างจว.รู้สึกได้ไม่มาก แต่ถ้าขับในเมืองมีการเบรค, เปลี่ยนเลน, ขึ้นสะพานข้ามแยก จะรู้สึกได้ชัดเจนว่ากำลังมาช้า ตอนนี้ก็สงสัยพวกปลั๊กและระบบสายไฟเพราะสภาพแย่มาก

ผมไม่ใช่คนขับรถเร็วนะครับแต่บางสถานการณ์ก็อยากไปให้พ้นจากสภาพที่คับขันดูแล้วไม่ปลอดภัย เลยอยากแก้ไขรถให้อยู่ในสภาพที่พอไว้ใจได้เมื่อต้องการกำลังและความเร็ว

เจ้าของเดิมบอก overhaul มาแล้ว เดือน 7 ปี 54 นอกจากปัญหาที่ผมว่าอย่างอื่นก็อยู่ในระดับที่ดีครับ(ความรู้สึกตัวเอง)

ยังต้องการความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกนะครับ
ขอบคุณครับ เอ
วันที่: 21 Sep 12 - 09:38

 ความคิดเห็นที่: 11 / 19 : 741746
โดย: ทวีรัฐ
ดูจากอัตราสิ้นเปลืองแก๊สแล้ว ผมว่า โอเคเลยนะครับ ตาตี่ก็ได้ประมาณนี้ และค่อนไปทางแย่กว่าด้วยซ้ำ

ถามเพิ่มสักนิด อาการที่รู้สึกว่าไม่มีกำลังเนี่ย
เอาแบบภาษา บ้านๆ คือ เวลาเหยียบแบบกดพรวดลงไป แล้ว มันเหมือนกับ จะฟอดๆๆ รอรอบคล้ายๆจะสะอึก สัก2-3 วินาทีไหมครับ หลังจากนั้น ถึงเริ่มมีแรง แต่กรณีผมว่านี่ จะเห็นได้ชัดเวลาใช้ความเร็วต่ำ
เช่นวิ่งเข้าหมู่บ้านช้าๆ พอพ้นตรงที่แออัด จะกด อกไป มันดันสะอึก ฟอดดด อยู่แป๊บ

ของผมเป็นเฉพาะน้ำมัน แก๊ส ไม่ถึงกับไม่เป็น แต่อาการน้อยกว่า ต้องจับสังเกตุดีๆ

และในกรณีถ้าคิ๊กดาวน์ แรงอืดไหมครับ
วันที่: 21 Sep 12 - 10:19

 ความคิดเห็นที่: 12 / 19 : 741747
โดย: Fujiwara Takumi
เป็นกำลังใจครับ ขอให้รถกลับมาสมบูรณ์ไว ๆ น่ะครับ สู้ ๆ
วันที่: 21 Sep 12 - 10:19

 ความคิดเห็นที่: 13 / 19 : 741785
โดย: เอ
เพิ่มเติมครับคุณทวีรัฐ

คิ๊กดาวน์นี้มาช้าชัดเจนมากครับรู้สึกได้ถึงการรอคอย
เป็นทั้งแก๊สและน้ำมันแต่น้ำมันจะอาการดีกว่า (แก๊สหัวฉีด)
มีอาการสะอึกคล้ายแบบคุณทวีรัฐว่าเหมือนกันครับแต่ของผมไม่ฟอดดดด(หรือผมบอกอาการไม่ถูก) มันจะนิ่งๆเงียบๆแล้วก็สะอึกแล้วก็เริ่มมาเป็นทั้งความเร็วตำ่ความเร็วสูงครับ
ของผมถ้าพ้นเขตชุมชนกดพรวดลงไปรู้สึกได้ชัดเจน(ไม่ถึงกับคิ๊กดาวน์นะครับ)
แต่เหมือนที่ผมบอกคือถ้าค่อยๆเพิ่มนำ้หนักเท้าไปเรื่อยกำลังก็มาดีไม่รู้สึกอืดเท่าไรใช้ได้เลยสำหรับรถ CC และอายุขนาดนี้รับได้ครับ แต่เซงบ้างถ้าสภาพจราจรที่ต้องการความ
คล่องตัวแล้วรถตอบสนองช้า โชคดีทำงานอยู่ชานเมืองแถวมีนบุรีเลยไม่ได้เชงบ่อยนัก

ผมไม่เคยใช้รถเกียร์ออโต้ที่อายุมากและใหญ่เท่า Cronos มาก่อน เคยใช้รถเกียร์ออโต้ของคนอื่นบ้าง เครื่อง 1500, 1600, 1700 cc อายุ 0-10 ปี การตอบสนองก็ดูดีครับ ผมเลยเปรียบเทียบไม่ถูกว่า Cronos ที่สมรรถนะที่ดีตามอายุ กับรถของผมแตกต่างกันมากไหมหรือบางอย่างเป็นการคิดไปเองของผม รถ140-150 ก็ยังเยียบได้อยู่ครับ เท้ายิ่งหนักกระเป๋ายิ่งเบาเลยฝึกวิชาขาเบาดีกว่า หรือถ้ามีโอกาสคุณทวีรัฐลองขับรถผมดูได้ครับจะได้ช่วยให้ความเห็นเพิ่มอีกว่า ด้วยสภาพเครื่อง ตัวรถ และอายุ ก็จะได้สมรรถนะประมาณนี้แหละพอใช้ได้แล้ว เพราะผมเองก็รับได้ 80 % แล้วตอนนี้ กลัวแต่ฝืนใช้ไปไม่แก้ไขในส่วนที่คิดว่าเป็นปัญหาจะทำให้รถเสียหรืออายุการใช้งานน้อยเกินไป กะว่า 2-3 ปีไม่มีซ่อมหนักก็โอเคแล้วครับ

ขอบคุณครับ เอ
วันที่: 21 Sep 12 - 13:33

 ความคิดเห็นที่: 14 / 19 : 741794
โดย: srithanon
หากเครื่องยนต์มีกำลังอัดที่ที่ดี ตามที่ช่างบอก ลองตรวจสอบตามนี้ดูอีกครับ เรื่องแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีด พร้อมดวยตรวจสอบการทำงานของหัวฉีดน้ำมัน ว่ายังฉีดเป็นฝอยตามปกติหรือไม่ การที่หัวฉีดตัน ก็มีส่วนที่ทำให้รถไม่มีกำลัง
แต่อาการบอกเหตุเรื่องหัวฉีดตันที่สังเกตุได้ง่ายเมื่อหัวฉีดตีบตัน เครื่องยนต์จะเดินไม่ค่อยเรียบ มีสดุดเป็นจังหวะในรอบอัตราเร่ง เครื่องยนต์ไม่มีำกำลังลัง และสตาร์ทเครื่องยนต์ ติดช้า
ลองเร่งรอบเครื่องยนต์ ในขณะที่อยู่ในรอบเดินเบา เข้าเกียร์ P หรือ N เร่งให้รอบเครื่องยนต์สูงจากรอบต่ำๆไปจนสูงสุด อย่างรวดเร็ว แล้วปล่อยคันเร่ง หากเครื่องยนต์ตอบสนองตั้งแต่รอบเดินเบาไปจนถึงรอบสูงสุด ถือว่า ระบบหัวฉีดทำงานปกติ
หากสะดุดในรอบเร็วๆ ให้สงสัยไว้ก่อน เพราะการเทสแบบนี้ มีปัจจัยอื่นร่วมร่วม

ขั้นตอนตรวจสอบที่สองก็คือ ตรวจสอบการทำงานของ TPS sensor วัดโวลเต็จ ในขณะที่บิดกุญแจรถไว้ในตำแหน่ง ON แล้วลองเหยียบคันเร่ง ค่อยๆเร่งที่ละน้อยไปจนสุดคันเร่ง หรือจะใช้มือดันแกนลิ้นปีกผีเสื้อแทนก็ได้ ค่อยๆดันให้แกนลิ้นปีกผีเสื้อเปิดทีละน้อย ค่อยๆปรับอย่างต่อเนื่องช้าๆ แล้วลองดูโวลที่มิเตอร์ มันค่อยๆเพิ่มขึ้นไปจนสูงสุดที่ 5 โวลท์หรือไม่

หากมีโวลท์ขึ้นอย่างต่อเนื่องถือว่าปกติ หากมีการขาดช่วงเป็นบางช่วง โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ลิ้นเปิดมากๆ แสดงว่ามันมีปัญาหา ในการส่งสัญญาณโวลเต็จในจังหวะอัตราเร่ง เครื่องไม่มีกำลัง

ขั้นตอนต่อไป ให้ตรวจสอบดูการทำงานของ แอร์โฟวล์ ปกติแล้วการตรวจสอบเรื่องการทำงานของแอร์โฟวล์ หากไม่ใช้เครื่องมือในการตรวจจับการทำงานของของมัน ยากที่จะให้ใช้การวัดโวลท์เต็จ ด้วยเครื่องวัด VOM ( โวลท์โอมห์มิเตอร์) แบบทั่วๆไป เพราะเราจะไม่จับสํญญาณที่ตัวแอร์โฟวล์ จ่ายสัญญาณให้ ECU แต่เราจะจับสัญญาณพัลส์ของหัวฉีดน้ำมัน ว่ามีการฉีดน้ำมันมีความถี่ในการฉีดเพิ่มขึ้นเท่าไร และถ้าหากดึงปลั็กแอร์โฟวล์ออกในขณะที่เครื่องยนต์มีรอบอัตราเร่งที่ความเร็วรอบสูงๆ มันมีผลอย่างไรในการทำงานของหัวฉีด มีระยะเวลาในการฉีดลดลงหรือไม่

เพราะขั้นตอนนการฉีดน้ำมันเพิ่มในอัตราเร่ง นองกจาก ECU จะรับสัญญาณจาก ตัว TPS sensor แล้ว ก็จะมีตัว Air flow sensorที่จ่ายให้กับ ECU ไปประมวลผล ทั้งต่ำแหน่งการเปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ ที่ TPS และการไหลของอากาศ เข้าห่องไอดี ที่แอร์โฟวล์ ECU จะประมวลผลปรับระยะเวลาในการฉีดน้ำมันของหัวฉีด หากระบบแอรืโฟวล์มีปัญหา นอกจากจะสร้างปัญหาในรอบเดินเบาแล้ว ยังทำให้อัตราเร่งของรถไม่ตอบสนอง อืดและช้า ปกติการตรวจสอบในเรื่องนี้จะต้องใช้ Oscilloscope ตรวจจับสัญญาณของหัวฉีดน้ำมัน ว่ามันมีคาบเวลาของสัญญาณหัวฉีด เพิ่มขึ้นหรือไ่ม่ เมื่อแอรืโฟวล์ทำงาน หรือไม่ทำงาน สามารถบอกค่าเวลาที่เกิดขั้นได้ เพื่อให้เห็นการทำงานว่าผิดปกติหรือปกติ เมื่อกล่อง ECU รับสัญญาณจากแอร์โฟวล์ และ TPS

ดังนั้นในช่วงตรวจสอบเรื่องแอ์โฟวล์แบบไม่ใช้เครื่องมือ อยากให้ท่านเจ้าของกระทู้ ทดลองติดเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา แล้วลองดึงปลัี๊กแอร์โฟวล์ออก หากดึงออกแล้ว เครื่องยนต์ รอบไม่ตก หรือเครื่องเกือบดับ หรือไม่มีผลกับรอบเดินเบา แสดงว่าอาจจะเสีย และหากเร่งรอบเครื่องยนต์ รอบสูงๆแล้วดึงออก หากปกติเครื่องยนต์จะวู๊ปรอบเครื่องยนต์ตก เร่งไม่ขึ้น หากดึงออกแล้วยังเฉย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าแอร์โฟวล์อาจจะเสีย แต่ก็ไม่แน่บางครั้งพบว่าแอร์โฟวล์ปกติปกติ แต่กล่องECU ไม่ทำงาน มีทางเดียว ต้องลองสับเปลี่ยนกล่อง ECU ที่ร้านรับซ่อมกล่องดูก่อนว่า เครื่องยนต์ทำงานในรอบอัตราเร่ง หรือเร่งแซงได้ปกติหรือไม่ เป็นการทดสอบเรื่องกล่องก่อนที่จะตรวจสอบเรื่องระบบที่ผมกล่าวมา

แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ตรวจสอบ ลองตรวจดูสายพานไทม์มิ่ง มันหย่อนหรือไม่ หากหย่อนไม่ตึง อาจเป็นไปได้ว่า สายพานไทม์มิ่งอาจจะกระโดดข้ามเฟืองแคมชาร์ปไป สักเฟืองก็เป็นได้ หรือจะทดลอง ปรับที่ตัวจานจ่ายก็ได้ หากสายพานไม่กระโดดข้ามเฟือง การปลับไฟแก่หรืออ่อน จะมีช่วงระยะการปรับ ทวนเข็มและตามเข็มเท่ากัน หากสายพายพานไทม์มิ่งกระโดดข้าเฟืองดังว่า จะปรับไปทางทวนเข็มนาฬิกา มีระยะสั้น เหมือนปรับแล้วมันสุดรอบไม่ค่อยขึ้น แต่พอปรับตามเข็ม หรือไฟอ่อน จะปรับมีระยะปรับห่างกว่ามาก หากเป็นดังนี้ ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ได้เลย

ผมเคยตรวจแก้ปัญหาเรื่องรอบเดินเบาในเครื่องมาสด้าโปรทิเจ้ หลังจากที่ตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องกับรอบเดินเบาทั้งหมดแล้ว ก็แก็ไขไม่สำเร็จ ช่วงหลังลองไปปรับตั้งไฟที่จานจ่าย ปรากฏว่าปรับไฟแก่ได้น้อย และมีระยะปรับสั้นมาก หลังจากนั้นให้น้องเจ้าขอบรถนำไปให้ช่างตรวจสอบเรื่องสายพานไทม์มิ่ง ปรากฏว่าข้ามไปหนึ่งเฟือง ( เป็นช่างที่เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง ใส่ไม่ตรง ตอนไปเปลี่ยนสายพาน) ทำให้จังหวะองศาการจุดระเบิดผิด เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง ทำให้รอบเดินเบาปรับและแก้ไขไม่ได้ ทั้งรถวิ่งอืด เร่งไม่ตอบสนอง หลังจากแก้ไขเสร็จ ระบบเครื่องยนต์เป็นปกติ ไม่วารอบเดินเบาและอัตราเร่ง ก็เอาประสบการณ์แถมมาให้เป็นแนวทางในการแก้ไขครับ

ก็ลองตรวจสอบดูตามนี้อีกครั้งครับ อาจจะพบปัญหาก้ได้ .....srithanon
วันที่: 21 Sep 12 - 14:17

 ความคิดเห็นที่: 15 / 19 : 741890
โดย: ทวีรัฐ
โครโนส ไม่อืด ขนาด แพ้เครื่อง 1500 -1600 นะครับ ถ้าไม่นับน้ำหนักรถ

ถ้ามีเครื่องมือ ก็อยากให้ตรวจตามท่านsrithanonแนะนำ แต่เครื่องมือที่ต้องใช้ ถ้าไม่นับมิเตอร์วัดไฟธรรมดา ก็ไม่น่าจะมีใครมีกันมากนัก เว้นช่างอิเลคโทรนิค ซ่อมโน่นนี่คงมีแน่ๆ

จับสักเกตุ ในส่วนที่ทำเองได้ก่อนก็ได้ครับ

ว่าแต่ ฟังดูเหมือน สายคันเร่งหย่อน หรือปรับตังไม่ถูกยังไงไม่รู้
โครโนสนี่ใครทราบว่า ใช้เกียร์ สาย หรือ ไฟฟ้า ถ้าเป็นแบบสาย น่าลองปรับระยะใหม่

จริงๆถ้าตรวจสอบบางอย่างเองไม่ได้ หรือ หาไม่เจอจริงๆเป็นโครโนส ก็อยากให้ลองมาอู่ช่างประภาส แถวดินเมืองดูนะครับ ลองปรึกษาดูก่อนทำ และบอกเลยว่าเรางบไม่มาก ไม่อยากโดนช่างข้างนอกมั่วเปลี่ยนลองไปเรื่อย
ช่างประภาสแกค่อนข้างถนัดโพรโนสและค่าแรงก็ไม่แพงด้วย คุยก่อนก็ได้ครับ ลองค้นหาเบอร์โทรดูครับ
ใช้ได้ทนแน่นอน ถ้าไม่ไปหลงสเน่ห์ป้ายแดงราคาถูกใหม่ๆซะก่อน
วันที่: 22 Sep 12 - 00:50

 ความคิดเห็นที่: 16 / 19 : 741914
โดย: ต้อมครับ
คห ข้างบนไปไหนมา ตี 1
วันที่: 22 Sep 12 - 09:32

 ความคิดเห็นที่: 17 / 19 : 742077
โดย: Deen
ผมใช้โครโนสสี่สูบอยู่ครับ ผมว่าอัตรากินแก๊ส ปกตครับ แต่ไม่มีแรงแซงนี้หมายถึงแบบใหนครับ ถ้าจะให้แซงแบบกดปั๊ปมาปุ๊ป โครโนสสี่สูบยากครับ มันจะค่อยๆมา เวลาแซงต้องทำใจครับ

ส่วนรอบเดินเบาผมว่าน่าจะมาจาก กล่องECU มีปัญหา ของผมเคยเป็น รอบค้าง เบรครอบตกจนถึงจะดับ พอเปลี่ยนกล่อง อาการหายครับ ลองหายืมกล่อง คนอื่นมาลองครับ
วันที่: 23 Sep 12 - 15:16

 ความคิดเห็นที่: 18 / 19 : 742124
โดย: ทวีรัฐ
วันที่: 23 Sep 12 - 20:27

 ความคิดเห็นที่: 19 / 19 : 742252
โดย: เอ
ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ

ได้ลองปรับแต่งสายคันเร่งดูแล้ว การเร่งดีขึ้นนิดหน่อย
จะลองทำตามคำแนะนำในส่วนอื่นที่พอจะทำเองได้ดูครับ


ขอบคุณครับ เอ
วันที่: 24 Sep 12 - 13:24